คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 456

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายอำพรางสัญญาขายฝาก โมฆะตามกฎหมาย ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
โจทก์ต้องการกู้เงินจำเลย จำเลยไม่มีเงิน จึงตกลงจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทมี น.ส.3ก. เพื่อจำเลยจะได้นำน.ส.3ก. ไปยืมเงินเพื่อนมาให้โจทก์กู้ หลังจากนั้นอีก4 วันโจทก์มารับเงินจากจำเลย แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาขายฝากที่พิพาทกันเอง ดังนี้ ถือได้ว่าการทำสัญญาซื้อขายที่พิพาทเพื่ออำพรางสัญญาขายฝาก สัญญาซื้อขายจึงเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันกันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมขายฝากที่ถูกอำพรางไว้ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 115 กรณีต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้โจทก์ต้องคืนเงินให้จำเลย และจำเลยต้องคืนที่ดินให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดิน: เจตนาซื้อขายยังไม่สมบูรณ์ สิทธิยังเป็นของผู้ขาย
จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ ส. บุตรผู้ร้อง โดยจำเลยมอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ยื่นคำร้อง แสดงว่ามีเจตนาที่จะซื้อขายหรือโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทโดยทำนิติกรรมและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 4 ทวิหาได้มีเจตนาที่จะโอนหรือสละการครอบครองให้ ส. ทันทีไม่ ส. มอบที่ดินให้ผู้ร้องจัดให้ผู้อื่นเช่า เมื่อ ส. ถึงแก่กรรม จำเลยก็มายื่นขอถอน คำขอขายที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานก็อนุญาตให้ถอนได้ แสดงว่าสิทธิ ครอบครองที่พิพาทยังคงเป็นของจำเลยอยู่ แม้ในระหว่างดำเนินการนี้ ส. หรือผู้ร้องจะเป็นผู้ยึดถือที่พิพาท ก็ต้องถือว่าเป็นการยึดถือแทน จำเลยผู้จะขายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามแบบตามกฎหมายเป็นโมฆะ แม้มีการชำระเงินบางส่วน
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาทจำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้ทำตามฟอร์มตามกฎหมาย ทำให้สัญญาเป็นโมฆะ
ผู้ตายบอกขายบ้านพิพาท จำเลยรับซื้อไว้และได้ชำระราคาบ้านบางส่วนให้ผู้ตาย ผู้ตายได้ส่งมอบบ้านพิพาทให้จำเลยเข้าอยู่อาศัย โดยไม่ได้ความว่าขณะตกลงซื้อขายกันได้มีการพูดจากันถึงเรื่องการไปจดทะเบียนโอนกันในภายหลัง แสดงว่าคู่กรณีไม่ประสงค์จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายบ้านพิพาทจึงถือว่าเป็นการซื้อขายกันโดยเด็ดขาด เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ แม้จะได้มีการชำระหนี้บางส่วนแล้ว ก็จะถือว่าสมบูรณ์ในฐานะเป็นสัญญาจะซื้อขายไม่ได้ จำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นทายาทรับเงินราคาบ้านส่วนที่เหลือแล้วโอนกรรมสิทธิ์บ้านพิพาทให้แก่จำเลยมิได้
การซื้อขายจะบังคับคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3725/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขยายเวลาขายฝากหลังครบกำหนดสัญญาเดิม เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496
สัญญาขายฝากที่ดินมีโฉนดทำเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2520 มีกำหนด 1 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 6 กรกฎาคม 2521 จำเลยผู้ซื้อฝากทำบันทึกไว้เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2521 และทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2521 ซึ่งเป็นวันที่ยังไม่ครบกำหนดเวลาขายฝากทั้งสองฉบับ มีใจความว่า ผู้ซื้อฝากยอมให้ผู้ขายฝากต่อสัญญาขายฝากไปอีก 1 ปี โดยรับชำระเงินไว้ 300,000 บาท เงินที่ค้างอีก 320,000 บาท ผู้ขายฝากต้องเสียดอกเบี้ยฉบับหนึ่ง และอีกฉบับหนึ่งมีใจความว่าผู้ซื้อฝากจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนแก่ผู้ขายฝากในวันที่ 6 กรกฎาคม 2522 ข้อความในเอกสารทั้งสองฉบับแสดงให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าเป็นเรื่องที่จำเลยยอมขยายกำหนดเวลาขายฝากให้แก่โจทก์อีก 1 ปี จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 บันทึกทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะไม่มีผลผูกพันจำเลยที่จะต้องขายที่ดินให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3653/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินและการโอนสิทธิแก่บุคคลภายนอก: ผลของการแจ้งยึดต่อสิทธิของบุคคลภายนอกที่รับซื้อทรัพย์สินก่อนการแจ้งยึด
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2523 ย่อมมีผลต่อจำเลยที่ 3 ตั้งแต่ วันยึด แต่เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดิน ทราบวันที่ 17 เมษายน 2523 ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้โอน ขายที่ดินซึ่งถูกยึด ให้แก่ พ. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2523 การยึด ที่ดินดังกล่าวจึงใช้ ยัน พ.ไม่ได้ เมื่อพ. จดทะเบียนขายฝากที่ดิน ให้แก่ผู้ร้อง ในวันเดียวกับที่รับโอน และไม่ไถ่ตามกำหนดผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่ดินที่ถูกยึดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3443/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้และการสะดุดหยุดอายุความจากการยื่นคำขอรังวัดที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์เมื่อ พ.ศ.2512 โจทก์ชำระราคาแล้วบางส่วน วันที่ 7 เมษายน 2518 โจทก์จำเลยไปยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินด้วยกัน การที่จำเลยยื่นคำขอดังกล่าวก็เพื่อจะดำเนินการโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา ถือได้ว่าจำเลยทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่า จำเลยยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีอยู่ต่อจำเลยตามสัญญาจะซื้อจะขายแล้ว จึงเป็นการรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ซึ่งมีผลให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2518 ถึงวันที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ยังไม่เกิน 10 ปี คดียังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3443/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการยื่นคำขอรังวัดที่ดิน ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์เมื่อ พ.ศ.2512โจทก์ชำระราคาให้แล้วบางส่วน วันที่ 7 เมษายน 2518โจทก์จำเลยไปยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินด้วยกัน การที่จำเลยยื่นคำขอดังกล่าวก็เพื่อจะดำเนินการโอนที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญา ถือได้ว่าจำเลยทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่าจำเลยยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีอยู่ต่อจำเลยตามสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทแล้ว จึงเป็นการรับสภาพหนี้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ซึ่งมีผลให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2518 ถึงวันที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ยังไม่เกิน 10 ปี คดียังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3420/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินเพื่อประโยชน์ราชการกลายเป็นสาธารณสมบัติ แม้ไม่จดทะเบียน โจทก์ผู้ครอบครองสู้มิได้
การซื้อขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่มีโฉนดนี้เป็นที่ทราบกันว่า ฝ่ายจำเลยซื้อไปเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ซึ่งเป็นผลให้ที่พิพาทกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) การที่ พ.ตกลงขายที่พิพาทให้แก่จำเลย จึงเป็นการแสดงเจตนาสละที่พิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตั้งแต่วันทำสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้โฉนดหรือจดทะเบียนการซื้อขายแต่อย่างใด โจทก์ซึ่งเข้าครอบครองที่พิพาทในภายหลังมิอาจยกเอาอายุความแห่งการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขึ้นต่อสู้แผ่นดินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1306

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3128/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิครอบครองที่ดินโดยไม่มีแบบตามกฎหมาย สิทธิครอบครองย่อมตกแก่ผู้รับโอน
โจทก์ทำหนังสือสัญญาซื้อที่ดินมือเปล่าจากจำเลยแล้วเข้าทำฮวงซุ้ยที่ดินส่วนที่เหลือโจทก์ยอมให้จำเลยทำนาได้ (ตามหนังสือสัญญาจำเลยยอมโอนสิทธิในที่ดินแก่โจทก์ และโจทก์ยอมให้จำเลยทำประโยชน์ในที่นาพิพาท) จำเลยจะอ้างว่าการซื้อขายเป็นโมฆะหรือโจทก์ไม่ได้ครอบครองที่นาพิพาทไม่ได้ เพราะการโอนสิทธิครอบครองก็ดีการสละสิทธิครอบครองก็ดี หาได้มีกฎหมายกำหนดแบบไว้ไม่. เมื่อจำเลยแสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองแก่โจทก์และรับที่จะครอบครองแทนโจทก์ต่อไป ต่อแต่นั้นมาการครอบครองที่นาพิพาทของจำเลยย่อมถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง
of 114