คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม. 134

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การแข่งรถเมาแล้วขับ เป็นเจตนาเดียว ความผิดไม่แยกกรรม
จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจรและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของบุคคลอื่นกับการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันโดยจำเลยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งขันกันตามถนน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องต่างกรรมกัน และความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราเกิดขึ้นเป็นความผิดทันทีก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10544/2546

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: ขับรถแข่งประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บ เสียหาย ศาลแก้ไขโทษ
การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนน โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือให้แข่งรถได้จากเจ้าพนักงานจราจรโดยชอบด้วยกฎหมาย กับการที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยใช้ความเร็วสูงเป็นเหตุให้ ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย จำเลยกระทำโดยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยใช้ความเร็วสูงและเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและ ทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจริบรถที่ใช้ในการแข่งรถ แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ จะไม่ได้บัญญัติไว้ ศาลก็มีอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่นและเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าวซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลางโดยโจทก์ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา33และมีคำขอให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยเมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้องคำรับสารภาพคำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯมาตรา20ซึ่งเป็นแบบพิมพ์ของศาลแม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วยก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็นกรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตรถจักรยานยนต์จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดแม้รถจักรยานยนต์จราจรทางบกพ.ศ.2522จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าวศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา17,33(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลริบทรัพย์: แม้ พ.ร.บ.จราจรฯ มิได้บัญญัติ แต่ประมวลกฎหมายอาญาเปิดช่องให้ริบรถที่ใช้ในการแข่งรถได้
โจทก์บรรยายไว้ในบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์ว่าจำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางแข่งกับรถอื่น และเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ซึ่งจำเลยได้ใช้ ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง โดยโจทก์ได้อ้าง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 และมีคำขอให้ริบ รถจักรยานยนต์ของกลางด้วย เมื่อโจทก์ยื่นบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้บันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในบันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ คำพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ มาตรา 20 ซึ่งเป็น แบบพิมพ์ของศาล แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้บันทึกข้อที่โจทก์ขอให้ริบทรัพย์ไว้ด้วย ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจบันทึกไว้เท่าที่เห็นว่าจำเป็น กรณีถือได้ว่าบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาที่โจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งบันทึกคำฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของศาลจึงไม่เป็นเหตุให้ฟ้องบกพร่องถึงกับจะถือว่าโจทก์ไม่ได้ขอให้ริบของกลาง จำเลยแข่งรถโดยใช้รถจักรยานยนต์แข่งกับรถอื่นในทางสาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต รถจักรยานยนต์ จึงเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด แม้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จะไม่มีข้อบัญญัติให้ริบทรัพย์ดังกล่าว ศาลก็มีอำนาจริบรถจักรยานยนต์ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17,33(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยเรื่องริบรถจักรยานยนต์ในคดีเยาวชน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522มาตรา134,134วรรคสอง,มาตรา160ทวิประมวลกฎหมายอาญามาตรา83แต่ให้รอการกำหนดโทษและคุมประพฤติไว้ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ริบศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2534มาตรา124ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218จำเลยทั้งสี่ฎีกาขอให้ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางเป็นการขอแก้ไขดุลพินิจของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว