คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 180

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 390 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4795/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากการเป็นชู้ และการแก้ไขคำฟ้องหลังชี้สองสถาน
ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 และคิดดอกเบี้ย จากเงินค่าสินไหมทดแทนร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 มกราคม 2525 จำเลยให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินภริยาโจทก์ในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2525 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2526 จึงเป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไข คำฟ้องในวันนัดสืบพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 เพราะโจทก์ขอแก้ไข ก่อนวันชี้สองสถานได้ และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4795/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากชู้ และการแก้ไขคำฟ้องหลังวันชี้สองสถาน
ฟ้องโจทก์บรรยายชัดแจ้งว่าโจทก์ได้ทราบว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ ทำนองชู้สาวกับภริยาโจทก์ เมื่อวันที่ 28มกราคม 2525 และคิดดอกเบี้ย จากเงินค่าสินไหมทดแทนร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 29 มกราคม 2525 จำเลยให้การด้วยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องที่อ้างว่าจำเลยล่วงเกินภริยาโจทก์ในทำนองชู้สาวเมื่อวันที่28 มกราคม 2525 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มกราคม2526 จึงเป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด หนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ความจริงที่ยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไข คำฟ้องในวันนัดสืบพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลชอบที่จะสั่งให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180เพราะโจทก์ขอแก้ไข ก่อนวันชี้สองสถานได้ และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องหลังชี้สองสถาน, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, และการคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขจากคำว่า 'เงินมัดจำ' เป็น'เงินที่จ่ายล่วงหน้า' เป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลตามกฎหมายขึ้นแตกต่างกัน ไม่ใช่เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องหลังจากวันชี้สองสถานแล้ว จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์แก้
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณาเว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4580/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องหลังชี้สองสถาน, การกำหนดประเด็นข้อพิพาท, และการคืนเงินค่าจ้างล่วงหน้า
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอแก้ไขจากคำว่า 'เงินมัดจำ' เป็น'เงินที่จ่ายล่วงหน้า' เป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลตามกฎหมายขึ้นแตกต่างกัน ไม่ใช่เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องหลังจากวันชี้สองสถานแล้ว จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้โจทก์แก้
ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะดำเนินการชี้สองสถานเพื่อกำหนดประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปตามนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนี้เป็นคำสั่งในระหว่าง พิจารณาซึ่งห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในระหว่างพิจารณา เว้นแต่คู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคัดค้านไว้ คู่ความที่โต้แย้งชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่ วันที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี
ประเด็นแห่งคดีที่ว่า โจทก์ได้ขยายเวลาให้แก่จำเลยนั้นไม่เป็นปัญหาอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งชี้สองสถานของศาลชั้นต้นอันเกี่ยวกับประเด็นข้อนี้ไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อกำหนดประเด็นดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 โจทก์ฟ้องเรียกเงินมัดจำในการจ้างทำของคืนแล้วขอแก้ฟ้องอ้างว่าเป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้าซึ่งศาลไม่อนุญาตแม้ขอใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่เงินมัดจำ แต่เป็นเงินที่จ่ายล่วงหน้า ก็พิพากษาให้คืนได้ไม่เป็นการนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291-4295/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่สมเหตุสมผล แม้มีบันทึกข้อตกลงและภาวะขาดทุน ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
การเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงสาเหตุแห่งการเลิกจ้างเป็นประการสำคัญ แม้การเลิกจ้างนั้นจะเป็นเหตุให้ผู้ถูกเลิกจ้างเดือดร้อน แต่ก็เป็นความจำเป็นทางด้านนายจ้างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อให้กิจการของนายจ้างดำรงอยู่ต่อไป ย่อมเป็นสาเหตุที่จำเป็นแก่การเลิกจ้างแล้วแม้นายจ้างมิได้ยุบหน่วยงานที่ผู้ถูกเลิกจ้างทำงานอยู่ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
