พบผลลัพธ์ทั้งหมด 86 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากการก่อสร้างที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย และขอบเขตค่าเสียหายที่เรียกได้
ค่าจ้างทนายความดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองที่กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองที่โจทก์ต้องจ่ายไปมิใช่ค่าเสียหายโดยตรงจากการที่จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดเป็นความเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุ โจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของตึกที่ทำการก่อสร้างได้ยื่นคำขออนุญาตโดยมีแบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน รายการคำนวณแนบไปด้วยเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจำเลยที่ 2 เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างและจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงชื่อเป็นผู้ควบคุมงานตอกเสาเข็ม ซึ่งผู้รับจ้างจะต้องใช้ปั้นจั่นขนาดใหญ่ตอกเสาเข็มคอนกรีตลงในบริเวณที่ก่อสร้างเพื่อทำการก่อสร้างตึกสี่ชั้นซึ่งอยู่ใกล้บ้านโจทก์ทั้งสองเมื่อผู้รับจ้างกระทำการดังกล่าวทำให้บ้านโจทก์ทั้งสองแตกร้าวเสียหาย จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งให้ผู้รับจ้างกระทำการนั้นและเกิดการเสียหายขึ้น ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ผิดในส่วนของการงานที่สั่งให้ทำ จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2190/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการก่อสร้าง: การตัดรากต้นไม้ใกล้ท่อระบายน้ำทำให้ต้นไม้ล้มทับคน
จำเลยที่ 2 รับจ้างเทศบาลจำเลยที่ 1 ก่อสร้างทางระบายน้ำจำเลยที่ 2 ขุดดินวางท่อระบายน้ำตามแนวที่วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 กำหนดให้โดยแนวอยู่ห่างจากต้นหางนกยูงเพียงประมาณ20 เซนติเมตร มีการตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ใกล้กับบ่อพักท่อระบายน้ำนั้นออก ต้นหางนกยูงมีลำต้นขึ้นเอียงไปทางถนนโดยทำมุมกับถนนประมาณ 45 ถึง 60 องศา ก่อนเกิดเหตุแล้วและไม่มีรากแก้วคงมีแต่รากฝอยการที่จำเลยที่2ตัดรากของต้นหางนกยูงด้านที่อยู่ติดกับบ่อพักน้ำโดยที่ต้นหางนกยูงเอียงไปทางถนนทำมุมกับถนนอยู่แล้ว จำเลยที่ 2 ควรจะคาดเห็นได้ว่าจะทำให้ต้นหางนกยูงล้มลงได้ แต่จำเลยที่ 2 ก็มิได้หาทางป้องกันมิให้ต้นหางนกยูงล้มลง การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความประมาทที่ต้นหางนกยูงล้มทับผู้ตายทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จึงเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 2 เป็นการละเมิด วิศวกรผู้ควบคุมงานของจำเลยที่ 1 เป็นผู้กำหนดแนววางท่อระบายน้ำให้จำเลยที่ 2 โดยกำหนดแนวให้อยู่ห่างจากต้นหางนกยูงที่ล้มลงเพียงเล็กน้อย เป็นผลให้การขุดดินวางท่อระบายน้ำของจำเลยที่2 ต้องตัดรากของต้นหางนกยูงที่ล้มลงออกด้วย ถือได้ว่าจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ก่อสร้างวางท่อระบายน้ำเป็นผู้ผิดในคำสั่งที่จำเลยที่ 1 ให้ไว้และต้องร่วมกับจำเลยที่ 2รับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 2 ได้ก่อให้เกิดขึ้นด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาจากการก่อสร้างที่สร้างความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจ้างเหมาให้จำเลยที่ 2 สร้างอาคารคอนโดมิเนียม การตอกเสาเข็มจำเลยที่ 2 ได้ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้และตรงตามความประสงค์ของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างในระหว่างการก่อสร้าง จำเลยที่ 1 ได้ให้ตัวแทนไปตรวจการก่อสร้างด้วย การตอกเสาเข็มจึงเป็นส่วนการงานที่จำเลยที่ 1 สั่งให้จำเลยที่ 2 กระทำเมื่อเกิดการเสียหายขึ้น จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย การที่เศษวัสดุก่อสร้างตกลงไปในบ้านโจทก์หรือคนงานทิ้งขยะลงไปในบ้านโจทก์ เป็นผลจากการกระทำของจำเลยที่ 2หรือลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ที่มิได้ระมัดระวังในการดำเนินการก่อสร้าง มิใช่เป็นความผิดของจำเลยที่ 1 ในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ ในคำสั่งหรือในการเลือกหาผู้รับจ้างเพราะจำเลยที่ 2ดำเนินธุรกิจก่อสร้างมีวิศวกรควบคุมงานนับได้ว่าจำเลยที่ 1ได้เลือกหาผู้รับจ้างที่ควรจะทำงานของจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในส่วนนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5939/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการขุดเจาะทำลายทรัพย์สินใต้ดิน และขอบเขตความรับผิดสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
