พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม และเกี่ยวข้องกับคู่ความ มิฉะนั้นศาลไม่รับ
โจทก์ฟ้องว่าซื้อบ้านพร้อมที่ดินพิพาทของ ป. จำเลยเช่าบ้านพิพาทจากภริยาป. ครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่อีกต่อไปขอให้บังคับจำเลยออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งว่า ป.ให้คำมั่นว่าจะขายบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนระหว่างโจทก์กับ ป. และให้ ป. จดทะเบียนโอนขายให้จำเลยนั้นฟ้องแย้งดังกล่าวเป็นคนละเรื่องคนละประเด็นและไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ทั้งเป็นการขอให้บังคับบุคคลอื่นที่ไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วย จึงไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขรายละเอียดในฟ้องหลังชี้สองสถาน ศาลอนุญาตได้หากไม่ใช่การแก้ไขคำฟ้องตามมาตรา 179
คำร้องขอแก้ไขวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คโดยอ้างว่าพิมพ์ผิดพลาดนั้น เป็นการขอแก้ไขรายละเอียดในฟ้องมิใช่เป็นการแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180และศาลมีอำนาจสั่งอนุญาตได้โดยไม่ต้องฟังจำเลยก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขรายละเอียดในฟ้องหลังชี้สองสถาน มิใช่การแก้ไขคำฟ้องตามมาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 180
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นเรื่องขอแก้ไขรายละเอียดในฟ้องเท่านั้น มิใช่เป็นการขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ไม่อยู่ในบังคับที่ต้องขอแก้ไขในระยะเวลาตามมาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องซื้อที่ดินเช่า: ต้องเพิกถอนคำวินิจฉัย คชก.จังหวัดก่อน จึงจะฟ้องบังคับขายได้
ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 57 คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด จะต้องฟ้อง คชก.จังหวัดเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด หากคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดยังไม่ถูกเพิกถอน คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดก็ยังมีผลใช้บังคับได้ โจทก์ซึ่งเป็นคู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการ แต่ไม่ได้ฟ้องคชก.จังหวัดสมุทรปราการเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดสมุทรปราการ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่นาที่เช่าให้ขายที่นาที่เช่าให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์ต้องการ แต่เป็นราคาที่แตกต่างไปจากราคาตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดสมุทรปราการได้ และเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องแล้วการที่โจทก์ขอเพิ่มเติมคำขอท้ายฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดสมุทรปราการจึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีเพราะศาลไม่อาจพิพากษาบังคับตามคำขอได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4749/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องจำเลยขึ้นอยู่กับการเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดก่อน การเพิ่มเติมคำฟ้องขอเพิกถอนคำวินิจฉัยหลังฟ้องไม่อาจบังคับได้
ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 57 หมายความว่า คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดจะต้องฟ้อง คชก.จังหวัดเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดเพราะตราบใดคำวินิจฉัยดังกล่าวยังไม่ถูกเพิกถอน ต้องถือว่าคำวินิจฉัยยังมีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายดังนี้ เมื่อโจทก์ในฐานะผู้เช่าไม่ฟ้อง คชก.จังหวัด เพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยที่ให้โจทก์ซื้อที่ดินที่เช่าจากจำเลยทั้งสามในราคาไร่ละ 250,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินที่เช่าให้ขายให้แก่โจทก์ตามราคาที่โจทก์ต้องการ การแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องโดยขอเพิ่มคำขอท้ายฟ้องให้ศาลเพิกถอนคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดโดยโจทก์ไม่ได้ฟ้อง คชก.จังหวัดด้วยนั้นเป็นคำขอที่ศาลไม่อาจพิพากษาบังคับตามคำขอได้ ศาลจึงชอบที่จะไม่อนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4356/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนภาษีอากรต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน แม้จะถูกแจ้งให้แก้ราคาสินค้า
จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ดำเนินคดีแก่จำเลย หนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นจำเลยมิได้ต่อสู้โดยตรงว่า โจทก์มิได้มอบอำนาจให้ฟ้องคดีตามใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเลขที่... ที่ศาลภาษีอากรกลางอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเลขที่ใบขนสินค้าในหนังสือมอบอำนาจซึ่งเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดจึงไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ แม้การแก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรที่ต้องชำระในใบขนสินค้ากับใบกำกับสินค้าให้สูงขึ้นจากเดิมจะเป็นการกระทำของโจทก์เองมิใช่เป็นการกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็ตาม แต่การแก้ดังกล่าวก็เป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งให้โจทก์กระทำ หากโจทก์ไม่แก้ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยก็คงไม่ตรวจปล่อยสินค้าพิพาทจากอารักขามอบให้โจทก์ไป ทั้งโจทก์ก็ได้สงวนสิทธิโต้แย้งราคาสินค้าในส่วนที่เพิ่มขึ้นไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าดังกล่าว แสดงว่าโจทก์มิได้แก้ราคาสินค้าและจำนวนเงินภาษีอากรด้วยความสมัครใจหรือเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย การยอมแก้ดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นการแก้ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ประเมินแล้ว เมื่อโจทก์ได้ชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลตามการประเมินนั้นแล้วมาอ้างว่าได้ชำระเกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมาย ขอเรียกร้องให้จำเลยคืนเงินภาษีอากรดังกล่าวให้อันเป็นการโต้แย้งผลการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คัดค้านต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้วินิจฉัยเสียก่อนว่าโจทก์เสียภาษีอากรไว้เกินกว่าที่จะต้องเสียตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยและมีคำสั่งแล้ว โจทก์จึงจะอุทธรณ์ต่อศาลหรือนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ตามที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 30 บัญญัติไว้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องคดีเลือกตั้ง: ชอบด้วยกฎหมายหากยังไม่มีการชี้สองสถานหรือสืบพยาน
คดีนี้ไม่มีการชี้สองสถาน ขณะผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องก็ยังไม่มีการสืบพยานหรือไต่สวนพยานหลักฐานของฝ่ายใด ตามคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องของผู้ร้องทั้งสองก็เกี่ยวข้องกันกับคำร้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ผู้ร้องทั้งสองจึงชอบที่จะขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้อง, การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม, และความชัดเจนของคำฟ้องในคดีแพ่ง
แม้โจทก์ได้ยื่นเอกสารต่อศาลชั้นต้นโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้อันเป็นการมิชอบด้วยกระบวนพิจารณาความก็ตาม แต่ต่อมาโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอ้างเอกสารดังกล่าวก่อนที่จะสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จ โจทก์จึงมีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง กฎหมายหาได้ห้ามการยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารที่ส่งต่อศาลก่อนแล้วแต่อย่างใดไม่ โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอเพิ่มเติมเป็นการอธิบายว่า โจทก์ได้พิมพ์ตัวเลข พ.ศ. ที่จำเลยที่ 1 ขอกู้เพิ่มเติมในสัญญาผิดไปเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดขึ้นเท่านั้นจึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเมื่อคดีไม่มีการชี้สองสถานและโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องก่อนวันสืบพยานโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179,180 แม้จะเป็นข้อที่จำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นสำคัญก็ตาม โจทก์ได้แก้ไขคำฟ้องแล้วว่าโจทก์พิมพ์ พ.ศ. ในสัญญากู้เพิ่มเติมผิดไปเป็นการอธิบายถึงที่มาของปีที่มีการทำสัญญากู้เพิ่มเติมว่าพิมพ์ พ.ศ. ผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องรายละเอียดเล็กน้อย และการพิพากษาชดใช้ค่าเสียหายรถยนต์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุ
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับชื่อจำเลยและวันเกิดเหตุละเมิดซึ่งเป็นรายละเอียดแห่งคำฟ้อง มิใช่เป็น การขอแก้ไขคำฟ้องตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179(1) และ (2)แม้โจทก์ทั้งห้าจะมิได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขก่อนวันสืบพยานศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้โจทก์ทั้งห้าแก้ไขได้ กรณีไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา 180 แม้โจทก์จะมิได้บรรยายในคำฟ้องว่า ธ.เป็นเจ้าของรถยนต์เก๋งคันที่ถูกชน แต่โจทก์ทั้งห้าก็ได้บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จากเหตุรถชนกันทำให้รถยนต์ที่ ธ.ขับมาได้รับความเสียหายและ ธ. ถึงแก่ความตายเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ธ. ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว คิดเป็นเงิน 315,000 บาท และโจทก์ที่ 1 ขอให้จำเลยชดใช้ราคารถยนต์คันดังกล่าวด้วยเมื่อทางพิจารณาได้ความว่ารถยนต์ที่ถูกชนเป็นรถของ ธ.การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ราคารถคันดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 1 จึงมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดี และการรับฟังพยานเอกสารที่มิได้ชำระค่าธรรมเนียม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าถูกต้อง
ในชั้นที่โจทก์ยื่นฟ้อง โจทก์ได้ส่งสำเนาใบมอบอำนาจเป็นเอกสารท้ายฟ้องฉบับหนึ่ง ก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องว่าสำเนาใบมอบอำนาจที่โจทก์ส่งท้ายฟ้องนั้นโจทก์ส่งผิดไป ขอส่งฉบับใหม่ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 ศาลชั้นต้นอนุญาต ชั้นสืบพยานโจทก์ก็นำสืบว่าโจทก์มอบให้ ธ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเอกสารหมาย ป.จ.1 ซึ่งจำเลยไม่ได้นำสืบหักล้างต้องฟังว่าโจทก์มอบอำนาจให้นายธ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเอกสารหมาย ป.จ.1 มาตั้งแต่ต้นจำเลยจะอ้างเอาใบมอบอำนาจที่โจทก์ส่งผิดมาโดยโจทก์แก้ไขแล้วมาเป็นเหตุให้ฟังว่า ธ. ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์นั้นเป็นการไม่ชอบ คำอ้างเอกสารเป็นค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เมื่อโจทก์มิได้จงใจจะไม่ชำระค่าธรรมเนียมก็ไม่มีบทกฎหมายจะให้ถือว่าโจทก์จะไม่ประสงค์อ้างเอกสารเป็นพยานตามบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)บัญญัติไว้แต่เพียงว่าห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่คู่ความมิได้แสดงความจำนงที่จะอ้างอิงเท่านั้นทั้งยังยกเว้นด้วยว่า ถ้าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีแม้จะฝ่าฝืนบทบัญญัติอนุมาตรานี้ก็ให้อำนาจศาลที่จะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้การที่ศาลรับฟังพยานเอกสารดังกล่าวโดยที่เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี จึงไม่เป็นเรื่องที่ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบ