พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และผลของการโต้เถียงเรื่องความสมบูรณ์ของโฉนด การยอมสละข้อโต้เถียง
ได้ความตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัยที่พิพาทที่โฉนด จำเลยให้การไม่รับรองโฉนด หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นสมยอมไม่สุจริต จำเลยไม่ได้อาศัยที่พิพาทนายนามให้จำเลย ๆ ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นนี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนด จำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้ว การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฎในรายงาน+พิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกันเหตุการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้ เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฎให้เห็นเป็นเช่นนั้น
ชั้นนี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนด จำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้ว การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฎในรายงาน+พิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกันเหตุการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้ เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฎให้เห็นเป็นเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และอายุความ การยอมสละข้อโต้เถียงในชั้นศาลมีผลอย่างไรต่อการวินิจฉัยคดี
ได้ความตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย ที่พิพาทมีโฉนดจำเลยให้การไม่รับรองโฉนด หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นสมยอมไม่สุจริตจำเลยไม่ได้อาศัยที่พิพาทนายนวมให้จำเลยๆ ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนดจำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้วการรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนดจำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้วการรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการแก้ไขคำให้การในคดีล้มละลายเพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้และลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งถูกศาลเรียกให้เข้ามาว่าคดีแทนลูกหนี้ซึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์ย่อมร้องต่อศาลขอแก้ไขคำให้การเดิมของลูกหนี้ได้ เพราะเป็นคดีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับมรดก: สิทธิการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายและข้อจำกัดในการเปลี่ยนแปลงคำให้การ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาและสวนพิพาท ซึ่งเป็นของผู้ตายตกเป็นมรดกแก่โจทก์ ผู้เป็นป้า.
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลย แต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้ จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลย ดังนี้ วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง.
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่ม เติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตาย,ตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การ เดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้./
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลย แต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้ จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลย ดังนี้ วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง.
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่ม เติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตาย,ตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การ เดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งและการเปลี่ยนแปลงคำให้การในคดีมรดก: ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม และไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงคำให้การขัดแย้งกับเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่านาและสวนพิพาท ซึ่งเป็นของผู้ตายตกเป็นมรดกแก่โจทก์ ผู้เป็นป้า
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลยแต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลยดังนี้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่มเติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตายตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การเดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้รับมรดก เพราะผู้ตายเป็นบุตรจำเลยแต่มารดาผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลยนั้น ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงขอให้ถือว่าเป็นฟ้องแย้ง ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าผู้ตายเป็นบุตรจำเลยดังนี้วินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเป็นคนละส่วนจากฟ้องเดิม ศาลย่อมไม่รับเป็นฟ้องแย้ง
จำเลยยื่นคำให้การในชั้นแรกว่า นาและสวนพิพาทอันตกเป็นมรดกนั้น เป็นของผู้ตาย ภายหลังยื่นคำให้การเพิ่มเติมว่า นาและสวนพิพาทเป็นของมารดาผู้ตาย จำเลยครอบครองมาตั้งแต่มารดาผู้ตายตาย ดังนี้ ขัดกับคำให้การเดิม ศาลย่อมไม่อนุญาตให้เพิ่มเติมคำให้การเช่นนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนการขายฝากภายในกำหนด และสิทธิในการฟ้องบังคับไถ่ถอน แม้ฟ้องเกินกำหนดสัญญา
คดีที่ศาลนัดชี้สองสถานไว้แต่ถึงวันนัด โจทก์จำเลยต่างแถลงไม่มีทางปรองดองกัน ขอให้นัดพิจารณาไป โจทก์รับเป็นฝ่ายนำสืบก่อน เพียงเท่านี้ หาใช่เป็นการชี้สองสถานตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 183 ไม่ ฉะนั้นคู่ความจึงมีสิทธิขอแก้ฟ้องหรือคำให้การได้ก่อนวันสืบพยาน
ขายฝาทรัพย์ไว้แก่เขาแล้วได้ติดต่อขอไถ่ถอนภายในกำหนดเขารับว่าจะรับการไถ่ถอน แต่ถึงกำหนด ก็ไม่มา ผู้ขายฝากจึงร้องต่ออำเภอท้องที่ และนำเงินไปเพื่อไถ่ถอนที่อำเภอก่อนครบกำหนดตามสัญญา ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายฝากได้ใช้สิทธิไถ่การขายฝากภายในกำหนด โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องของให้ผู้รับซื้อฝากรับการไถ่ถอนการขายฝากได้ แม้จะฟ้องเมื่อเกินกำหนดสัญญาไปก็ดี
ขายฝาทรัพย์ไว้แก่เขาแล้วได้ติดต่อขอไถ่ถอนภายในกำหนดเขารับว่าจะรับการไถ่ถอน แต่ถึงกำหนด ก็ไม่มา ผู้ขายฝากจึงร้องต่ออำเภอท้องที่ และนำเงินไปเพื่อไถ่ถอนที่อำเภอก่อนครบกำหนดตามสัญญา ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายฝากได้ใช้สิทธิไถ่การขายฝากภายในกำหนด โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องของให้ผู้รับซื้อฝากรับการไถ่ถอนการขายฝากได้ แม้จะฟ้องเมื่อเกินกำหนดสัญญาไปก็ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่การขายฝากและการฟ้องร้องเมื่อเกินกำหนดสัญญา
คดีที่ศาลนัดชี้สองสถานไว้ แต่ถึงวันนัด โจทก์จำเลยต่างแถลงไม่มีทางปรองดองกัน ขอให้นัดพิจารณาไป โจทก์รับเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเพียงเท่านี้ หาใช่เป็นการชี้สองสถานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183ไม่ ฉะนั้นคู่ความจึงมีสิทธิขอแก้ฟ้องหรือคำให้การได้ก่อนวันสืบพยาน
ขายฝากทรัพย์ไว้แก่เขาแล้วได้ติดต่อขอไถ่ถอนภายในกำหนดเขารับว่าจะรับการไถ่ถอน แต่ถึงกำหนด ก็ไม่มาผู้ขายฝากจึงร้องต่ออำเภอท้องที่ และนำเงินไปเพื่อไถ่ถอนที่อำเภอก่อนครบกำหนดตามสัญญา ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายฝากได้ใช้สิทธิไถ่การขายฝากภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ผู้รับซื้อฝากรับการไถ่ถอนการขายฝากได้แม้จะฟ้องเมื่อเกินกำหนดสัญญาไปก็ดี
ขายฝากทรัพย์ไว้แก่เขาแล้วได้ติดต่อขอไถ่ถอนภายในกำหนดเขารับว่าจะรับการไถ่ถอน แต่ถึงกำหนด ก็ไม่มาผู้ขายฝากจึงร้องต่ออำเภอท้องที่ และนำเงินไปเพื่อไถ่ถอนที่อำเภอก่อนครบกำหนดตามสัญญา ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ขายฝากได้ใช้สิทธิไถ่การขายฝากภายในกำหนดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ผู้รับซื้อฝากรับการไถ่ถอนการขายฝากได้แม้จะฟ้องเมื่อเกินกำหนดสัญญาไปก็ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้คำฟ้องไม่ระบุที่ตั้งชัดเจน แต่หากรายละเอียดในคำฟ้องและข้อเท็จจริงอื่นบ่งชี้ชัดเจน ศาลไม่ถือว่าฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์โดยมิได้กล่าวว่าที่พิพาทอยู่ที่ตำบลใด ครั้นจำเลยให้การต่อสู้คดี ได้ให้การตัดฟ้องด้วยว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่า ที่พิพาทอยู่ตำบลอำเภอใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องว่าที่พิพาทอยู่ ตำบลอำเภอและจังหวัดใด ดังนี้เมื่อปรากฎว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้แล้วว่าที่พิพาท โจทก์ได้มาตามสัญญายอมความ ในคดีหนึ่งของศาลนั้น ซึ่งในคดีนั้นก็ปรากฎชัดว่า ที่พิพาทแปลงนี้อยู่ที่ตำบลอำเภอจังหวัดใด และจำเลยซึ่งเป็นบุตรจำเลยในคดีก่อน ก็รู้ดีว่าที่ซึ่งโจทก์ฟ้อง อยู่ที่ตำบลใด ดังปรากฎตามคำให้การแล้ว ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้อง: แม้ไม่ได้ระบุที่ตั้งชัดเจน แต่หากข้อมูลปรากฏในคดีก่อนและจำเลยทราบ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยมิได้กล่าวว่าที่พิพาทอยู่ที่ตำบลใด ครั้นจำเลยให้การต่อสู้คดี ได้ให้การตัดฟ้องด้วยว่า ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่า ที่พิพาทอยู่ตำบลอำเภอใด เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์จึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องระบุว่าที่พิพาทอยู่ตำบลอำเภอและจังหวัดใดดังนี้ เมื่อปรากฏว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวไว้แล้วว่าที่พิพาท โจทก์ได้มาตามสัญญายอมความ ในคดีแดงคดีหนึ่งของศาลนั้น ซึ่งในคดีนั้นก็ปรากฏชัดว่าที่พิพาทแปลงนี้อยู่ที่ตำบลอำเภอจังหวัดใด และจำเลยซึ่งเป็นบุตรจำเลยในคดีก่อน ก็รู้ดีว่าที่ซึ่งโจทก์ฟ้อง อยู่ที่ตำบลใด ดังปรากฏตามคำให้การแล้ว ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ขอเพิ่มเติมฟ้อง ฟ้องของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหย่า: การยกเหตุอายุความต้องทำตั้งแต่แรก มิอาจยกขึ้นต่อสู้ภายหลัง
โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากสามีภริยากับจำเลย จำเลยต่อสู้ปฏิเสธเหตุหย่า มิได้ยกเอาอายุความขึ้นต่อสู้ไว้แม้ภายหลังจำเลยจะยื่นคำร้องขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์เสียโดยอ้างว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความแล้ว ก็ดีคำร้องดังกล่าวก็มิใช่เป็นคำให้การเพิ่มเติมศาลจึงจะยกเอาเรื่องอายุความขึ้นเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ไม่ได้