ทางเท้าที่เกิดเหตุเป็นของทางราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ที่จะทำการขุดเจาะทางเท้าจะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินที่ฝังอยู่ใต้ทางเท้านั้น การที่คนงานของจำเลยที่ 1 ขุดเจาะทางเท้าจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่สายเคเบิลไฟฟ้าใต้ดินของโจทก์ที่ฝังอยู่ใต้ดินโดยชอบ เป็นการประมาทและละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้ที่มีส่วนผิดอยู่ด้วยในส่วนของการงานที่สั่งให้จำเลยที่ 1 ทำ จำเลยที่ 2จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายดังกล่าว พนักงานของโจทก์ที่ไปทำการซ่อมแซมได้รับเงินเดือนประจำจากโจทก์แต่ถ้าไม่มีการทำละเมิดจนเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายโจทก์ย่อมใช้พนักงานไปทำงานอื่นของโจทก์ได้โดยไม่ต้องให้ไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่ได้รับความเสียหาย และนอกจากนี้หากโจทก์จ้างเหมาให้บุคคลอื่นไปทำการซ่อมแซมทรัพย์สินของโจทก์ที่เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ชดใช้ค่าแรงงานที่โจทก์จ้างเหมาบุคคลอื่น ดังนั้นจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์สำหรับค่าแรงงานตามฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4893/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในความเสียหายจากการก่อสร้างต่อเติมอาคารและการแบ่งแยกความรับผิดระหว่างนายจ้างกับผู้รับเหมา
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทที่มีผนังตึกร่วมกันแม้ข้อเท็จจริงจากการนำสืบของคู่ความจะไม่ปรากฏชัดว่าผนังตึกพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด แต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ยึดถือและใช้สอยผนังตึกพิพาทร่วมกัน โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิครอบครองผนังตึกพิพาทร่วมกัน เมื่อโจทก์ ถูกกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผนังตึกแตกร้าว เสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 1 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ก่อสร้างต่อเติมอาคารชั้นสามโดยจำเลยที่ 2 จะต้องเป็นผู้ทำให้สำเร็จตามความต้องการของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการจ้างทำของ ดังนั้นการงานที่จำเลยที่ 2และลูกจ้างได้กระทำไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกระทำเกิดไปละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดเองจะให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดด้วยไม่ได้ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังในการเลือกหาผู้รับจ้างที่ดี เพียงแต่เลือกเอาผู้รับเหมาก่อสร้างธรรมดาที่ไม่มีความรู้ไม่มีเครื่องมือที่ดี จำเลยที่ 1 จึงประมาทเลินเล่อในการหาผู้รับจ้าง แต่โจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้อง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4893/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของนายจ้างและผู้รับเหมาต่อความเสียหายจากละเมิด และขอบเขตการฟ้องคดี
โจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทที่มีผนังตึกร่วมกันแม้ข้อเท็จจริงจากการนำสืบของคู่ความจะไม่ปรากฏชัดว่าผนังตึกพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด แต่เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ยึดถือและใช้สอยผนังตึกพิพาทร่วมกัน โจทก์และจำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิครอบครองผนังตึกพิพาทร่วมกัน เมื่อโจทก์ ถูกกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผนังตึกแตกร้าว เสียหาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 1 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ก่อสร้างต่อเติมอาคารชั้นสามโดยจำเลยที่ 2 จะต้องเป็นผู้ทำให้สำเร็จตามความต้องการของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการจ้างทำของ ดังนั้นการงานที่จำเลยที่ 2และลูกจ้างได้กระทำไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกระทำเกิดไปละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดเองจะให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดด้วยไม่ได้