จำเลยที่ 1 ประสบภาวะขาดทุน ไม่สามารถดำเนินกิจการไปได้โดยราบรื่น จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้วยการเลิกจ้างพนักงาน เมื่อเลิกจ้างก็ได้จ่ายเงินบำเหน็จ ค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าการเลิกจ้างของจำเลยเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมและไม่เป็นการฝ่าฝืนบันทึกผลการเจรจาข้อเรียกร้องซึ่งห้ามจำเลยที่ 1 เลิกจ้างพนักงานและลูกจ้างไม่ว่ากรณีใด ๆ มิฉะนั้นแล้วแม้จำเลยที่ 1 ประสบภาวะขาดทุนมีหนี้สินมากจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ กิจการหยุดชะงักงันโดยสิ้นเชิงจำเลยที่ 1 ก็ยังจะต้องรับภาระจ้างพนักงาน และลูกจ้างในจำนวนเดิมและไม่สามารถแก้ไขวิกฤติการณ์ จึงย่อมเป็นไปไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งวันฟ้อง' แต่หลังจากนั้นจนถึงวันที่ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้สั่งคำร้องขอแก้ไขฟ้องดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4291-4295/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างพนักงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจ: การพิจารณาความจำเป็นและความเป็นธรรม
การเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่ ต้องพิจารณาถึงสาเหตุแห่งการเลิกจ้างเป็นประการสำคัญ แม้การเลิกจ้างนั้นจะเป็นเหตุให้ผู้ถูกเลิกจ้างเดือดร้อนแต่ก็เป็นความจำเป็นทางด้านนายจ้างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพื่อให้กิจการของนายจ้างดำรงอยู่ต่อไป ย่อมเป็นสาเหตุที่จำเป็นแก่การเลิกจ้างแล้วแม้นายจ้างมิได้ยุบหน่วยงานที่ผู้ถูกเลิกจ้างทำงานอยู่ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยที่ 1 ประสบภาวะขาดทุน ไม่สามารถดำเนินกิจการไปได้โดยราบรื่น จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้วยการเลิกจ้างพนักงานเมื่อเลิกจ้างก็ได้จ่ายเงินบำเหน็จ ค่าชดเชยให้ตามกฎหมายถือไม่ได้ว่าการเลิกจ้างของจำเลยเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมและไม่เป็นการฝ่าฝืนบันทึกผลการเจรจาข้อเรียกร้องซึ่งห้ามจำเลยที่ 1 เลิกจ้างพนักงานและลูกจ้างไม่ว่ากรณีใดๆมิฉะนั้นแล้วแม้จำเลยที่ 1 ประสบภาวะขาดทุนมีหนี้สินมากจนไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ กิจการหยุดชะงักงันโดยสิ้นเชิงจำเลยที่ 1 ก็ยังจะต้องรับภาระจ้างพนักงานและลูกจ้างในจำนวนเดิม และไม่สามารถแก้ไขวิกฤติการณ์ จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง ศาลแรงงานกลางสั่งว่า 'สำเนาให้จำเลยสั่งวันฟ้อง' แต่หลังจากนั้นจนถึงวันที่ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาศาลแรงงานกลางก็มิได้สั่งคำร้องขอแก้ไขฟ้องดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าศาลแรงงานกลางอนุญาตให้แก้ไขคำฟ้องตามคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังงดชี้สองสถาน/สืบพยาน และคดีรื้อถอนอาคารที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยาน จำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้ และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้อง เมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่ หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้น จึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต การดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคาร ที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้ ้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4176/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การและการพิจารณาคดีแพ่งที่มิใช่คดีเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานแล้วนัดฟังคำพิพากษา จึงไม่มีวันชี้สองสถานและวันสืบพยานจำเลยย่อมจะยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาได้และการยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การฉบับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าคำให้การเดิมบกพร่อง ไม่ชัดเจนและพิมพ์ผิดพลาดหลายแห่ง ขอยกเลิกคำให้การเดิมแล้วขอใช้คำให้การใหม่ที่แนบท้ายคำร้องเมื่อคำให้การของจำเลยที่พิมพ์มาใหม่หาได้เปลี่ยนแปลงไปจากคำให้การเดิม เป็นแต่เพียงเพิ่มเติมข้อความบางตอน แล้วเรียบเรียงข้อความเสียใหม่ให้อ่านได้ความต่อเนื่องชัดแจ้งขึ้นจึงชอบที่จะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การได้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตการดำเนินคดีเป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ระงับการก่อสร้างให้รื้อถอนอาคารที่มิได้รับอนุญาตหากฝ่าฝืนเจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจร้องขอต่อศาลให้รื้อถอนการดำเนินคดีดังกล่าวมิได้เนื่องมาจากมูลความผิดทางอาญาในความผิดต่อพระราชบัญญัติควบคุมอาคารการฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคาร จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามาฟังเป็นยุติในคดีแพ่งหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับแก้ไขคำให้การ และผลของคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ถึงที่สุด
หลังจากศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงไม่รับ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตาม มาตรา 228 (3) ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตามมาตรา 236 วรรคแรก โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับแก้ไขคำให้การ และผลของคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ถึงที่สุด
หลังจากศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงไม่รับ จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามมาตรา 228(3) ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตามมาตรา 236 วรรคแรก โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกาต่อมา
of 39