พบผลลัพธ์ทั้งหมด 206 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6195/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216: โต้แย้งเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงคำฟ้องของโจทก์ คำให้การจำเลยคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วย่อหน้าใหม่ว่า "ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังเหตุผลและข้อเท็จจริงที่จำเลยจะได้ประทานกราบเรียนต่อศาลดังนี้..." และลงท้ายว่า "ดังเหตุผลที่จำเลยได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้นขอศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วย" ส่วนเนื้อหาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้น แม้คำขอท้ายฎีกาก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไร ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6195/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย: ไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยตรง แต่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นซ้ำ
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงคำฟ้องของโจทก์ คำให้การจำเลยคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วย่อหน้าใหม่ว่า"ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังเหตุผลและข้อเท็จจริงที่จำเลยจะได้ประทานกราบเรียนต่อศาลดังนี้" และลงท้ายว่า "ดังเหตุผลที่จำเลยได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้นขอศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แล้วมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วย" ส่วนเนื้อหาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้นแม้คำขอท้ายฎีกาก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไรไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6195/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.216 โต้แย้งเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงคำฟ้องของโจทก์คำให้การจำเลยคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วย่อหน้าใหม่ว่า"ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังเหตุผลและข้อเท็จจริงที่จำเลยจะได้ประทานกราบเรียนต่อศาลดังนี้"และลงท้ายว่า"ดังเหตุผลที่จำเลยได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้นขอศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งแล้วมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วย"ส่วนเนื้อหาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้นแม้คำขอท้ายฎีกาก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไรไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใดจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6195/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย: โต้แย้งเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงคำฟ้องของโจทก์คำให้การจำเลยคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วย่อหน้าใหม่ว่า"ด้วยความเคารพต่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังเหตุผลและข้อเท็จจริงที่จำเลยจะได้ประทานกราบเรียนต่อศาลดังนี้"และลงท้ายว่า"ดังเหตุผลที่จำเลยได้ประทานกราบเรียนต่อศาลมาแล้วข้างต้นขอศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งแล้วมีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วย"ส่วนเนื้อหาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นทั้งสิ้นแม้คำขอท้ายฎีกาก็ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นฎีกาจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไรไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใดจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2538 เวอร์ชัน 5 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ฎีกาการริบทรัพย์ในคดียาเสพติด: ผู้มีสิทธิร้องคัดค้านเท่านั้นจึงมีสิทธิอุทธรณ์
นาย อ. สามีจำเลยเป็นผู้ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลาง ตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งริบตั๋วโดยสารเครื่องบินของกลางให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามมาตรา 30 และ 31 แล้ว ผู้ที่จะขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิพากษากลับหรือแก้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์ดังกล่าวก็คือนาย อ. เท่านั้น จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ฎีกา แต่มิได้ร้องคัดค้านการขอให้ริบทรัพย์ของโจทก์ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมาตรา 30 วรรคสาม ระบุห้ามมิให้นำมาตรา 36 แห่งป.อ. มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5021/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมใหม่ แม้มีเฮโรอีนอยู่ก่อน
จำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอยู่ในที่พักของจำเลยที่ 2 แล้ว จำนวน 4 ถุง ต่อมาจำเลยที่ 2 เดินออกจากที่พักไปรับเอาเฮโรอีนจากจำเลยที่ 1 ในที่เกิดเหตุอีกจำนวน 4 ถุง เพื่อเอาไว้จำหน่าย เฮโรอีนที่รับจากจำเลยที่ 1 เป็นคนละจำนวนกับเฮโรอีนที่จำเลยที่ 2 มีอยู่เดิม ถือว่าเป็นการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกรรมใหม่ขึ้นอีกกระทงหนึ่ง จำเลยที่ 2จึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายรวม 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5021/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมใหม่ แม้จะรับจากผู้อื่น
