พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,914 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 408/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ขาดความชัดเจนในรายละเอียดข้อกล่าวหา ถือเป็นคำร้องเคลือบคลุม ศาลยกคำร้องได้
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52โดยกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกากบาทหมายเลข 7,8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบ จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7,8 และ 9 ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสีย มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้น และหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากรถยนต์ที่เช่าซื้อร่วมกัน และการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากความเสียหายของสินค้าที่บรรทุก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันที่เกิดเหตุชนกับรถของโจทก์ การส่งหมายนัดให้แก่จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่ 11 ตำบลเขาสวนกวางอำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น ไม่พบจำเลยที่ 2 คงพบแต่ภรรยาจำเลยที่ 2 แจ้งว่าจำเลยที่ 2 ชื่อนายประกิตศิริโคจรสมบัติไม่ใช่ประจำ ศิริโคจรสมบัติ ตามที่ปรากฏในฟ้องและหมายนัดต่อมาจำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ปรากฏว่านายประกิตอยู่ที่บ้านเลขที่ 24 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาสวนกวางอำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น และนายประกิต กับจำเลยที่ 1ได้ร่วมกันเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์บรรยายฟ้องตรงตามทางพิจารณา คงระบุชื่อผิดจากนายประกิตเป็นนายประจำไป ผู้รับผิดที่แท้จริงคือเจ้าของรถยนต์บรรทุก แม้โจทก์จะไม่ได้แก้ชื่อให้ถูกต้อง แต่ในฟ้องก็บรรยายให้เจ้าของรถยนต์บรรทุกรับผิดอยู่แล้ว นายประกิตเจ้าของรถยนต์บรรทุกที่แท้จริงต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์บรรยายฟ้องว่า รถของโจทก์บรรทุกน้ำปลาเพื่อไปส่งลูกค้า ลูกจ้างของจำเลยขับรถชนรถโจทก์โดยละเมิด เมื่อรถโจทก์ถูกชน รถโจทก์เสียหายหลายประการ รวมทั้งน้ำปลา ขวดน้ำปลาและลังบรรจุน้ำปลาแตกหักเสียหาย ฟ้องโจทก์พอเข้าใจแล้วว่าน้ำปลาและลังซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์เสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลย ส่วนโจทก์จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายในฐานะใดเป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากรถชน, การระบุชื่อจำเลยผิดพลาดไม่ทำให้ฟ้องเสีย, และการพิสูจน์การครอบครองทรัพย์สิน
ฟ้องโจทก์ระบุชื่อจำเลยที่ 2 ผิดไป แต่รายละเอียดที่บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์บรรทุกที่ทำละเมิดและข้อเท็จจริงในทางนำสืบก็รับฟังได้เช่นนั้น เมื่อบรรยายฟ้องไว้ถูกต้องแต่ระบุชื่อผิดไปจึงไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เสียไปหรือเป็นการฟ้องผิดคน แม้พยานจำเลยที่ 1 คือจำเลยที่ 2 จะเบิกความยอมรับว่าเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกที่ทำละเมิดแต่ผู้เดียวก็ตามแต่ก็ต้องพิจารณาพยานอื่นประกอบด้วย เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 ก็เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันดังกล่าวเช่นเดียวกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์บรรยายฟ้องว่ารถของโจทก์บรรทุกน้ำปลาเพื่อไปส่งลูกค้าเมื่อรถโจทก์ถูกชน รถโจทก์เสียหายหลายประการรวมทั้งน้ำปลาขวดน้ำปลาและลังบรรจุน้ำปลาแตกหักเสียหาย ถือว่าพอเข้าใจแล้วว่าน้ำปลาและลังซึ่งอยู่ในครอบครองของโจทก์เสียหายเนื่องจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลย ฟ้องโจทก์ส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – ขาดรายละเอียดการซื้อขายและชำระหนี้ ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์จำนวนเงิน 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้องแต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า "วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท" ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้าง จำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้ให้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใดดังนี้จำเลยย่อมไม่อาจเข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม – หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ชัดเจน – จำเลยไม่เข้าใจข้อหา – ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ไว้ให้แก่โจทก์ ซึ่งจำเลยซื้อสินค้าเชื่อไปจากโจทก์ 12,000 บาท ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง แต่หนังสือดังกล่าวมีข้อความเพียงว่า "วันหลังกลับคำพูดยอดหนี้หนึ่งหมื่นสองพันบาท ให้เรียกกันว่าหมาในที่สาธารณะชนได้ตลอดเวลาโดยไม่ถือหมิ่นประมาท" ซึ่งไม่มีตอนไหนเลยที่ระบุว่าจำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์เมื่อใด มีอะไรบ้างและจำนวนเท่าไร และจำเลยจะชำระหนี้จำนวนนี้แก่โจทก์หรือไม่ จะชำระอย่างไร เมื่อใด ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องแย้งขับไล่ไม่เคลือบคลุม และจำเลยมีอำนาจฟ้องแย้งได้ แม้ภริยาให้ความยินยอม
