คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 456

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายกระบือและการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 456: กระบือที่ยังไม่ได้ใช้งานไม่ต้องจดทะเบียน
สัตว์พาหนะที่กฎหมายบังคับให้มีการจดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456นั้น ต้องเป็นสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.2482 มาตรา 4 อันได้แก่ช้าง ม้า โค กระบือ ล่อลา ซึ่งได้ทำ หรือต้องทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัตินี้
สัตว์พาหนะดังกล่าวที่กฎหมายบังคับให้ต้องทำตั๋วรูปพรรณมีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติที่กล่าวนั้น มาตรา 8(3) ว่าได้แก่สัตว์ใดที่ได้ใช้ขับขี่ลากเข็น หรือใช้งานแล้ว
กระบือรายพิพาทที่โจทก์ขายให้จำเลยไม่มีตั๋วรูปพรรณแม้จะมีอายุ 4 ปีแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นกระบือที่ใช้งานแล้ว จึงไม่อยู่ในบังคับที่ต้องทำตั๋วรูปพรรณ ดังนั้น การซื้อขายกระบือรายพิพาท ไม่จำต้องจดทะเบียนซื้อขาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 การซื้อขายนี้ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายโคอายุต่ำกว่า 1 ปี ไม่เข้าข่ายสัตว์พาหนะตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายสมบูรณ์และมีผลผูกพัน
คำว่า "สัตว์พาหนะ" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้นหมายถึงสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะพ.ศ.2482 มาตรา 4 การที่โจทก์ขายโคให้จำเลยโดยที่การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อโคที่ซื้อขายกันแต่ละตัวอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่เข้ากรณีที่จะต้องขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ มาตรา 8(2) และ(5) และไม่ใช่โคที่ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้วตามมาตรา 8(3) หรือเป็นโคที่เจ้าของได้นำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณไว้แล้วอย่างนี้ โคที่โจทก์ขายให้จำเลยจึงมิใช่สัตว์พาหนะตามความหมายของกฎหมายการซื้อขายโคดังกล่าวโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 309/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายโคอายุต่ำกว่า 1 ปี ไม่เข้าข่ายสัตว์พาหนะตามกฎหมาย สัญญาซื้อขายสมบูรณ์ สัญญากู้มีผลผูกพัน
คำว่า "สัตว์พาหนะ" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 นั้น หมายถึงสัตว์พาหนะตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. 2482 มาตรา 4 การที่โจทก์ขายโคให้จำเลยโดยที่การซื้อขายไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เมื่อโคที่ซื้อขายกันแต่ละตัวอายุไม่ถึง 1 ปี ไม่เข้ากรณีที่จะต้องขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ มาตรา 8 (2) และ (5) และไม่ใช่โคที่ใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานแล้วตามมาตรา 8 (3) หรือเป็นโคที่เจ้าของได้นำไปจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณไว้แล้วอย่างนี้ โคที่โจทก์ขายให้จำเลยจึงมิใช่สัตว์พาหนะตามความหมายของกฎหมายการซื้อขายโคดังกล่าวโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 465 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1996/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองจากสัญญาซื้อขายที่มีเงื่อนไขไถ่ถอนและการได้มาซึ่งสิทธิโดยการครอบครองยึดถือ
จำเลยทำหนังสือสัญญาขายที่นาพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้โจทก์ ยอมมอบที่นาพิพาทให้โจทก์ตั้งแต่วันทำสัญญา แต่มีข้อตกลงระบุไว้ในหนังสือสัญญาว่าให้จำเลยมีสิทธิมาไถ่ถอนได้ภายใน 3 ปี ถ้าไม่มาไถ่ถอนภายในกำหนด จำเลยเป็นอันหมดสิทธิในที่นาพิพาท ดังนี้ ถึงหากจะฟังว่านิติกรรมซื้อขายที่นาพิพาทเป็นโมฆะเพราะมีลักษณะเป็นสัญญาขายฝากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้สิทธิครอบครองมาโดยการครอบครองยึดถือเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 ดังที่จำเลยได้แสดงเจตนาสละสิทธิครอบครองให้โจทก์แล้ว โจทก์ได้สิทธิครอบครองทันทีที่พ้นกำหนดไถ่ 3 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทเมื่อซื้อขายไม่จดทะเบียน: เจ้าของที่ดินได้กรรมสิทธิ์เนื่องจากเป็นส่วนควบ
ผู้ร้องซื้อเรือนพิพาทจากภรรยาจำเลย แม้การซื้อขายจะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินที่เรือนพิพาทปลูกอยู่ เรือนเป็นส่วนควบของที่ดิน ผู้ร้องเจ้าของที่ดินย่อมได้กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทโดยไม่จำต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาบุคคลภายนอกขอคืนของกลาง, กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อทำสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน
กรณีบุคคลภายนอกขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องของผู้ร้องผู้ร้องก็ยังฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุคคลภายนอกขอคืนของกลาง, กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อทำสัญญาซื้อขาย, การจดทะเบียนโอนเป็นเรื่องควบคุมของเจ้าพนักงาน
กรณีบุคคลภายนอกขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องก็ยังฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่ใช่แบบที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการร้องขัดทรัพย์ต้องมีสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด สัญญาจะซื้อขายยังไม่ทำให้เกิดสิทธิครอบครอง
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 จะมิได้บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 55 คือผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป.ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป.จะคืน น.ส.3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป.ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายจะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องขอปล่อยทรัพย์สินจากการบังคับคดี ต้องแสดงว่ามีสิทธิในทรัพย์สิน หรือมีข้อโต้แย้งสิทธิที่ชัดเจน
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 จะมิได้บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 55 คือผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป. ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป. จะคืน น.ส. 3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย จะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกคืนเงินลาภมิควรได้จากนิติกรรมโมฆะ: การรู้สิทธิและพยานหลักฐาน
ในกรณีที่นิติกรรมเป็นโมฆะ สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่กระทำเพื่อชำระหนี้ของฝ่ายผู้เสียเปรียบย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
เมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ ต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้ว ผู้ใดอ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษโดยแน่ชัดว่าตนไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นนั้น
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้นั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และเป็นสารสำคัญในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้งดสืบพยาน โดยยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานคู่ความในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 240(3),247
of 114