พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การสละสิทธิและการถูกรบกวนเกิน 1 ปี ทำให้ไม่สามารถเรียกคืนได้
ที่ดินมือเปล่าซึ่งเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครองเท่านั้นเมื่อเจ้าของทำสัญญาจะขายให้ผู้อื่นและมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองไปแล้วเกิน 1 ปี ผู้ขายย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนอย่างใดอีก เพราะถ้าได้สละหรือถูกรบกวนการครองครองเกิน 1 ปี แล้วก็เอาคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การสละสิทธิและการทวงคืน หากสละสิทธิหรือถูกรบกวนเกิน 1 ปี ย่อมไม่มีสิทธิทวงคืนได้
ที่ดินมือเปล่า ซึ่งเจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครองนั้น เมื่อเจ้าของทำสัญญาจะขายให้ผู้อื่นและมอบที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อครอบครองไปแล้วเกิน 1 ปีผู้ขายย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนอย่างใดอีก เพราะถ้าได้สละหรือถูกรบกวนการครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว ก็เอาคืนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินแบ่งแปลงไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ สัญญาเดิมยังใช้บังคับได้
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินบ้านและที่สวนรวม 2 แปลง ราคา 3,000 บาทวันโอนกันที่อำเภอผู้ซื้อมีเงินไม่ถึง 3,000 บาท จึงตกลงขายที่บ้านแปลงเดียวก่อนตีราคา 2,600 บาท ส่วนที่สวนตีราคา 400 บาท นัดโอนกันภายหลัง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า คู่กรณีมิได้ตกลงกันเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ให้ผิดแผกไปจากเดิมเลย ที่ให้โอนที่บ้านก่อนแล้วจึงมาโอนที่สวนภายหลังก็เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อในเรื่องเงิน จำนวนราคาเมื่อรวมกันก็เป็น 3,000 บาท เท่าเดิม จึงไม่ใช่เรื่องแปลงหนี้ สัญญาจะซื้อขายฉบับเดิมหาได้ระงับไปไม่ผู้ขายยังมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อซื้อที่สวนในราคา 400 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ หากราคารวมยังคงเดิม สัญญาจะซื้อขายเดิมยังใช้บังคับ
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินบ้านและที่สวนรวม 2 แปลง ราคา 3000 บาท วันโอนกันที่อำเภอผู้ซื้อมีเงินไม่ถึง 3000 บาท จึงตกลงขายที่บ้านแปลงเดียวก่อนตีราคา 2600 บาท ส่วนที่สวนตีราคา 400 บาท นัดโอนกันภายหลัง ดังนี้ย่อมถือได้ว่าคู่กรณีมิได้ตกลงกันเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ให้ผิดแผกไปจากเดิมเลยที่ให้โอนที่บ้านก่อนแล้วจึงมาโอนที่สวนภายหลัง ก็เพื่อความสะดวกของผู้ซื้อในเรื่องเงิน จำนวนราคาเมื่อรวมกันก็เป็น 3000 บาทเท่าเดิมจึงไม่ใช่เรื่องแปลงหนี้สัญญาจะซื้อขายฉบับเดิมหาได้ระงับไปไม่ ผู้ขายยังมีสิทธิฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อซื้อที่สวนในราคา 400 บาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไม่จำต้องจดทะเบียน และการเช่าก่อนรื้อถอนไม่ทำให้สัญญาซื้อขายเปลี่ยนสภาพ
