คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ม. 58 วรรคแรก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5690/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบังคับตามคำวินิจฉัย คชก. ผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีอำนาจฟ้องได้ตาม พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
คชก.จังหวัดพิจิตรมีคำวินิจฉัยอันถึงที่สุดให้โจทก์เช่าทำนาในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงต่อไปตามเดิมและให้จำเลยขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ในราคา150,000บาทภายใน60วันนับแต่วันที่คชก.จังหวัดพิจิตรมีคำวินิจฉัยดังนี้เมื่อจำเลยไม่ปฎิบัติตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดพิจิตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้ย่อมฟ้องขอให้ศาลบังคับตามคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดพิจิตรได้ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินการเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา58วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่าเมื่อมีการขายทอดตลาด และการแก้ไขราคาซื้อขายโดยศาลตามกฎหมายเช่าที่ดิน
คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลที่มิได้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯตามมาตรา56ย่อมถึงที่สุดแต่มาตรา58วรรคหนึ่งบัญญัติว่าในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยดังกล่าวเมื่อ ผู้มีส่วนได้เสียร้องขอต่อศาลในการพิจารณาคดีของศาลให้ถือว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็น คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาตามคำวินิจฉัยดังกล่าวในกรณีนี้โดยอนุโลมซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา221บัญญัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการคือพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการฯมาตรา24วรรคสองให้ศาลมีอำนาจแก้ไขในกรณีที่คำชี้ขาดมีข้อบกพร่องอันมิใช่สาระและอาจแก้ไขได้เช่นการคำนวณตัวเลขหรือการกล่าวอ้างถึงบุคคลหรือทรัพย์สิ่งใดผิดพลาดไปแต่การนำบทบัญญัติดังกล่่าวมาใช้บังคับเพียงเท่าที่ไม่ขัดต่อสภาพความชอบกฎหมายของคำวินิจฉัยถึงที่สุดของคชก.ตำบลโดยเฉพาะข้อที่ว่าราคาที่คชก.ตำบลวินิจฉัยให้ผู้รับโอนขายนาให้แก่ผู้เช่านาเป็นราคาตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯมาตรา54วรรคหนึ่งหรือไม่ศาลต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานและกำหนดราคาให้ถูกต้องแล้วพิพากษาบังคับให้ขายตามราคาที่กำหนดไปได้แม้จะเป็นการแก้ไขคำวินิจฉัยที่ถึงที่สุดของคชก.ตำบลก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำวินิจฉัยคชก.ที่ดิน เกินกำหนดสิทธิซื้อนา และผลกระทบต่ออำนาจฟ้อง
ฟ้องโจทก์เป็นการร้องขอต่อศาลให้บังคับกรณีมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยหรือคำสั่งอันเป็นที่สุดของคชก.ตำบลหรือคชก.จังหวัดซึ่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯมาตรา58วรรคแรกให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมและตามพระราชบัญญัติ อนุญาโตตุลาการฯมาตรา24วรรคแรกให้ศาลมีอำนาจทำคำสั่งปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดในกรณีที่ศาลเห็นว่า คำชี้ขาด ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ใช้บังคับแก่ข้อพิพาทนั้นเมื่อพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯมาตรา56วรรคแรกบัญญัติให้ ผู้เช่านาต้องใช้สิทธิซื้อนาพิพาทภายในกำหนดเวลา2ปีนับแต่วันที่ผู้เช่านารู้หรือควรจะรู้หรือภายในกำหนดเวลา3ปีนับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนานั้นแต่ตามฟ้องปรากฏว่าจำเลยที่1โอนขายนาพิพาทให้แก่จำเลยที่2เมื่อวันที่27สิงหาคม2538และโจทก์ทั้งสองทราบเรื่องเมื่อประมาณเดือนมกราคม2532หลังจากนั้นจึงดำเนินการยื่นเรื่องราวต่อคชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยข้อพิพาทมีความหมายอยู่ในตัวว่าโจทก์ทั้งสองมิได้ใช้สิทธิซื้อนาภายในกำหนดเวลา3ปีนับแต่จำเลยที่1โอนขายนาพิพาทให้แก่จำเลยที่2คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลที่ชี้ขาดให้โจทก์ทั้งสองมีสิทธิซื้อนาพิพาทจากจำเลยที่2จึงไม่ชอบแม้จำเลยที่1ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลเกินกำหนดเวลาตามมาตรา56และจำเลยที่2มิได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลศาลก็ต้องปฏิเสธไม่รับบังคับตาม คำชี้ขาดของคชก.ตำบลและเป็นเรื่อง อำนาจฟ้องซึ่งเป็น ข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทั้งจำเลยที่2ก็ได้กล่าวแก้ในคำแก้ฎีกาด้วยศาลฎีกาวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ต้องยื่นต่อประธาน คชก.ตำบลโดยตรง การยื่นผ่านบุคคลอื่นถือเป็นโมฆะ ทำให้คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลมีผลผูกพัน
พระราชบัญญัติ ญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 56บัญญัติให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อ คชก.จังหวัดได้โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คชก.ตำบล การที่จำเลยที่ 1ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อนายอำเภอและประธาน คชก.ตำบลผ่านนายอำเภอ โดยปลัดอำเภอซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการ คชก.ตำบลเป็นผู้รับหนังสือก็ตาม เมื่อปรากฏว่าประธาน คชก.ตำบลไม่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ต่อ คชก.จังหวัด คำวินิจฉัยของคชก.ตำบล จึงเป็นที่สุด เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยอมขายนาพิพาทให้โจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันเป็นที่สุดดังกล่าว โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 58 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก. ต้องยื่นต่อประธาน คชก. หากไม่ถึงประธาน ถือว่าไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยเป็นที่สุด
การอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล(คชก.ตำบล) จะต้องยื่นอุทธรณ์โดยทำเป็นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัย แต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่คณะกรรมการฯ ได้มีคำวินิจฉัย เมื่อประธานคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลไม่ได้รับหนังสืออุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล ต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัด (คชก.จังหวัด) คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจึงเป็นที่สุด เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้ซื้อที่นาพิพาทจากจำเลยที่ 1 ไม่ยอมขายนาพิพาทให้โจทก์จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งอันเป็นที่สุดของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองได้ ตาม พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 58 วรรคแรก