จำเลยที่2มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอยู่ในที่พักของจำเลยที่2แล้วจำนวน4ถุงต่อมาจำเลยที่2เดินออกจากที่พักไปรับเอาเฮโรอีนจากจำเลยที่1ในที่เกิดเหตุอีกจำนวน4ถุงเพื่อเอาไว้จำหน่ายเฮโรอีนที่รับจากจำเลยที่1เป็นคนละจำนวนกับเฮโรอีนที่จำเลยที่2มีอยู่เดิมถือว่าเป็นการมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกรรมใหม่ขึ้นอีกกระทงหนึ่งจำเลยที่2จึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายรวม2กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานการจับกุมยาเสพติด: การพิจารณาความสอดคล้องและรายละเอียดปลีกย่อย
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดี ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบ ซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋า พยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลย และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลย หรือเพื่อเอาผลงานการจับกุม แม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุม การซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุม จุดที่มีการส่งมอบของกลาง ตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)ก็ตาม แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่ และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบ เมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว ทำให้พยาน-หลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น หาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการ
(จรัญ หัตถกรรม - นาม ยิ้มแย้ม - สุรินทร์ นาควิเชียร)ศาลอาญา นายประจักษ์ เกียรติ์อนุพงศ์ศาลอุทธรณ์ นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ
นายอารมณ์ จำปานิล - ย่อ
เยาวลักษณ์ พ/ท
(จรัญ หัตถกรรม - นาม ยิ้มแย้ม - สุรินทร์ นาควิเชียร)ศาลอาญา นายประจักษ์ เกียรติ์อนุพงศ์ศาลอุทธรณ์ นายเสริมศักดิ์ ผลัดธุระ
นายอารมณ์ จำปานิล - ย่อ
เยาวลักษณ์ พ/ท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์หลักฐานการครอบครองยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยง การตรวจค้น และความน่าเชื่อถือของพยาน
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋า พยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลย และไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลย หรือเพื่อเอาผลงานการจับกุม แม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุม การซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุม จุดที่มีการส่งมอบของกลางตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ตาม แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่ และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบ เมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้ว ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น หาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการจับกุม และจับกุมจำเลยจากสถานที่หนึ่งแล้วนำมาผูกเรื่องเชื่อมโยงกับการจับกุมพวกของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและตรวจค้นยาเสพติด: พยานหลักฐานเชื่อมโยง, ความน่าเชื่อถือของพยาน, และการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
คำเบิกความของพยานโจทก์มีข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกันโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการตรวจค้นพบของกลางในคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่ของสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)เข้าทำการจับกุมและตรวจค้นกระเป๋าในทันทีที่ส่งมอบซึ่งพบเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่ในกระเป๋าพยานโจทก์ล้วนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความให้เป็นผลร้ายหรือปรักปรำจำเลยและไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการสร้างเรื่องเชื่อมโยงบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดแก่จำเลยหรือเพื่อเอาผลงานการจับกุมแม้จะเบิกความแตกต่างและขัดแย้งกันบ้างเกี่ยวกับจำนวนผู้ที่เข้าจับกุมการซุ่มดูเหตุการณ์ก่อนเข้าทำการจับกุมจุดที่มีการส่งมอบของกลางตลอดจนการนำตัวจำเลยไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ก็ตามแต่ข้อแตกต่างดังกล่าวล้วนเป็นเพียงพลความหาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้น้ำหนักในการรับฟังพยานโจทก์ลดน้อยลงไปจนไม่อาจรับฟังได้ว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริงดังที่พยานโจทก์เบิกความไม่และเมื่อพิจารณาแผนที่เกิดเหตุภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุประกอบการเดินเผชิญสืบเมื่อฟังประกอบพยานบุคคลของโจทก์แล้วทำให้พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นหาใช่ผู้จับกุมทำงานเพียงเพื่อผลงานการจับกุมและจับกุมจำเลยจากสถานที่หนึ่งแล้วนำมาผูกเรื่องเชื่อมโยงกับการจับกุมพวกของจำเลยดังที่จำเลยฎีกาไม่