พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับคดียาเสพติด: กองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีสิทธิเหนือทรัพย์สินก่อนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
บัตรกำนัลมีดอกเบี้ยเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้อาศัยอำนาจตามมาตรา16(4)และมาตรา22แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.2534มีคำสั่งให้ยึดและอายัดไว้และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเก็บรักษาบัตรกำนัลไว้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามคำร้องของพนักงานอัยการที่ขอให้ศาลริบทรัพย์สินให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแต่เมื่อคดีอาญาดังกล่าวไม่ถึงที่สุดจึงยังไม่มีการริบดังนี้แม้บัตรกำนัลยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ก็ตามแต่ถ้าศาลสั่งริบบัตรกำนัลย่อมตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดการที่โจทก์ขอให้ส่งบัตรกำนัลต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมเป็นการขัดสิทธิของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีอยู่เหนือบัตรกำนัลดังกล่าวกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าลักษณะเป็นสิทธิอื่นๆตามมาตรา287โจทก์จะขอให้ยึดหรือส่งบัตรกำนัลดังกล่าวเสียทีเดียวไม่ได้ได้แต่เพียงอายัดไว้ในกรณีที่บัตรกำนัลจะต้องคืนแก่จำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีเกี่ยวข้องยาเสพติด: พยานหลักฐานไม่เพียงพอและขาดเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงาน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติกและพยานที่สืบสวนมาก็ไม่ได้ความว่าสืบมาอย่างไร จากใคร เมื่อรู้ก่อนนานแล้วทำไมไม่ดำเนินการจับกุม เหตุใดต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ถูกกล่าวหา จึงน่าเป็นเพราะอยู่ด้วยกับจำเลยที่ 4 ในบ้านเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางอาจบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้และตามวิสัยการกระทำผิดอันร้ายแรงเช่นนี้ ชอบที่จำเลยที่ 4 กับพวกต้องปิดบังไว้ไม่น่าให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ล่วงรู้ไปได้ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ส่วนความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่นั้น เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากจำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิดประตูและจำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้เปิดกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นไฟฟ้าภายในบ้านก็ดับลงไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้กระทำการอันใดบ้าง การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 4 จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ภายในบ้านเกิดเหตุด้วย จะถือว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีจำหน่ายยาเสพติดและขัดขวางเจ้าพนักงาน: ยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อหลักฐานไม่ชัดเจน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติก ที่อ้างว่าทำการสืบสวนทราบมาก็ไม่ได้ความว่าสืบสวนมาอย่างไรและเหตุใดไม่ดำเนินการจับกุมก่อนหน้านั้นต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางที่สิบตำรวจเอกวและวนำมาซุกซ่อนในบ้านเกิดเหตุอาจมีการบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้ การที่จำเลยที่ 1 พูดห้ามจำเลยที่ 4 ไม่ให้เปิดประตูบ้านให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นในเวลา 24 นาฬิกาและมีการดับไฟในบ้านด้วยนั้น จำเลยที่ 1 อาจเข้าใจว่าเป็นผู้อื่นอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อมา กระทำการโดยมิชอบก็ได้พยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิดจำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานอ่อนแอ-เหตุผลสมควร: ยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดียาเสพติดและขัดขวางเจ้าพนักงาน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติก ที่อ้างว่าทำการสืบสวนทราบมาก็ไม่ได้ความว่าสืบสวนมาอย่างไร และเหตุใดไม่ดำเนินการจับกุมก่อนหน้านั้นต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางที่สิบตำรวจเอก ว และ ว นำมาซุกซ่อนในบ้านเกิดเหตุอาจมีการบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้ การที่จำเลยที่ 1 พูดห้ามจำเลยที่ 4 ไม่ให้เปิดประตูบ้านให้เจ้าพนักงานเข้าตรวจค้นในเวลา24 นาฬิกา และมีการดับไฟในบ้านด้วยนั้น จำเลยที่ 1 อาจเข้าใจว่าเป็นผู้อื่นอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อมากระทำการโดยมิชอบก็ได้ พยานหลักฐานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสาม
เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิด จำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่
เจ้าพนักงานแสดงตัวขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดในบ้านเกิดเหตุโดยขอให้จำเลยที่ 4 เปิดประตู จำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิด จำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้จำเลยที่ 4 เปิดประตูพร้อมกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน จากนั้นไฟฟ้าในบ้านดับลงโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับ เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4ทำการอื่นใดนอกจากนี้ และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำการใดบ้าง จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ในบ้านเกิดเหตุด้วย ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่