พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ซื้อที่ดินจากการครอบครอง แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ซื้อขายที่ดินกันโดยทำหนังสือกันเอง ไม่ถูกแบบ ซึ่งไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น เมื่อผู้ขายสละสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อแล้ว พอผู้ซื้อเข้าไปถากถางที่ก็มีผู้อื่นเข้ามาขัดขวาง ดังนี้ ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามผู้นั้นมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าวแล้ว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาท กันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายไปแล้ว ดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายข้าวเปลือกด้วยปากเปล่ามีผลผูกพันเมื่อมีการส่งมอบข้าว
ซื้อขายข้าวเปลือกราคากว่า 500 บาทกันด้วยปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และไม่ได้วางมัดจำกัน แต่ผู้ซื้อได้รับมอบข้าวที่ซื้อขายกันไปแล้วดังนี้ สัญญาซื้อขายย่อมบังคับกันได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในสวนยาง & การโอนสิทธิหุ้นส่วน: สิทธิสมบูรณ์ต้องจดทะเบียน
การรวมทุนกันประกอบกิจการมีและทำสวนยาง อีกนัยหนึ่งก็คือการร่วมกันมีที่ดินสวนยางหรือทำเป็นสวนยาง เพื่อแสวงหาดอกผลธรรมดาจากสวนยางนั้น แม้จะเรียกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญ(โดยมิได้จดทะเบียน)ก็ตามความสัมพันธ์เช่นนี้ จะต้องบังคับตามกฎหมายอันว่าด้วยกรรมสิทธิ์รวมในอสังหาริมทรัพย์นั้น จะบังคับตามกฎหมายเรื่องหุ้นส่วนแต่อย่างเดียวไม่ได้เพราะทรัพย์สินอันเป็นประธานที่ผู้เป็นหุ้นส่วนมีอยู่ร่วมกันคือที่ดินสวนยางและส่วนของหุ้นส่วนในเรื่องนี้ก็คือส่วนหนึ่งในสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของรวมในสวนยาง อันเป็นอสังหาริมทรัพย์จะมีตราจองหรือไม่ ก็ย่อมเป็นสิทธิในอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะมีสิทธิทำนิติกรรมจำหน่ายส่วนของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1361 ก็ตาม แต่ก็ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงจะสมบูรณ์
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไปแก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้วภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการอันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไปแก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้วภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการอันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิรวมในอสังหาริมทรัพย์ ห้างหุ้นส่วนสามัญ การซื้อขายสิทธิ และการร้องสอด
การรวมทุนกันประกอบกิจการมี และสวนยาง อีกนัยหนึ่ง ก็คือ การร่วมกันมีที่ดินสวนยางหรือทำเป็นสวนยาง เพื่อแสวงหาดอกผลธรรมดาจากสวนยางนั้น แม้จะเรียกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญ (โดยมิได้จดทะเบียน) ก็ตาม ความสัมพันธ์เช่นนี้ จะต้องบังคับตามกฎหมายอันว่าด้วยกรรมสิทธิรวมในอสังหาริมททรัพย์นั้น จะบังคับตามกฎหมายเรื่องหุ้นส่วนแต่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะทรัพย์สินอันเป็นประธานที่ผู้เป็นหุ้นส่วนมีอยู่ร่วมกัน คือที่ดินสวนยาง
และส่วนของหุ้นส่วนในเรื่องนี้ก็คือส่วนหนึ่งในสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของรวมในสวนยาง อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ จะมีตราจองหรือไม่ ก็ย่อมเป็นสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกัน แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะมีสิทธิทำนิติกรรมจำหน่ายส่วนของตนได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1361 ก็ตาม แต่ก็ต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงจะสมบูรณ์
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไป แก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้ว ภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานนะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการ อันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
