คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 456

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณ ไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียน
กระบือพิพาทสองตัวยังไม่มีตั๋ว รูปพรรณ แต่ละตัวอายุประมาณ5 ปี ไม่แน่ชัด ว่าอายุย่าง เข้าปีที่หก และไม่ปรากฏว่าเป็นกระบือที่ได้ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้ว ไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ. สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482มาตรา 8(2)(3) เมื่อจำเลยซื้อกระบือพิพาทจากโจทก์เพื่อฆ่า การซื้อขายดังกล่าวสมบูรณ์โดยไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามป.พ.พ. มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนดังกล่าวหมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋ว รูปพรรณตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวแล้วเท่านั้น และหากจำเลยจะนำกระบือดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร จำเลยจึงจะมีหน้าที่ต้องนำกระบือไปขอจดทะเบียนทำตั๋ว รูปพรรณตามมาตรา 8(4) แห่ง พ.ร.บ.สัตว์พาหนะ พุทธศักราช 2482.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4099/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือที่ยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณไม่จำเป็นต้องทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียน
จำเลยซื้อกระบือเพศผู้อายุประมาณ 5 ปี ซึ่งยังไม่ได้ทำตั๋วรูปพรรณจากโจทก์เพื่อส่งไปทำเนื้อกระป๋องที่ประเทศมาเลเซีย กระบือดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับต้องนำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามมาตรา 8 (2) (3) และ (4)แพ่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะฯการซื้อขายกระบือจึงไม่จำต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เพราะสัตว์พาหนะที่ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 หมายถึงสัตว์พาหนะซึ่งต้องทำหรือได้ทำตั๋วรูปพรรณแล้วเท่านั้น การซื้อขายกระบือระหว่างโจทก์จำเลยจึงสมบูรณ์ เมื่อจำเลยรับมอบกระบือที่พิพาทไปจากโจทก์และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว หากจำเลยจะนำออกนอกราชอาณาจักร จำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 8 (4) แห่งพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพุทธศักราช 2482.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4011/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบการครอบครองที่ดินทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครอง แม้มีสัญญาเพิ่มราคาภายหลัง โจทก์ฟ้องขับไล่จึงขาดอายุความ
โจทก์ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้จำเลยและได้มอบที่พิพาทให้จำเลยเข้าครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญาย่อมถือได้ว่ามีการส่งมอบการครอบครองให้แก่จำเลยแล้วจำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขายดังกล่าวแม้ต่อมาจะมีการทำสัญญาเพิ่มราคาที่ดิน แต่จำเลยไม่ได้ส่งมอบการครอบครองคืนโจทก์ สิทธิครอบครองในที่พิพาทยังเป็นของจำเลยอยู่ นับแต่วันทำสัญญาซื้อขายถึงวันฟ้องเกินกว่า 1ปี โจทก์จึงหมดสิทธิในที่พิพาท
การที่ศาลชั้นต้นตั้งประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญากันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น หมายถึงสัญญาวางเงินมัดจำตามฟ้องโจทก์ ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าเกิดจากการข่มขู่เป็นโมฆียะ การที่โจทก์นำสืบว่าสัญญาซื้อขายฉบับก่อนสัญญาวางเงินมัดจำเป็นโมฆียะและสามีโจทก์บอกล้างแล้วเป็นการนำสืบนอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2964/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทายาทมีสิทธิโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อขายได้ สัญญาจะซื้อขายยังผูกพันทายาท
สิทธิตามสัญญาจะซื้อขายของเจ้ามรดกในฐานะผู้ที่จะซื้อนั้นเป็นทรัพย์สินที่เป็นมรดกตก ทอดแก่ทายาท ทายาทจึงสามารถโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจะซื้อขายนี้ให้แก่บุคคลอื่นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อยังไม่จดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ได้
แม้ผู้ร้องทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนที่ ส. จะนำที่ดินดังกล่าวมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยเพื่อขอทุเลาการบังคับคดี แต่สิทธิของผู้ร้องก็เป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งหาก ส. ผิดสัญญาเช่าซื้อก็เป็นกรณีที่ผู้ร้องต้องว่ากล่าวบังคับเอากับ ส.เมื่อ ส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทจึงยังไม่ตกไปเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส. ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ โจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่าซื้อ vs. สิทธิเจ้าหนี้ – ที่ดินยังเป็นของเจ้าของเดิม แม้ชำระค่าเช่าซื้อครบ
แม้ผู้ร้องทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนที่ ส. จะนำที่ดินดังกล่าวมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยเพื่อขอทุเลาการบังคับคดี แต่สิทธิของผู้ร้องก็เป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งหาก ส. ผิดสัญญาเช่าซื้อก็เป็นกรณีที่ผู้ร้องต้องว่ากล่าวบังคับเอากับ ส.เมื่อส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทจึงยังไม่ตกไปเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส. ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ โจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงขายคืนหลังหลุดจำนอง: คำมั่นจะขาย มิใช่ขยายเวลาไถ่ทรัพย์
ข้อตกลงที่ผู้รับซื้อฝากยินยอมที่จะขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ขายฝากเมื่อทรัพย์ที่ขายฝากได้หลุดเป็นสิทธิของผู้รับซื้อฝากแล้ว เข้าลักษณะเป็นคำมั่นจะขายทรัพย์ซึ่งบังคับกันได้ มิใช่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์อันต้องห้ามตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า vs. สัญญาจะซื้อจะขาย: การตีความเจตนาและความสมบูรณ์ของสัญญา
ทำสัญญากันว่า 'ถ้าผู้เช่าประสงค์จะซื้อที่ดินผู้ให้เช่ายินยอมจะขายให้ ในราคา 8,000 บาท ถ้าผู้เช่าทอดเวลาซื้อขายไปนาน ผู้ให้เช่ามีสิทธิที่จะเสนอขายในราคาใหม่ได้ตามสภาพหรือสภาวะของการเงินในขณะนั้น' ดังนี้ เป็นข้อตกลงที่ราคาพิพาทยังไม่ยุติแต่เพียง 8,000 บาทอีกทั้งโจทก์(ผู้ให้เช่า) มีสิทธิที่จะขายในราคาใหม่ได้ถ้าการซื้อขายทอดเวลาออกไป จึงเป็นเพียงการให้คำมั่นว่าจะขายที่พิพาทแก่จำเลยเท่านั้นหาใช่สัญญาจะซื้อจะขายไม่ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงเจตนาสนองรับจะซื้อที่พิพาทตามคำมั่นของโจทก์ จำเลยย่อมไม่อาจถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญานี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ากับการแสดงเจตนาซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสัญญาเช่ายังมีผลบังคับใช้
ทำสัญญากันว่า "ถ้า ผู้เช่าประสงค์จะซื้อที่ดินผู้ให้เช่ายินยอมจะขายให้ ในราคา 8,000 บาท ถ้า ผู้เช่าทอดเวลาซื้อขายไปนานผู้ให้เช่ามีสิทธิที่จะเสนอขายในราคาใหม่ได้ตามสภาพหรือสภาวะของการเงินในขณะนั้น" ดังนี้ เป็นข้อตกลงที่ราคาพิพาทยังไม่ยุติแต่เพียง 8,000 บาท อีกทั้งโจทก์ (ผู้ให้เช่า) มีสิทธิที่จะขายในราคาใหม่ได้ถ้า การซื้อขายทอดเวลาออกไป จึงเป็นเพียงการให้คำมั่นว่าจะขายที่พิพาทแก่จำเลยเท่านั้นหาใช่สัญญาจะซื้อจะขายไม่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงเจตนาสนองรับจะซื้อที่พิพาทตามคำมั่นของโจทก์ จำเลยย่อมไม่อาจถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญานี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไม่จดทะเบียนเป็นโมฆะ ทายาทผู้รับมรดกต้องชำระเงินคืน
สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่มีข้อความตอนใดระบุว่าเป็นสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งไม่ได้ระบุว่าคู่สัญญาจะไปจดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่มีข้อความชัดว่าให้เรียก ค. เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ว่าผู้ขาย เรียกโจทก์ว่าผู้ซื้อกับมีข้อความด้วยว่าผู้ขายได้ขายนาพิพาทให้ผู้ซื้อและยอมมอบนาให้ผู้ซื้อเสร็จตั้งแต่วันทำสัญญา แสดงว่าโจทก์กับ ค. มีเจตนาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สัญญาซื้อขายดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะข้อตกลงแบ่งชำระราคาเป็นงวด ๆ ไม่ใช่เงื่อนไขแห่งสัญญา
จำเลยทั้งหกรับโอนที่นาพิพาทมาร่วมกัน ความรับผิดที่ต้องชำระเงินให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้อันไม่อาจจะแบ่งแยกกันได้ แม้จำเลยบางรายจะไม่ได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยนั้น ๆ ได้.
of 114