พบผลลัพธ์ทั้งหมด 43 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิดของผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้แทน โดยชอบธรรม - การขยายอายุความตามมาตรา 183
เกิดเหตุละเมิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2520 คดีจะขาด อายุความฟ้องร้องในวันที่ 11 ธันวาคม 2521 แต่ ส.ซึ่งเป็นบุตรผู้ตายยังเป็นผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ส.จึงได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 ให้อายุความขยายออกไปอีก 1 ปี นับแต่เวลาเมื่อความที่ขาดตัวผู้แทน โดย ชอบธรรมอยู่นั้นได้สิ้นไปแล้วศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางมีคำสั่ง ตั้งให้โจทก์เป็นผู้ปกครองของ ส. เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2522และโจทก์ฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2523 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3843/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาซื้อขาย, อายุความค่าเสียหาย, และผลของการคืนสัญญาค้ำประกันโดยเข้าใจผิด
สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยมีว่า ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อสัญญา อันคู่สัญญาจะตกลงประนีประนอมกันมิได้ ให้คู่สัญญาเสนอข้อพิพาทที่โต้แย้งต่ออนุญาโตตุลาการที่พักอาศัยในประเทศไทยเพื่อชี้ขาด โดยต่างฝ่ายต่างมีสิทธิตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละหนึ่งคนนั้น หมายถึงข้อขัดแย้งอันเป็นอุปสรรคที่ทำให้คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ การที่จำเลยที่ 1 ส่งของไม่ตรงตามกำหนดสัญญาและส่งมอบเอกสารเกี่ยวกับพิธีศุลกากรให้โจทก์ล่าช้า จึงมิใช่ข้อขัดแย้งอันเกิดจากสัญญาซึ่งจะต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ทั้งตามสัญญาก็ไม่มีข้อห้ามว่ากรณีที่มิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแล้ว ห้ามมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลได้
จำเลยมิได้ยกอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การคงให้การต่อสู้เฉพาะเรื่องเบี้ยปรับ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นแม้ศาลชั้นต้นจะรับวินิจฉัยหรือศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไม่มีผลทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์คืนสัญญาค้ำประกันแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันโดยเข้าใจผิดว่าจำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยปรับกับค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ดังนี้ไม่ทำให้สัญญาค้ำประกันระงับ จำเลยที่ 2ยังผูกพันต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
จำเลยมิได้ยกอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การคงให้การต่อสู้เฉพาะเรื่องเบี้ยปรับ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นแม้ศาลชั้นต้นจะรับวินิจฉัยหรือศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไม่มีผลทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์คืนสัญญาค้ำประกันแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันโดยเข้าใจผิดว่าจำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยปรับกับค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ดังนี้ไม่ทำให้สัญญาค้ำประกันระงับ จำเลยที่ 2ยังผูกพันต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3843/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, อายุความ, สัญญาค้ำประกัน: กรณีส่งมอบสินค้าไม่ตรงตามสัญญาและคืนสัญญาค้ำประกันโดยเข้าใจผิด
สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยมีว่า ถ้ามีกรณีโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อสัญญา อันคู่สัญญาจะตกลงประนีประนอมกันมิได้ ให้คู่สัญญาเสนอข้อพิพาทที่โต้แย้งต่ออนุญาโตตุลาการที่พักอาศัยในประเทศไทยเพื่อชี้ขาด โดยต่างฝ่ายต่างมีสิทธิตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่ายละหนึ่งคนนั้น หมายถึงข้อขัดแย้งอันเป็นอุปสรรคที่ทำให้คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ การที่จำเลยที่ 1 ส่งของไม่ตรงตามกำหนดสัญญาและส่งมอบเอกสารเกี่ยวกับพิธีศุลกากรให้โจทก์ล่าช้า จึงมิใช่ข้อขัดแย้งอันเกิดจากสัญญาซึ่งจะต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาด ทั้งตามสัญญาก็ไม่มีข้อห้ามว่ากรณีที่มิได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแล้ว ห้ามมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฟ้องคดี โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลได้
จำเลยมิได้ยกอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การคงให้การต่อสู้เฉพาะเรื่องเบี้ยปรับ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะรับวินิจฉัย หรือศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไม่มีผลทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์คืนสัญญาค้ำประกันแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน โดยเข้าใจผิดว่าจำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยปรับกับค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ดังนี้ไม่ทำให้สัญญาค้ำประกันระงับ จำเลยที่ 2 ยังผูกพันต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