และส่วนของหุ้นส่วนในเรื่องนี้ก็คือส่วนหนึ่งในสิทธิแห่งการเป็นเจ้าของรวมในสวนยาง อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ จะมีตราจองหรือไม่ ก็ย่อมเป็นสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ เช่นเดียวกัน แม้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะมีสิทธิทำนิติกรรมจำหน่ายส่วนของตนได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1361 ก็ตาม แต่ก็ต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงจะสมบูรณ์
ถ้าผู้ได้รับซื้อสิทธิของผู้เป็นหุ้นส่วนไว้โดยเพียงแต่ทำสัญญากันเป็นหนังสือเท่านั้น แล้วภายหลังผู้เป็นหุ้นส่วนนั้นได้ขายสิทธินั้นไป แก่ผู้รับซื้อคนใหม่โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกันโดยสุจริตแล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อคนแรกก็ย่อมจะฟ้องบังคับให้ผู้เป็นหุ้นส่วน ซึ่งขายสิทธินั้นแก่ตน โอนสิทธิที่ขายให้แก่ตนไม่ได้
เป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้เข้าสู้คดีในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยแล้ว ภายหลังตนเองได้ร้องสอดเข้ามาในคดีในฐานนะตัวเอง ดังนี้ ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อให้มีผลยกฟ้องแล้ว ศาลก็พอบังคับได้ แต่ถ้าเป็นการร้องสอดเข้ามาเพื่อที่จะให้ศาลบังคับตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยนั้น ศาลจะบังคับให้ หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ประโยชน์ของตัวแทนขัดกับประโยชน์ของตัวการ อันเป็นกรณีที่ตัวแทนไม่อาจทำแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินหลังทำยอมโอนกรรมสิทธิ์แต่ยังไม่ได้โอนจริง เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้
จำเลยทำยอมต่อศาล ยอมโอนที่ดินแปลงหนึ่งของจำเลยให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน นับแต่วันทำยอมในระหว่างนั้น โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงิน ตามสัญญากู้ จำเลยก็ทำยอมใช้เงินแก่โจทก์แล้วไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานที่ดินที่จำเลยทำยอมแก่ผู้ร้องดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องจึงมาขัดทรัพย์ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ขณะนำยึด จำเลยยังไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิในที่พิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะยึดที่ดินรายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในสัญญาขายฝาก: ช้างตายจากการใช้งานเกินสมควร
ในการขายฝากช้างกันนั้นถ้าผู้ซื้อฝากใช้ช้างให้ทำการงานเกินสมควรแม้ช้างเจ็บป่วยก็ไม่ให้หยุดพักรักษาให้ช้างสมบูรณ์ดีเสียก่อน กลับใช้งานจนช้างตายดังนี้ผู้ซื้อฝากต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ขายฝากตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 501
โจทก์ที่ 1 ซื้อช้างจากโจทก์ที่2 ชำระราคาช้างและส่งมอบช้างกันเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ ต่อมาโจทก์ที่ 1เอาช้างนั้นไปขายฝากไว้แก่จำเลย แต่ให้โจทก์ที่ 2 เป็นคู่สัญญากับจำเลยในการทำสัญญาขายฝากที่อำเภอ เพราะยังมีชื่อโจทก์ที่2 เป็นเจ้าของในตั๋วพิมพ์รูปพรรณอยู่ ดังนี้ ภายหลังจำเลยทำช้างตายโดยความผิดของจำเลย โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ย่อมมีอำนาจมาเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของช้างที่แท้จริงได้
โจทก์ที่ 1 ซื้อช้างจากโจทก์ที่2 ชำระราคาช้างและส่งมอบช้างกันเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ ต่อมาโจทก์ที่ 1เอาช้างนั้นไปขายฝากไว้แก่จำเลย แต่ให้โจทก์ที่ 2 เป็นคู่สัญญากับจำเลยในการทำสัญญาขายฝากที่อำเภอ เพราะยังมีชื่อโจทก์ที่2 เป็นเจ้าของในตั๋วพิมพ์รูปพรรณอยู่ ดังนี้ ภายหลังจำเลยทำช้างตายโดยความผิดของจำเลย โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ย่อมมีอำนาจมาเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของช้างที่แท้จริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดต่อค่าเสียหายจากการใช้งานช้างเกินสมควรจนตาย และอำนาจฟ้องของเจ้าของช้าง
ในการขายฝากช้างกันนั้น ถ้าผู้ซื้อฝากใช้ช้างให้ทำการงานเกินสมควร แม้ช้างเจ็บป่วยก็ไม่ให้หยุดพักรักษาช้างสมบูรณ์ดีเสียก่อน กลับใช้งานจนช้างตาย ดังนี้ ผู้ซื้อฝากต้องรบผิดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ขายฝากตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 501.
