คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 456

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในที่ดิน: ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แม้จะรับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน
จ. ทำหนังสือสัญญาจะซื้อที่ดินจาก ป. แล้วร้องขอแบ่งแยกที่ดินออกเป็นแปลงย่อยในนามของ ป. หลังจากนั้น จ. นำที่ดินดังกล่าวมาจัดสรรขายในนามของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ได้ลงทุนปลูกบ้านลงในที่ดินแต่ละแปลงเป็นการแสดงออกให้ปรากฏแก่คนทั้งหลายทั่วไปว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทเมื่อโจทก์ตกลงซื้อที่ดินพร้อมด้วยบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 และชำระเงินครบถ้วนแล้วจำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแก่โจทก์ ทั้งปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้มอบกุญแจบ้านที่โจทก์ซื้อแก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองที่ดินและบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์จึงอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน
จำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทแทนจำเลยที่ 1 มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง แม้จำเลยที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านพิพาทมาจากจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ก็หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาทไม่เพราะผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
คดีเดิมจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้ฟ้องขับไล่ ส. ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านพิพาทซึ่งโจทก์และจำเลยที่ 3 ในคดีนี้พิพาทกันอยู่ โจทก์ในคดีนี้ได้ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีดังกล่าวและได้ร้องขอให้นำคดีดังกล่าวมาพิจารณาพิพากษารวมกับคดีนี้ ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตเพราะการร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิอย่างอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่ตนเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 58 ดังนั้นประเด็นที่ว่าจำเลยที่ 2 คดีนี้เป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่ 1 คดีนี้หรือไม่จำเลยที่ 2 คดีนี้มีอำนาจโอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 3 คดีนี้หรือไม่จึงไม่ได้รับการพิจารณาในคดีดังกล่าว ประเด็นในคดีนี้จึงเป็นคนละประเด็นกับคดีดังกล่าว ไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจกรรมการลงนามแทนบริษัทผูกพันบริษัท แม้ไม่มีตราสำคัญ การซื้อขายไม้ถือเป็นสัญญาที่ผูกพัน
จำเลยมีวัตถุประสงค์ทำการซื้อขายไม้ กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทมีอำนาจลงชื่อแทนจำเลย เอกสารที่มีข้อความระบุว่าจำเลยตกลงขายไม้ให้โจทก์ ซึ่งมี พ. กรรมการคนหนึ่งของจำเลยลงชื่อในช่องผู้ขาย แม้จะไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย ก็แสดงว่าพ. ตกลงขายไม้ในนามจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ส่งมอบไม้ตามข้อตกลงหรือเรียกค่าเสียหายได้
เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบถึงจำนวนค่าเสียหายที่แน่นอน ศาลก็กำหนดค่าเสียหายให้ตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันสัญญาซื้อขายไม้ แม้ไม่มีตราบริษัท เมื่อมีกรรมการลงนาม สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อผิดสัญญา
จำเลยมีวัตถุประสงค์ทำการซื้อขายไม้ กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทมีอำนาจลงชื่อแทนจำเลย เอกสารที่มีข้อความระบุว่าจำเลยตกลงขายไม้ให้โจทก์ ซึ่งมี พ. กรรมการคนหนึ่งของจำเลยลงชื่อในช่องผู้ขาย แม้จะไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย ก็แสดงว่า พ. ตกลงขายไม้ในนามจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับจำเลยให้ส่งมอบไม้ตามข้อตกลงหรือเรียกค่าเสียหายได้
เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบถึงจำนวนค่าเสียหายที่แน่นอน ศาลก็กำหนดค่าเสียหายให้ตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่มีข้อความเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาขาย ไม่ถือเป็นสัญญาจะซื้อขาย
สัญญานี้กรอกข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินว่า จำเลยที่ 1กู้เงินไป 6,500 บาท และจำเลยที่ 1 นำโฉนดให้โจทก์ยึดไว้เป็นประกัน และมีข้อความเพิ่มเติมว่า " ที่ดินแปลงนี้จะขายให้กับเจ้าของเงินจะไม่ยอมขายให้ใคร คือภายใน 3 ปี ตามราคา 20,000 บาทถ้วน ถึงราคา 20,000 บาท จึงจะขายให้ ถึงราคา 20,000 บาท ก็จะโอนให้" และด้านหลังมีผู้อื่นทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้รายนี้ ดังนี้ เป็นเรื่องกู้เงิน โจทก์แล้วมอบโฉนดเป็นประกัน ไม่มีลักษณะจะซื้อขาย ข้อความเพิ่มเติม นั้นเป็นเพียงคำปรารภของจำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียวมิใช่มุ่งโดยตรงต่อการ ผูกนิติสัมพันธ์ จึงมิใช่คำมั่นหรือสัญญาจะขายที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ซื้อตามสัญญาจะซื้อขายและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ความตายของผู้ขายไม่เป็นเหตุให้ทายาทปฏิเสธสัญญา