จำเลยมิได้ยกอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การคงให้การต่อสู้เฉพาะเรื่องเบี้ยปรับ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องอายุความเกี่ยวกับค่าเสียหายมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น แม้ศาลชั้นต้นจะรับวินิจฉัย หรือศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไม่มีผลทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์คืนสัญญาค้ำประกันแก่จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน โดยเข้าใจผิดว่าจำเลยที่ 1 ชำระเบี้ยปรับกับค่าเสียหายให้โจทก์แล้ว ดังนี้ไม่ทำให้สัญญาค้ำประกันระงับ จำเลยที่ 2 ยังผูกพันต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา ศาลไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายฝากที่ดินพิพาทกับ ล. ครบกำหนดไม่ไถ่ จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ล. ล. ขายที่พิพาทให้โจทก์ ครบอายุสัญญาเช่าแล้ว จำเลยไม่ออกขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การเพียงว่า ไม่เคยขายฝากที่ดินแก่ใคร ไม่ได้ทำสัญญาเช่า และไม่ได้ลงชื่อไว้ ไม่ได้ต่อสู้โดยแจ้งชัดว่าจำเลยเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา ฉะนั้นการที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกเลิกการเช่าก่อน ก็ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเป็นการอุทธรณ์ในข้อที่จำเลยมิได้ยกเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยข้อนี้มา ก็เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง: ผู้เยาว์ละทิ้งสิทธิเกิน 1 ปี ทำให้ฟ้องเรียกคืนไม่ได้ แม้พ้นภาวะผู้เยาว์
นาพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เดิมเป็นของโจทก์ต่อมาจำเลยชนะคดีบิดาโจทก์ได้นำยึดที่พิพาทในการบังคับคดีและจำเลยซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาด แล้วจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ ก่อนโจทก์ฟ้องประมาณ 3 ปี ดังนี้โจทก์ฟ้องเอาคืนการครอบครองที่พิพาทไม่ได้ เพราะเกินกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แม้โจทก์จะเป็นผู้เยาว์และได้ฟ้องคดีนี้ภายใน 1 ปีนับแต่โจทก์บรรลุนิติภาวะก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ตลอดเวลา จึงยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 เป็นประโยชน์แก่โจทก์ไม่ได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปีคดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปีคดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง – การครอบครองปรปักษ์ – สิทธิเรียกคืนที่ดิน – ผู้เยาว์
นาพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เดิมเป็นของโจทก์. ต่อมาจำเลยชนะคดีบิดาโจทก์ได้นำยึดที่พิพาท. ในการบังคับคดีและจำเลยซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาด. แล้วจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ ก่อนโจทก์ฟ้องประมาณ 3 ปี. ดังนี้โจทก์ฟ้องเอาคืนการครอบครองที่พิพาทไม่ได้. เพราะเกินกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375. แม้โจทก์จะเป็นผู้เยาว์และได้ฟ้องคดีนี้ภายใน 1 ปีนับแต่โจทก์บรรลุนิติภาวะก็ตาม. แต่เมื่อโจทก์มีผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ตลอดเวลา. จึงยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 เป็นประโยชน์แก่โจทก์ไม่ได้.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี. โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปี. คดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี. โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปี. คดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: ฟ้องคืนที่ดินหลัง 1 ปี เกินกำหนด ขาดอายุความ แม้ผู้เยาว์
นาพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เดิมเป็นของโจทก์ ต่อมาจำเลยชนะคดีบิดาโจทก์ได้นำยึดที่พิพาท ในการบังคับคดีและจำเลยซื้อที่พิพาทได้จากการขายทอดตลาด แล้วจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ ก่อนโจทก์ฟ้องประมาณ 3 ปี ดังนี้โจทก์ฟ้องเอาคืนการครอบครองที่พิพาทไม่ได้ เพราะเกินกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แม้โจทก์จะเป็นผู้เยาว์และได้ฟ้องคดีนี้ภายใน 1 ปี นับแต่โจทก์บรรลุนิติภาวะก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มีผู้แทนโดยชอบธรรมอยู่ตลอดเวลา จึงยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 183 เป็นประโยชน์แก่โจทก์ไม่ได้
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยซื้อนาที่พิพาทแล้วเข้าครอบครองทำนามา 3 ปี โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องเพราะละทิ้งสละสิทธิครอบครองเกิน 1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความข้อต่อสู้เช่นนี้เป็นข้อต่อสู้เรื่องกำหนดเวลาฟ้องเรียกคืนการครอบครองโดยตรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์แทนผู้อื่นและสิทธิในการคืนทรัพย์เมื่อผู้รับประโยชน์บรรลุนิติภาวะ โดยสถานะบิดาโดยพฤตินัยมิอาจเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์แทนผู้อื่นและสิทธิในทรัพย์มรดก โดยปราศจากผู้แทนโดยชอบธรรม
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรส แม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ไม่ว่าเจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษ แม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ไม่ว่าเจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษ แม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาแจ้งความจำนงเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ มิใช่อายุความ จึงไม่อาจขยายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ
กำหนดระยะเวลา 30 วัน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ที่ให้แจ้งความจำนงขอเช่าต่อนั้น ไม่ใช่อายุความอันจะยกมาตรา 183 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาปรับเพื่อขยายระยะเวลาออกไปได้