คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชำนาญ รวิวรรณพงษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 91 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8971/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ซ้ำและการเฉลี่ยทรัพย์ในคดีบังคับคดี เจ้าหนี้ต้องใช้วิธีเฉลี่ยทรัพย์ ไม่สามารถอายัดซ้ำได้
บทบัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง เป็นการห้ามเด็ดขาดไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดหรืออายัดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์ไว้ก่อนแล้ว แต่ให้ใช้วิธีขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์นั้นแทน ที่โจทก์อ้างว่าเป็นการขออายัดเฉพาะเงินเดือนส่วนที่ยังไม่ถูกอายัดก็ได้ความว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดเงินเดือนของจำเลยทั้งสองไว้โดยคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งการดำรงชีพของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง กับอายัดเงินโบนัสและเงินตอบแทนกรณีออกจากงานไว้แล้ว หากจะอายัดเงินเดือนส่วนที่เหลือจากที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นอายัดไว้ จำเลยทั้งสองก็จะเดือดร้อนไม่มีเงินเหลือเพื่อดำรงชีพ ทั้งโจทก์ก็ไม่แสดงให้ปรากฏว่าเงินที่เหลือจากการถูกอายัดคดีอื่นมีเพียงใด จึงไม่มีสิทธิขอให้อายัดเงินเดือนของจำเลยทั้งสองเพิ่มเติม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8903/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงฯ และวิธีปฏิบัติเมื่อไม่ได้ยื่นคำร้อง
เมื่อ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ประกอบ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2522 มาตรา 3 มิได้บัญญัติถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในเรื่องการยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำ ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคสาม ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 และ พ.ร.บ.ให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2522 มาตรา 3 มาใช้บังคับโดยอนุโลมโจทก์เพียงแต่ยื่นอุทธรณ์โดยหาได้ยื่นคำร้องถึงผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อให้อนุญาตอุทธรณ์ไม่ ทั้งผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นสั่งในอุทธรณ์ของโจทก์เพียงว่า รับเป็นอุทธรณ์โจทก์ สำเนาให้จำเลยแก้หาได้มีข้อความใดแสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ กรณีถือไม่ได้ว่าผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7687/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเบียดบังทรัพย์สิน: การรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ
จำเลยรับมอบเงินที่ได้จากการขายน้ำมันของโจทก์ร่วมแล้วเบียดบังเงินนั้นบางส่วนเป็นเงิน 6,451,435.43 บาท ไปเป็นของจำเลยทำให้งบดุลประจำปีไม่ลงตัว ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2541 กรรมการโจทก์ร่วมการนำงบดุลของโจทก์ร่วมให้จำเลยดู จำเลยยอมรับว่าได้เอาเงินของโจทก์ร่วมไปและเขียนบันทึกยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ร่วมในจำนวนเงินดังกล่าว ดังนั้น โจทก์ร่วมเพิ่งทราบแน่ชัดว่าจำเลยเป็นผู้เอาเงินไปในวันดังกล่าว กรณีจึงถือว่าโจทก์ร่วมได้รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2541 และโจทก์ร่วมมาร้องทุกข์ในวันที่ 1 กันยายน 2541 จึงเป็นการร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7685/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญทำให้เกิดความกลัวต้องปรากฏจากการกระทำที่ทำให้ผู้ถูกขู่หวาดกลัว มิใช่เพียงการอวดเบ่งท้าทาย
คำพูดและการกระทำของจำเลยทั้งสามที่เป็นเพียงการอวดเบ่งท้าทายชวนทะเลาะวิวาท ไม่เป็นการขู่เข็ญทำให้ผู้เสียหายกับพวกเกิดความกลัวหรือความตกใจอันจะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7475/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีฆาตกรรมเพื่อหวังเงินประกันชีวิต ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษฐานร่วมกันฆ่าและมีอาวุธปืน
ร้อยตำรวจเอก ส.เป็นข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาซึ่งได้เกิดขึ้นภายในเขตอำนาจของตนตาม ป.วิ.อ.มาตรา 18 วรรคหนึ่ง แม้ระหว่างสอบสวนจะมีพนักงานสอบสวนซึ่งไม่มีอำนาจสอบสวนร่วมนั่งฟังอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้การสอบสวนนั้นเสียไป เมื่อพันตำรวจโท น. ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พันตำรวจโท น. ย่อมมีอำนาจสอบสวนก่อนร้อยตำรวจเอก ส. โอนสำนวนการสอบสวน และหลังจากนั้นร้อยตำรวจเอก ศ. ยังคงมีอำนาจสอบสวนเพื่อช่วยเหลือพันตำรวจโท น. ได้ ดังนั้น การสอบสวนคดีนี้ชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7238/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีอาญาเดิม แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้ตรวจสอบตัวบุคคล แต่จำเลยยอมรับ
