พบผลลัพธ์ทั้งหมด 106 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกัน - ความรับผิดของผู้ค้ำประกันต่อการทุจริตของลูกจ้างที่ได้รับมอบหมาย
จำเลยได้ทำสัญญาค้ำประกันผู้มีชื่อคนหนึ่งในการเข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์ว่า ถ้าผู้มีชื่อทำให้โจทก์เสียหายด้วยประการใดๆ แล้ว จำเลยยินยอมชำระค่าเสียหายให้นั้น เมื่อผู้มีชื่อได้รับมอบหมายให้ไปทำงานและได้บังอาจเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้วหลบหนีไป เช่นนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็ย่อมต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญาค้ำประกันนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์หลักฐานสัญญาและการต่อสู้เรื่องมูลหนี้ตามสัญญาจำนอง การนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินของโจทก์ไป จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ และไม่เคยทำสัญญากู้ และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ที่โจทก์จะสั่งมาให้จำเลย ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อนให้ข้อเท็จจริงปรากฎดังฟ้อง ส่วนข้อที่จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์นั้น เป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบการปฏิเสธหนี้อันเป็นประชาชนที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุเรียกร้องเท่านั้น
สัญญาจำเลย คือ สัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่าจำนองประกันเงินกู้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้ เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแหล่งข้อหาแล้ว โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่
สัญญาจำเลย คือ สัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่าจำนองประกันเงินกู้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้ เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแหล่งข้อหาแล้ว โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบของโจทก์, การต่อสู้เรื่องมูลหนี้จำนอง, และการพิสูจน์หลักฐานสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินของโจทก์ไปจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ และไม่เคยทำสัญญากู้ และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ที่โจทก์จะสั่งมาให้จำเลยดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อนให้ข้อเท็จจริงปรากฏดังฟ้องส่วนข้อที่จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์นั้นเป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบการปฏิเสธหนี้อันเป็นประธานที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุเรียกร้องเท่านั้น
สัญญาจำนอง คือสัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่า จำนองประกันเงินกู้. จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น. เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง. จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง. มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้. เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว.โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น. โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่.
สัญญาจำนอง คือสัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่า จำนองประกันเงินกู้. จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น. เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง. จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง. มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้. เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว.โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น. โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน: สัญญาค้ำประกันที่มีข้อความระบุผู้กู้ถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมตามกฎหมาย แม้ไม่มีลายมือชื่อในสัญญากู้
การกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทที่มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญนั้น จะฟ้องร้องผู้กู้ให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้น ไม่ได้หมายความเลยไปว่าหนี้แห่งการกู้ยืมจะเป็นโมฆะไปด้วย ยังคงเป็นหนี้ที่สมบูรณ์ที่อาจมีการค้ำประกันกันได้ตามมาตรา 681
การที่ผู้กู้เป็นผู้เขียนสัญญาค้ำประกันที่ผู้ค้ำประกันทำให้ไว้แก้ผู้ให้กู้ มีข้อความแสดงว่าผู้กู้เป็นผู้กู้เงินของผู้ให้กู้ไป และผู้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เขียนด้วยนั้น ถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามความหมายของมาตรา 653 แล็ว.
การที่ผู้กู้เป็นผู้เขียนสัญญาค้ำประกันที่ผู้ค้ำประกันทำให้ไว้แก้ผู้ให้กู้ มีข้อความแสดงว่าผู้กู้เป็นผู้กู้เงินของผู้ให้กู้ไป และผู้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เขียนด้วยนั้น ถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามความหมายของมาตรา 653 แล็ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมเงิน - สัญญาค้ำประกันที่มีข้อความระบุการกู้ยืม ถือเป็นหลักฐานได้ แม้ผู้กู้ไม่ลงลายมือชื่อในสัญญา
การกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทที่มิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญนั้น จะฟ้องร้องผู้กู้ให้บังคับคดีไม่ได้เท่านั้นไม่ได้หมายความเลยไปว่า หนี้แห่งการกู้ยืมจะเป็นโมฆะไปด้วยยังคงเป็นหนี้ที่สมบูรณ์ที่อาจมีการค้ำประกันได้ตามมาตรา 681
การที่ผู้กู้เป็นผู้เขียนสัญญาค้ำประกันที่ผู้ค้ำประกันทำให้ไว้แก่ผู้ให้กู้ มีข้อความแสดงว่าผู้กู้เป็นผู้กู้เงินของผู้ให้กู้ไป และผู้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เขียนด้วยนั้นถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามความหมายของมาตรา 653 แล้ว
การที่ผู้กู้เป็นผู้เขียนสัญญาค้ำประกันที่ผู้ค้ำประกันทำให้ไว้แก่ผู้ให้กู้ มีข้อความแสดงว่าผู้กู้เป็นผู้กู้เงินของผู้ให้กู้ไป และผู้กู้ได้ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้เขียนด้วยนั้นถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามความหมายของมาตรา 653 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1807/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันต้องตีความตามถ้อยคำอย่างเคร่งครัด ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายไม่ได้เกิดจากการเก็บเงินตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาค้ำประกันบุคคลผู้มีหน้าที่เก็บเงินของการไฟฟ้า ฯ ไว้ว่า ถ้าบุคคลนั้นทำความเสียหายเป็นเหตุให้เงินของการไฟฟ้า ฯ ที่ตนได้รับมอบหมายไปเก็บจากลูกหนี้ขาดหายสูญเสียไปด้วยประการใด ๆ ก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมรับชดใช้ให้ นั้น หากปรากฏว่าบุคคลนั้นปลอมแปลงใบเสร็จรับเงินแล้วไปเก็บเงินของการไฟฟ้า ฯ เอาเสียเองแล้ว จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดเพราะมิได้มีการมอบหมายให้ไปเก็บเงินแต่อย่างใด และการตีความตามสัญญาเช่นนี้ ก็ต้องเป็นไปโดยเคร่งครัด จะแปลเอาตามเจตนารมย์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะ แม้มีการดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมจากเจตนาร้องทุกข์เดิม และสิทธิการบังคับคดีกับลูกหนี้
โจทก์เจตนาแจ้งข้อหาในเรื่องฉ้อโกงเงินของโจทก์อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แจ้งความเท็จ และทำผิดกฎหมายหุ้นส่วนด้วย จำเลยเข้ามาทำสัญญากับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยยอมค้ำประกันจำนวนเงินรายนี้ ครั้นโจทก์ถอนคำร้องทุกข์ แม้คดีคงระงับเฉพาะข้อหาฉ้อโกงเป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้น จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้น เพราะการที่ข้อหาในคดีอาญาแผ่นดินยังดำเนินกันอยู่นั้น ไม่เกี่ยวแก่โจทก์ สัญญาค้ำประกันเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ทีค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงิน เป็น 2 ซ้ำไม่
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ทีค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงิน เป็น 2 ซ้ำไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่เป็นโมฆะ แม้มีการดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมจากเจตนาร้องทุกข์เดิม ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิดตามสัญญา
โจทก์เจตนาแจ้งข้อหาในเรื่องฉ้อโกงเงินของโจทก์อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว แต่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง แจ้งความเท็จ และทำผิดกฎหมายหุ้นส่วนด้วย จำเลยเข้ามาทำสัญญากับโจทก์ว่า ถ้าโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แล้ว จำเลยยอมค้ำประกันจำนวนเงินรายนี้ ครั้นโจทก์ถอนคำร้องทุกข์แม้คดีคงระงับเฉพาะข้อหาฉ้อโกงอันเป็นความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้น จำเลยก็ยังคงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้นเพราะการที่ข้อหาในคดีอาญาแผ่นดินยังดำเนินกันอยู่นั้น ไม่เกี่ยวแก่โจทก์ สัญญาค้ำประกันเช่นว่านี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงินเป็น 2 ซ้ำไม่
ในสัญญาค้ำประกันมีว่า จำเลยผู้ค้ำประกันยอมสละไม่ยกข้อต่อสู้ที่จะให้โจทก์บังคับเอาจากทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้ก่อน ฉะนั้นเมื่อบริษัทลูกหนี้ล้มละลาย แม้โจทก์จะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ตาม ก็ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องจำเลยขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้ชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ หากโจทก์ได้รับชำระหนี้จากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่าใด จำเลยผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องชำระในจำนวนนั้นอีก หาใช่โจทก์จะมีสิทธิได้รับจำนวนเงินเป็น 2 ซ้ำไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพลาดเรื่องตัวการกู้ยืมและการรับผิดของผู้ค้ำประกัน: เจ้าหนี้ต้องพิสูจน์ความรู้ของเหตุสำคัญผิด
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตาม ป.พ.พ. มาตรา 681 วรรค 3.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อเกิดความสำคัญผิดเรื่องตัวลูกหนี้ และไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 วรรคสาม
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697