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปีก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ต้องจดทะเบียน สัญญาไม่เป็นโมฆะ การเช่าก่อนรื้อถอนไม่เปลี่ยนสภาพสัญญา
ซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอนไปนั้น เพียงทำสัญญากันเองไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
ซื้อเรือนเพื่อรื้อถอนไปแล้วให้เจ้าของเดิมเช่าอยู่เป็นเวลาจำกัดไม่ถึง 1 ปี ก่อนรื้อถอนเรือนไปนั้น ไม่ทำให้สัญญาซื้อขายกลายสภาพเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนการขายฝากยังคงมีอยู่ แม้ทำสัญญาจะซื้อขายและรับเงินมัดจำแล้ว
ขายฝากที่ดินแก่เขาไว้โดยทำสัญญาและจดทะเบียนแล้วภายหลังทำสัญญากันเองว่าจะขายขาดที่นั้นให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำจากเขาแล้ว กำหนดจะไปทำการโอนกันต่อไป แต่ก่อนถึงกำหนดวันไปทำโอนกัน ผู้ขายกลับฟ้องขอไถ่ถอนการขายฝาก ดังนี้ ผู้ขายมีสิทธิจะไถ่ได้ตามกฎหมายถ้าการขายฝากยังไม่พ้นระยะเวลาไถ่ถอน
คำรับรองด้วยปากเปล่าว่าจะไม่ไถ่การขายฝากเช่นนี้ไม่มีผลตามกฎหมาย
คำรับรองด้วยปากเปล่าว่าจะไม่ไถ่การขายฝากเช่นนี้ไม่มีผลตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนการขายฝากมีผลเหนือกว่าสัญญาจะซื้อขาย การตกลงไม่ไถ่ด้วยปากเปล่าไม่ผูกพัน
ขายฝากที่ดินแก่เขาไว้โดยทำสัญญาและจดทะเบียนแล้ว ภายหลังทำสัญญากันเองว่าจะขายขาดที่นั้นให้แก่เขาโดยได้รับเงินมัดจำจากเขาแล้ว กำหนดจะไปทำการโอนกันต่อไป แต่ก่อนถึงกำหนดวันไปทำโอนกัน ผู้ขายกลับฟ้องขอไถ่ถอนการขายฝากดังนี้ ผู้ขายมีสิทธิจะไถ่ได้ตามกฎหมายถ้าการขายฝากยังไม่พ้นระยะเวลาไถ่ถอน
คำรับรองด้วยปากเปล่าว่าจะไม่ไถ่การขายฝากเช่นนี้ไม่มีผลตามกฎหมาย
คำรับรองด้วยปากเปล่าว่าจะไม่ไถ่การขายฝากเช่นนี้ไม่มีผลตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน มิใช่การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สัญญาทำกันเองใช้ได้
ทำสัญญาซื้อขายเรือนเพื่อจะรื้อเอาไปนั้น หาใช่ซื้อขายในฐานะอสังหาริมทรัพย์ ทำสัญญากันเองก็ใช้ได้
ฟ้องว่า ทำสัญญาซื้อเรือนและครัวไฟจากจำเลย เมื่อรื้อเอาไปและได้ชำระราคาแก่จำเลยไปแล้ว จำเลยให้การต่อสู้คดีกำกวมไม่ชัดแจ้ง แม้จะมีข้อความว่า จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหา แต่เมื่อพิเคราะห์ต่อไปในคำให้การนั้น เป็นอันเข้าใจได้ว่าฝ่ายจำเลยรับแล้วว่า ได้มีการซื้อขายกันจริงดังฟ้อง ไม่ได้คัดค้านในข้อที่ว่าไม่มีการตกลงกันว่าซื้อขายแล้วจะรื้อเอาไป และไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับเงินราคาซื้อขายกันแล้ว เช่นนี้เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยานก็ต้องฟังว่า จำเลยตกลงซื้อขายเรือนแก่โจทก์เพื่อรื้อไปและต้องฟังว่าจำเลยรับเงินราคาเรือนแล้ว
