คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 87 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าเกษตรกรรมและการฟ้องซ้ำ: ศาลรับฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
คดีก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยได้ถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทเพื่อทำนา จำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เมื่อโจทก์บอกยกเลิกการเช่าโดยมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ภายหลังคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่ดินพิพาทเป็นคดีนี้อีก โดยบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าที่ดินให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 แต่จำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่า ประเด็นวินิจฉัยในคดีนี้จึงเป็นเหตุแตกต่างจากคดีก่อนไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยโต้แย้งเรื่องการที่โจทก์ไม่ส่งสำเนาหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.2 ให้จำเลยในชั้นพิจารณาเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 90แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เมื่อคดีนี้มีประเด็นเรื่องการบอกเลิกการเช่าเป็นประเด็นสำคัญ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจที่จะรับฟังพยานเอกสารหมาย จ.2 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบัตรไม่สมบูรณ์หากมีการเปิดเผยการประดิษฐ์ก่อนยื่นคำขอ แม้จำเลยผลิตเลียนแบบก็ไม่ถือว่าละเมิด
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยร่วมกันทำเทียมและเลียนแบบผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่261ของโจทก์โดยผลิตและใช้กรรมวิธีการผลิตตามสิทธิบัตรหรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของโจทก์ขายและมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาตามข้อถือสิทธิของสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่261ของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ขอให้ห้ามมิให้จำเลยกระทำการละเมิดดังกล่าวอันเป็นมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522มาตรา85,86และ88โดยโจทก์อ้างในฟ้องคดีอาญานั้นว่าจำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์หรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์หรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายและได้ร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีหรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรเลขที่261ของโจทก์โดยจำเลยทั้งสี่ลอกหรือเลียนแบบการประดิษฐ์ของโจทก์โดยไม่สุจริตเช่นเดียวกับที่โจทก์อ้างในคดีนี้คดีจึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยงเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวซึ่งคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นนอกจากผูกพันโจทก์และจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นแล้วในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งคดีนี้ศาลยังต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46อีกด้วย เมื่อปรากฏตามคำแถลงของจำเลยที่3และที่4สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาและสำเนาใบสำคัญคดีถึงที่สุดว่าคดีอาญาดังกล่าวได้ถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวคดีนี้สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และใบสำคัญคดีถึงที่สุดนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีดังนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลฎีกามีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่สำนวนความในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)และจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว เมื่อได้มีการออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาแบบยืดและพับได้ไว้ในต่างประเทศก่อนโจทก์ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์และก่อนโจทก์ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเช่นนั้นการประดิษฐ์ดังกล่าวได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญในเอกสารที่ได้เผยแพร่อยู่แล้วการประดิษฐ์ที่โจทก์ขอรับสิทธิบัตรดังกล่าวจึงเป็นการประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญในเอกสารที่ได้เผยแพร่อยู่แล้วก่อนวันขอรับสิทธิบัตรมิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ที่โจทก์จะขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ได้ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522มาตรา5สิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์จึงเป็นสิทธิบัตรที่ได้ออกโดยไม่ชอบด้วยมาตรา5ดังกล่าวซึ่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522มาตรา54วรรคหนึ่งให้ถือว่าเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์การประดิษฐ์ตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตรพ.ศ.2522แต่ประการใดแม้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบัตรไม่สมบูรณ์: การประดิษฐ์ซ้ำและการคุ้มครองทางกฎหมาย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์โดยร่วมกันทำเทียมและเลียนแบบผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 261ของโจทก์โดยผลิตและใช้กรรมวิธีการผลิตตามสิทธิบัตรหรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของโจทก์ ขายและมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาตามข้อถือสิทธิของสิทธิบัตรการประดิษฐ์เลขที่ 261 ของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ ขอให้ห้ามมิให้จำเลยกระทำการละเมิดดังกล่าวอันเป็นมูลกรณีเดียวกันกับที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 85,86 และ 88 โดยโจทก์อ้างในฟ้องคดีอาญานั้นว่า จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์หรือใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตรของโจทก์ หรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และได้ร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ม่านเหล็กบังตาที่ผลิตหรือใช้กรรมวิธีหรือใช้แบบผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรเลขที่ 261 ของโจทก์โดยจำเลยทั้งสี่ลอกหรือเลียนแบบการประดิษฐ์ของโจทก์โดยไม่สุจริตเช่นเดียวกับที่โจทก์อ้างในคดีนี้ คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว ซึ่งคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวนั้นนอกจากผูกพันโจทก์และจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นแล้วในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งคดีนี้ศาลยังต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 อีกด้วย
เมื่อปรากฏตามคำแถลงของจำเลยที่ 3 และที่ 4 สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาและสำเนาใบสำคัญคดีถึงที่สุดว่า คดีอาญาดังกล่าวได้ถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวคดีนื้ สำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และใบสำคัญคดีถึงที่สุดนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี ดังนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกามีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่สำนวนความในชั้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87 (2) และจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว
เมื่อได้มีการออกสิทธิบัตรการประดิษฐ์ม่านเหล็กบังตาแบบยืดและพับได้ไว้ในต่างประเทศก่อนโจทก์ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรตามสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์ และก่อนโจทก์ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเช่นนั้น การประดิษฐ์ดังกล่าวได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญในเอกสารที่ได้เผยแพร่อยู่แล้ว การประดิษฐ์ที่โจทก์ขอรับสิทธิบัตรดังกล่าวจึงเป็นการประดิษฐ์ที่ได้มีการเปิดเผยสาระสำคัญในเอกสารที่ได้เผยแพร่อยู่แล้วก่อนวันขอรับสิทธิบัตร มิใช่การประดิษฐ์ขึ้นใหม่ที่โจทก์จะขอรับสิทธิบัตรการประดิษฐ์ได้ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522มาตรา 5 สิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์จึงเป็นสิทธิบัตรที่ได้ออกโดยไม่ชอบด้วยมาตรา 5 ดังกล่าว ซึ่ง พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 54วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นสิทธิบัตรที่ไม่สมบูรณ์ การประดิษฐ์ตามข้อถือสิทธิในสิทธิบัตรการประดิษฐ์ของโจทก์จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตรพ.ศ.2522 แต่ประการใด แม้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์