เมื่อผู้จะขายได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่จำเลย และจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทตลอดมาตามสัญญาจะซื้อขาย แม้สิทธิครอบครองจะยังไม่โอนมาเป็นของจำเลยเพราะคู่สัญญาประสงค์จะให้มีการโอนทางทะเบียน แต่การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตามสัญญาโดยความยินยอมของผู้จะขายนั้นหาเป็นการละเมิดหรือผิดสัญญาไม่ ทั้งยังมีสิทธิยึดหน่วงอันมีผลให้ยึดหน่วงที่ดินนั้นไว้จนกว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ได้ด้วย ดังนี้ ความตายของผู้จะขายไม่เป็นเหตุให้ทายาทผู้รับมรดกปฏิเสธ ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 253/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1123/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายและการครอบครองที่ดิน แม้ยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ ทายาทผู้รับมรดกต้องปฏิบัติตามสัญญา
เมื่อผู้จะขายได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่จำเลย และจำเลยได้เข้าครอบครองที่พิพาทตลอดมาตามสัญญาจะซื้อขาย แม้สิทธิครอบครองจะยังไม่โอนมาเป็นของจำเลยเพราะคู่สัญญาประสงค์จะให้มีการโอนทางทะเบียน แต่การที่จำเลยเข้าครอบครองที่พิพาทตามสัญญาโดยความยินยอมของผู้จะขายนั้นหาเป็นการละเมิดหรือผิดสัญญาไม่ทั้งยังมีสิทธิยึดหน่วงอันมีผลให้ยึดหน่วงที่ดินนั้นไว้จนกว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ได้ด้วย ดังนี้ ความตายของผู้จะขายไม่เป็นเหตุให้ทายาทผู้รับมรดกปฏิเสธ ไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญา (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 253/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ซื้อขายที่ดินโดยมีเจตนาไม่จดทะเบียน: สัญญาเป็นโมฆะ แม้มีสัญญาจะซื้อจะขาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินพิพาทกัน แต่ได้ทำนิติกรรมจำนองอำพรางไว้ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ จำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในเรื่องการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงต้องถือเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
การซื้อขายที่ดินต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีว่าตั้งใจจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กันในภายหลังหรือไม่ หากไม่มีเจตนาดังกล่าวก็เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด สัญญาตกเป็นโมฆะ หากมีเจตนาดังกล่าว ก็เป็นสัญญาจะซื้อขายการชำระราคาและส่งมอบที่ดินให้แก่กัน ก็ถือเป็นการชำระหนี้บางส่วนซึ่งจะบังคับตามสัญญาซื้อขายได้ เมื่อโจทก์จำเลยมีเจตนาชัดแจ้งที่จะไม่นำการซื้อขายที่ดินพิพาทไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในภายหลังอีก แต่โจทก์จะโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลอื่นต่อไปโดยอาศัยใบมอบอำนาจของจำเลยจึงเป็นการซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยทำสัญญาจำนองอำพรางและเจตนาไม่จดทะเบียน: สัญญาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายที่ดินพิพาทกัน แต่ได้ทำนิติกรรมจำนองอำพรางไว้ เมื่อโจทก์อุทธรณ์ จำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในเรื่องการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงต้องถือเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
การซื้อขายที่ดินต้องพิจารณาถึงเจตนาของคู่กรณีว่า ตั้งใจจะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่กันในภายหลังหรือไม่ หากไม่มีเจตนาดังกล่าวก็เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดสัญญาตกเป็นโมฆะ หากมีเจตนาดังกล่าว ก็เป็นสัญญาจะซื้อขายการชำระราคาและส่งมอบที่ดินให้แก่กัน ก็ถือเป็นการชำระหนี้บางส่วนซึ่งจะบังคับตามสัญญาซื้อขายได้ เมื่อโจทก์จำเลยมีเจตนาชัดแจ้งที่จะไม่นำการซื้อขายที่ดินพิพาทไปทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในภายหลังอีก แต่โจทก์จะโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลอื่นต่อไปโดยอาศัยใบมอบอำนาจของจำเลยจึงเป็นการซื้อขายเด็ดขาด เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: ผู้ขายไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของขณะทำสัญญา หากสามารถจัดการโอนได้
ผู้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในขณะทำสัญญาก็ได้ เพราะสารสำคัญที่เป็นวัตถุประสงค์ของการซื้อขายก็คือให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ไปโดยชำระราคาตามที่ตกลง หากผู้ขายสามารถจัดการให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์โดยชำระราคาตามที่ตกลงไว้สัญญาจะซื้อขายนั้นก็ใช้ได้แล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1214/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: ผู้ขายไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของขณะทำสัญญา หากสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้
ผู้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในขณะทำสัญญาก็ได้ เพราะสารสำคัญที่เป็นวัตถุประสงค์ของการซื้อขายก็คือให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ไปโดยชำระราคาตามที่ตกลง หากผู้ขายสามารถจัดการให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์โดยชำระราคาตามที่ตกลงไว้สัญญาจะซื้อขายนั้นก็ใช้ได้แล้ว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1214/2498)
of 114