เพียงแต่โจทก์ไม่คัดค้านในการที่ผู้ร้องสอด ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยเดิมนั้น จะแปลว่าโจทก์รับว่าเป็นความจริงตามคำร้องสอดนั้นด้วยยังไม่ได้
ฟ้องว่า ทำสัญญาซื้อเรือนและครัวไฟจากจำเลย เมื่อรื้อเอาไปและได้ชำระราคาแก่จำเลยไปแล้ว จำเลยให้การต่อสู้คดีกำกวมไม่ชัดแจ้ง แม้จะมีข้อความว่า จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหา แต่เมื่อพิเคราะห์ต่อไปในคำให้การนั้น เป็นอันเข้าใจได้ว่าฝ่ายจำเลยรับแล้วว่า ได้มีการซื้อขายกันจริงดังฟ้อง ไม่ได้คัดค้านในข้อที่ว่าไม่มีการตกลงกันว่าซื้อขายแล้วจะรื้อเอาไป และไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับเงินราคาซื้อขายกันแล้ว เช่นนี้เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยานก็ต้องฟังว่า จำเลยตกลงซื้อขายเรือนแก่โจทก์เพื่อรื้อไปและต้องฟังว่าจำเลยรับเงินราคาเรือนแล้ว
เพียงแต่โจทก์ไม่คัดค้านในการที่ผู้ร้องสอด ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยเดิมนั้น จะแปลว่าโจทก์รับว่าเป็นความจริงตามคำร้องสอดนั้นด้วยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ถือเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สัญญาใช้ได้
ทำสัญญาซื้อขายเรือนเพื่อจะรื้อเอาไปนั้น หาใช่ซื้อขายในฐานะอสังหาริมทรัพย์ทำสัญญากันเองก็ใช้ได้
ฟ้องว่า ทำสัญญาซื้อเรือนและครัวไฟจากจำเลย เมื่อรื้อเอาไปและได้ชำระราคาแก่จำเลยไปแล้ว จำเลยให้การต่อสู้คดีกำกวมไม่ชัดแจ้ง แม้จะมีข้อความว่า จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหาแต่เมื่อพิเคราะห์ต่อไปในคำให้การนั้น เป็นอันเข้าใจได้ว่าฝ่ายจำเลยรับแล้วว่า ได้มีการซื้อขายกันจริงดังฟ้องไม่ได้คัดค้านในข้อที่ว่าไม่มีการตกลงกันว่าซื้อขายแล้วจะรื้อเอาไป และไม่ได้คัดค้านว่าไม่ได้รับเงินราคาซื้อขายกันแล้ว เช่นนี้เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยานก็ต้องฟังว่าจำเลยตกลงซื้อขายเรือนแก่โจทก์เพื่อ+ไปและต้องฟังว่าจำเลยรับเงินราคาเรือนแล้ว
เพียงแต่โจทก์ไม่คัดค้านในการที่ผู้ร้องสอด ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยเดิมนั้น จะแปลว่าโจทก์รับว่าเป็นความจริงตามคำร้องสอดนั้นด้วยยังไม่ได้
ฟ้องว่า ทำสัญญาซื้อเรือนและครัวไฟจากจำเลย เมื่อรื้อเอาไปและได้ชำระราคาแก่จำเลยไปแล้ว จำเลยให้การต่อสู้คดีกำกวมไม่ชัดแจ้ง แม้จะมีข้อความว่า จำเลยปฏิเสธตลอดข้อหาแต่เมื่อพิเคราะห์ต่อไปในคำให้การนั้น เป็นอันเข้าใจได้ว่าฝ่ายจำเลยรับแล้วว่า ได้มีการซื้อขายกันจริงดังฟ้องไม่ได้คัดค้านในข้อที่ว่าไม่มีการตกลงกันว่าซื้อขายแล้วจะรื้อเอาไป และไม่ได้คัดค้านว่าไม่ได้รับเงินราคาซื้อขายกันแล้ว เช่นนี้เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่สืบพยานก็ต้องฟังว่าจำเลยตกลงซื้อขายเรือนแก่โจทก์เพื่อ+ไปและต้องฟังว่าจำเลยรับเงินราคาเรือนแล้ว
เพียงแต่โจทก์ไม่คัดค้านในการที่ผู้ร้องสอด ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมกับจำเลยเดิมนั้น จะแปลว่าโจทก์รับว่าเป็นความจริงตามคำร้องสอดนั้นด้วยยังไม่ได้