โจทก์ที่ 1 ซื้อช้างจากโจทก์ที่ 2 ชำระราคาช้าง และส่งมอบช้างกันเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ ต่อมาโจทก์ที่ 1 เอาช้างนั้นไปขายฝากไว้แก่จำเลย แต่ให้โจทก์ที่ 2 เป็นคู่สัญญากับจำเลยในการทำสัญญาขายฝากที่อำเภอ เพราะยังมีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของในตั๋วพิมพ์รูปพรรณอยุ่ ดังนี้ ภายหลังจำเลยทำช้างตายโดยความผิดของจำเลย โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ย่อมมีอำนาจมาเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องอำนาจเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของช้างที่แท้จริง ได้
โจทก์ที่ 1 ซื้อช้างจากโจทก์ที่ 2 ชำระราคาช้าง และส่งมอบช้างกันเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ยังมิได้โอนตั๋วพิมพ์รูปพรรณ ต่อมาโจทก์ที่ 1 เอาช้างนั้นไปขายฝากไว้แก่จำเลย แต่ให้โจทก์ที่ 2 เป็นคู่สัญญากับจำเลยในการทำสัญญาขายฝากที่อำเภอ เพราะยังมีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของในตั๋วพิมพ์รูปพรรณอยุ่ ดังนี้ ภายหลังจำเลยทำช้างตายโดยความผิดของจำเลย โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ย่อมมีอำนาจมาเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องอำนาจเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของช้างที่แท้จริง ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์ หากผู้ซื้อครอบครองนานเกิน 10 ปี โดยเจตนาเป็นเจ้าของ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกัน แต่วินิจฉัยว่าแม้โจทก์ผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินมานานเท่าใดก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์คงพิพากษายกฟ้องยืนตามศาลชั้นต้น แต่ไปวินิจฉัยว่าการซื้อขายไม่สมบูรณ์เพราะทำไม่ถูกแบบ และฟังไม่ได้ว่าซื้อขายกัน ซึ่งไม่มีประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์ และไม่ปรากฏว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยความข้อนี้ผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใดคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าว จึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(3) ศาลฎีกาจึงไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงข้อนี้ตามมาตรา 250 ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นได้
ตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ชำระเงินราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว และส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว.พฤติการณ์เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคู่กรณีไม่ได้คำนึงถึงการที่จะแก้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียแล้วผู้ซื้อคงครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในฐานที่ได้ครอบครองมา
ตกลงจะซื้อขายที่ดินกัน ชำระเงินราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว และส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมากว่า 10 ปีแล้ว.พฤติการณ์เช่นนี้เป็นที่เห็นได้ว่าคู่กรณีไม่ได้คำนึงถึงการที่จะแก้ทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียแล้วผู้ซื้อคงครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในฐานที่ได้ครอบครองมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ไร้ผลผูกพันและการฟ้องเรียกคืนทรัพย์สิน โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง
แม้การซื้อขายที่บ้านให้แก่กัน โดยทำหนังสือซื้อขายกันเอง เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นโมฆะ และผู้ซื้อเข้าครอบครองยังไม่ถึง 10 ปี ก็ตาม แต่ผู้ขายกลับมาฟ้องเรียกที่ดินคืนโดยอ้างว่า ผู้ซื้ออาศัยอยู่ ซึ่งไม่ใช่ความจริง ผู้ขายบิดผัน ปิดบังความจริงแห่งการซื้อขายจะเอาที่ดินคืนเปล่า ๆ ดังนี้ ถือได้ว่า ผู้ขายสืบไม่สมฟ้อง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้