เมื่อศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นไม่ได้สอบจำเลยว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่ และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏความในเรื่องนี้ก็ตาม แต่ตามอุทธรณ์ของจำเลยรับว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้น โดยศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปีจริง ถือได้ว่าความปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แล้ว และจำเลยยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงนับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7238/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีเดิม แม้ไม่มีการสืบตัวตนจำเลยในชั้นศาล แต่จำเลยยอมรับในชั้นอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้สอบจำเลยว่า เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อหรือไม่ และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏในความเรื่องนี้ก็ตาม แต่ตามอุทธรณ์ของจำเลยรับว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6811/2550 ของศาลชั้นต้นที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 3 ปี จริง ตามเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์หมายเลข 1 ถือว่าความปรากฏแก่ศาลแล้ว จึงนับโทษจำเลยต่อตามคำขอของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7060/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยผิดสัญญาการก่อสร้าง แม้ได้รับค่าจ้างบางส่วนแล้ว โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาโดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน
จำเลยรับจ้างก่อสร้างบ้านให้แก่โจทก์ในราคา 2,225,000 บาท และได้รับค่าจ้างจากโจทก์แล้ว 2,050,000 บาท คงเหลืออีกเพียง 175,000 บาท แม้ตามบันทึกข้อตกลงไม่ได้กำหนดระยะเวลาก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ และจำเลยเสนอแผนการเงินให้โจทก์แล้ว แต่โจทก์ไม่พิจารณาให้จำเลยกู้เงินก็ตาม จำเลยก็มีหน้าที่ต้องก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ แต่จำเลยก็ไม่ก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ หรือดำเนินการประการใดที่แสดงว่าจำเลยจะก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ ทั้งตามแผนการเงินที่จำเลยเสนอต่อโจทก์สำหรับรายการงานส่วนที่เหลือจะต้องใช้เงินถึง 1,455,000 บาท และจำเลยก่อสร้างบ้านได้เพียงโครงสร้างบางส่วน แต่โจทก์ต้องชำระค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือให้แก่จำเลยอีกเพียง 175,000 บาท ย่อมเห็นได้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยไม่สามารถก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จตามสัญญา จะทิ้งงานไม่ก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จต่อไป และผิดสัญญา โจทก์ชอบที่จะเลิกสัญญาโดยไม่จำต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้จำเลยก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6371/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีอาญา, การรับสารภาพ, และดุลพินิจศาลในการลงโทษ
ความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ตาม ป.อ. มาตรา 371 และความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจตาม ป.อ. มาตรา 391 ความผิดทั้งสองฐานมีอายุความหนึ่งปีตาม ป.อ. มาตรา 95 (5) โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันกระทำความผิด จึงเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (6) แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้และเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง, 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6157/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระภาษีจากการขายทอดตลาด: กรรมสิทธิ์โอนเมื่อจดทะเบียน ผู้ซื้อมีสิทธิรับเงินคืนจากลูกหนี้
แม้ผู้ซื้อทรัพย์จะเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 12723 จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจะโอนไปเป็นของผู้ซื้อทรัพย์ก็ต่อเมื่อมีการนำไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเท่านั้น และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นจะต้องมีการตีราคาหรือประเมินราคาที่ดินเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนและต้องถือว่าราคาประเมินที่ดินดังกล่าวนั้นเป็นเงินที่ได้พึงประเมินของเจ้าของที่ดินอันตกเป็นภาระที่ต้องนำไปคำนวณเสียภาษีเงินได้อีกด้วย ฉะนั้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ชำระต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ซื้อได้จากการขายทอดตลาดจึงเป็นภาระภาษีของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ซื้อทรัพย์ย่อมมีสิทธิได้รับคืนจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพียงเท่าที่มีอยู่หลังจากหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีแล้ว
of 10