จำเลยที่ 2 บรรยายฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ซื้อที่พิพาทแทนโจทก์ แต่ซื้อในนามของตนเอง ที่พิพาทจึงเป็นของจำเลยทั้งสองได้ให้โจทก์และครอบครัวอยู่อาศัยและทำประโยชน์เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแสดงเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่ประสงค์ให้โจทก์และครอบครัวอยู่ในที่พิพาทตลอดไป ขอให้บังคับโจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ คำฟ้องแย้งแม้จะรวมมาในคำให้การ แต่ก็สามารถแยกแยะได้ว่าตอนไหนเป็นคำให้การตอนไหนเป็นคำฟ้องแย้งคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172แล้ว คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ 2 เป็นบุตรเขยของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บุพการีของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรสาวโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นสามีฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทอันเป็นสินสมรสได้ ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีด้วย เพราะจำเลยที่ 2 ฟ้องคดีในนามของตนเองไม่ได้ฟ้องแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 จำเลยที่ 2 มีอำนาจฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งขับไล่: คำฟ้องแย้งไม่เคลือบคลุม และจำเลยมีอำนาจฟ้องแย้งได้ แม้เป็นสินสมรส
จำเลยที่ 2 บรรยายฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้ซื้อที่พิพาทแทนโจทก์ แต่ซื้อในนามของตนเอง ที่พิพาทจึงเป็นของจำเลยทั้งสอง ได้ให้โจทก์และครอบครัวอยู่อาศัยและทำประโยชน์เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองแสดงเป็นปฏิปักษ์ต่อจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 จึงไม่ประสงค์ให้โจทก์และครอบครัวอยู่ในที่พิพาทตลอดไป ขอให้บังคับโจทก์และบริวารออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ คำฟ้องแย้งแม้จะรวมมาในคำให้การ แต่ก็สามารถแยกแยะได้ว่าตอนไหนเป็นคำให้การตอนไหนเป็นคำฟ้องแย้งคำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้ว คำฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยที่ 2 เป็นบุตรเขยของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บุพการีของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรสาวโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นสามีฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทอันเป็นสินสมรสได้ ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีด้วย เพราะจำเลยที่ 2 ฟ้องคดีในนามของตนเองไม่ได้ฟ้องแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1562 จำเลยที่ 2 มีอำนาจฟ้องแย้ง
จำเลยที่ 2 เป็นบุตรเขยของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่บุพการีของจำเลยที่ 2 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรสาวโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นสามีฟ้องแย้งขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทอันเป็นสินสมรสได้ ก็ไม่ถือว่าจำเลยที่ 1 ฟ้องคดีด้วย เพราะจำเลยที่ 2 ฟ้องคดีในนามของตนเองไม่ได้ฟ้องแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 1562 จำเลยที่ 2 มีอำนาจฟ้องแย้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝาก: การเสนอค่าไถ่, เอกสารสำเนา, และการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยให้การว่า เนื่องจากสัญญาขายฝากเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสนอค่าสินไถ่เป็นเงินสด โจทก์มิได้ขอปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงตามสัญญาขายฝากคำให้การดังกล่าวมิได้มีข้อความใดกล่าวถึงเลยว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัย โจทก์อ้างว่าต้นฉบับเช็คอยู่ที่ธนาคาร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเอกสารจากธนาคารแต่ธนาคารได้มอบสำเนาเช็คให้แก่โจทก์นำมาส่งต่อศาลชั้นต้น โดยไม่มีผู้รับรองสำเนาถูกต้อง โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอส่งสำเนาเช็คต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้รวม สำเนาก่อนวันสืบพยานโจทก์ 1 เดือนและเมื่อโจทก์อ้างเอกสารดังกล่าวกับพยานโจทก์หลายปากเบิกความถึงเอกสารดังกล่าวจำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนี้ปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนาอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือนโดยไม่บังคับให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่ และหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ก็ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แทนเป็นเงิน 550,000 บาทโดยไม่ได้หักค่าสินไถ่จำนวน 365,000 บาท ออกก่อนไม่ชอบด้วยการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 ปัญหาที่ว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนผู้จัดการมรดก: รายการทรัพย์สินไม่เคลือบคลุมหากสืบได้ในชั้นพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของ ฉ. ซึ่งเป็นบิดาโจทก์ แม้คำฟ้องของโจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าทรัพย์สินของ ฉ.กับจำเลยซึ่งเป็นภริยาใหม่ของฉ. ที่มีอยู่ในระหว่างอยู่กินร่วมกันมีอะไรบ้าง ก็ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะรายการทรัพย์สินของผู้ตายเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาของศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3767/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้มีแก้ไข – ธนาคารฟ้องหนี้ ยอดคลาดเคลื่อนแต่แก้ไขแล้ว ศาลไม่เห็นว่าทำให้จำเลยสับสน
ธนาคารโจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับยอดเงินที่จำเลยที่ 1ค้างชำระคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจทำให้จำเลยสับสนได้ แต่โจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับยอดหนี้ ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับเอกสารท้ายฟ้องและศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตแล้ว ย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์ไม่คลาดเคลื่อนและไม่ทำให้จำเลยสับสนอีกต่อไป จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว ไม่เคลือบคลุม