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังในการเลือกหาผู้รับจ้างที่ดี เพียงแต่เลือกเอาผู้รับเหมาก่อสร้างธรรมดาที่ไม่มีความรู้ไม่มีเครื่องมือที่ดี จำเลยที่ 1 จึงประมาทเลินเล่อในการหาผู้รับจ้าง แต่โจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้อง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
จำเลยที่ 1 ว่าจ้างจำเลยที่ 2 ก่อสร้างต่อเติมอาคารชั้นสามโดยจำเลยที่ 2 จะต้องเป็นผู้ทำให้สำเร็จตามความต้องการของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการจ้างทำของ ดังนั้นการงานที่จำเลยที่ 2และลูกจ้างได้กระทำไปโดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกระทำเกิดไปละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดเองจะให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดด้วยไม่ได้
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ระมัดระวังในการเลือกหาผู้รับจ้างที่ดี เพียงแต่เลือกเอาผู้รับเหมาก่อสร้างธรรมดาที่ไม่มีความรู้ไม่มีเครื่องมือที่ดี จำเลยที่ 1 จึงประมาทเลินเล่อในการหาผู้รับจ้าง แต่โจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้อง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4878/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อความเสียหายจากการจ้างทำของ กรณีผู้รับจ้างขาดความรู้และผู้ว่าจ้างควบคุมดูแล
การที่จำเลยเป็นผู้นำชี้แนวทำถนนให้ผู้รับจ้าง และควบคุมดูแลการทำถนนตลอดเวลา กับการที่ผู้รับจ้างไม่มีความรู้ในเชิงวิชากาทำถนนที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างข้างเคียงหรือไม่ยอมทำตามวิธีการที่ถูกต้อง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ผู้ว่าจ้างให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างและแม้จำเลยจะมิใช่ผู้ทำสัญญาจ้าง แต่จำเลยก็มอบหมายให้ ป.เป็นผู้ว่าจ้างแทน ป.จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านว่า ป.มิได้ทำไปภายในขอบเขตอำนาจแห่งฐานตัวแทนแล้วจำเลยซึ่งเป็นตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายที่ ป.ซึ่งเป็นตัวแทนได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 820 จำเลยจะปัดความรับผิดโดยเหตุที่ตนมิได้เป็นผู้ทำสัญญาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4878/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อความเสียหายจากการจ้างทำของ กรณีผู้รับจ้างขาดความรู้และควบคุมงาน
การที่จำเลยเป็นผู้นำชี้แนวทำถนนให้ผู้รับจ้าง และควบคุมดูแลการทำถนนตลอดเวลา กับการที่ผู้รับจ้างไม่มีความรู้ในเชิงวิชากาทำถนนที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิ่งก่อสร้างข้างเคียงหรือไม่ยอมทำตามวิธีการที่ถูกต้อง พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ผู้ว่าจ้างให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างและแม้จำเลยจะมิใช่ผู้ทำสัญญาจ้าง แต่จำเลยก็มอบหมายให้ ป.เป็นผู้ว่าจ้างแทน ป.จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านว่า ป.มิได้ทำไปภายในขอบเขตอำนาจแห่งฐานตัวแทนแล้วจำเลยซึ่งเป็นตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายที่ ป.ซึ่งเป็นตัวแทนได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 820 จำเลยจะปัดความรับผิดโดยเหตุที่ตนมิได้เป็นผู้ทำสัญญาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมการก่อสร้างและผลกระทบต่อทรัพย์สินข้างเคียง ผู้รับเหมามีความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดจากการกระทำตามคำสั่ง
การตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหายแม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเองแต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำและจำเลยควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก ดังนี้การตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลยความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงหาพ้นจากความรับผิดตามป.พ.พ. มาตรา 428 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2134/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากการตอกเสาเข็มและขุดดินสร้างความเสียหาย แม้ไม่ได้กระทำเองแต่สั่งการให้ผู้อื่นทำก็ต้องรับผิด
การตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหายแม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเอง แต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำและจำเลยควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก การตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยโดยตรง จำเลยหาพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ไม่