พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,139 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: ผู้ขายไม่ผิดนัดหากมีเหตุขัดข้องและเสนอให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองก่อน ส่วนดอกเบี้ยมัดจำ ผู้ขายไม่ต้องจ่ายหากไม่ใช่ฝ่ายผิดสัญญา
ทำสัญญาขายที่ดินและบ้านเรือนให้เขา โดยได้รับเงินมัดจำไว้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่สามารถโอนให้ผู้ซื้อภายในกำหนดตามสัญญาได้ เพราะมีเหตุขัดข้อง เจ้าพนักงานยังไม่ยอมทำโอนให้ภายในกำหนดสัญญาผู้ขายได้แสดงความจำนงให้ผู้ซื้อครอบครองที่ ที่ จะซื้อไปก่อนผู้ซื้อไม่ยอมดังนี้ จะถือว่าผู้ขายเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ได้
ผู้รับมัดจำขอคืนเงินมัดจำแล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับดังนี้ จะฟ้องขอให้ผู้รับมัดจำเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นมาไม่ได้
ผู้รับมัดจำขอคืนเงินมัดจำแล้วอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับดังนี้ จะฟ้องขอให้ผู้รับมัดจำเสียดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นมาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีซื้อขาย, การชำระหนี้, และผลของการละเลยหนี้ตามสัญญา
ทำสัญญาจะขายที่ดินกันแล้ว คู่สัญญาไปขอทำการโอนที่ดินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินในเรื่องนี้ตลอดมาไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทำการโอน เหตุที่ทางอำเภอยังไม่โอนให้ ก็เพราะรอฟังคำสั่งกรมที่ดินอยู่เท่านั้น ซึ่งในระหว่างนั้นทางการก็ยังดำเนินการพิจารณาเรื่องราวที่ขอโอนอยู่ ดังนี้ ไม่ถือว่าการโอนหรือการชำระหนี้เป็นพ้นวิสัยอันจะทำให้ผู้ขายหลุดพ้นจากการชำระหนี้ตามมาตรา 219และถือว่าสัญญาจะซื้อขายคงมีผูกพันต่อกันอยู่ ผู้ขายจะถือเอาการที่เจ้าพนักงานยังมิได้ทำสัญญาให้ดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุบอกเลิกสัญญาไม่ได้
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ของตน
ทำสัญญาจะขายทรัพย์สินแก่ผู้ซื้อซึ่งร่วมกันหลายคน ถือว่าผู้ซื้อแต่ละคนเป็นเจ้าหนี้ร่วมกันตามมาตรา 298 เจ้าหนี้ร่วมเพียงคนเดียวก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะมอบอำนาจให้ผู้แทนฟ้องลูกหนี้ให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้
โจทก์ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้คนหนึ่งให้ฟ้องจำเลยโดยส่งสำเนาใบมอบอำนาจพร้อมกับฟ้อง จำเลยต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องเพียงว่าใบมอบอำนาจฟ้องร้องไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเจ้าหนี้ร่วมอีก 2 คน มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้อง มิได้โต้แย้งในเรื่องความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแต่ประการใด จนเมื่อศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงยกเป็นข้ออ้างว่าโจทก์ไม่ได้ส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจดังนี้ถือว่าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจ และถือได้ว่าจำเลยยอมรับในความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแล้ว
พฤติการณ์ที่ถือได้ว่าลูกหนี้ละเลยไม่ชำระหนี้ของตน
ทำสัญญาจะขายทรัพย์สินแก่ผู้ซื้อซึ่งร่วมกันหลายคน ถือว่าผู้ซื้อแต่ละคนเป็นเจ้าหนี้ร่วมกันตามมาตรา 298 เจ้าหนี้ร่วมเพียงคนเดียวก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะมอบอำนาจให้ผู้แทนฟ้องลูกหนี้ให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้
โจทก์ฟ้องคดีอ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้คนหนึ่งให้ฟ้องจำเลยโดยส่งสำเนาใบมอบอำนาจพร้อมกับฟ้อง จำเลยต่อสู้ในเรื่องอำนาจฟ้องเพียงว่าใบมอบอำนาจฟ้องร้องไม่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายในวันชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเจ้าหนี้ร่วมอีก 2 คน มิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้อง มิได้โต้แย้งในเรื่องความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแต่ประการใด จนเมื่อศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยจึงยกเป็นข้ออ้างว่าโจทก์ไม่ได้ส่งต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจดังนี้ถือว่าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจ และถือได้ว่าจำเลยยอมรับในความแท้จริงแห่งใบมอบอำนาจนั้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินด้วยวาจาและผลกระทบของการครอบครองไม่ครบ 10 ปีตามกฎหมาย
ซื้อขายที่สวนกันด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อซื้อแล้วก็เข้าครอบครองถึง 6 ปีแม้ที่สวนนั้นจะไม่มีหนังสือสำคัญผู้ซื้อก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ เพราะครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ตามมาตรา 1382 ผู้ขายฟ้องเรียกคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อครอบครองไม่ครบ 10 ปี ยังไม่เกิดกรรมสิทธิ์ ผู้ขายมีสิทธิเรียกคืนได้
ซื้อขายที่สวนกันด้วยปากเปล่า ผู้ซื้อซื้อแล้วก็เข้าครอบครองถึง 6 ปี แม้ที่สวนนั้นจะไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ซื้อก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ เพราะครอบครองยังไม่ครบ 10 ปี ตามมาตรา 1382 ผู้ขายฟ้องเรียกคืนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงซื้อขายที่ดินทางปากเปล่าและผลของการไม่ปลดจำนอง แม้จำนวนเงินจะเท่ากันก็ไม่ถือว่าชำระหนี้
จำนองที่ดินไว้แก่เขาภายหลังตกลงขายที่ดินนั้นแก่ผู้รับจำนองครึ่งหนึ่ง โดยตกลงกันให้หักหนี้ที่จำนองเป็นการชำระหนี้สินสิ้นเชิง
ถ้าการตกลงนั้นมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้รับจำนองไม่มีอำนาจฟ้องผู้จำนองให้โอนที่ดินครึ่งที่ขายให้ตนได้ และจะถือว่าเงินที่รับจำนองเท่าราคาซื้อขายจึงเป็นการชำระเงินแล้วก็ไม่ได้ เพราะผู้รับจำนองยังมิได้ปลดการจำนองให้ผู้จำนอง
ถ้าการตกลงนั้นมิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้รับจำนองไม่มีอำนาจฟ้องผู้จำนองให้โอนที่ดินครึ่งที่ขายให้ตนได้ และจะถือว่าเงินที่รับจำนองเท่าราคาซื้อขายจึงเป็นการชำระเงินแล้วก็ไม่ได้ เพราะผู้รับจำนองยังมิได้ปลดการจำนองให้ผู้จำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือนเพื่อรื้อถอน ไม่ต้องจดทะเบียนก็สมบูรณ์ หากผู้ซื้อสุจริตและเจ้าของร่วมยินยอม
ซื้อเรือนเพื่อรื้อไป ไม่จำต้องทำสัญญาจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็สมบูรณ์
เจ้าของร่วมคนหนึ่งทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่เขา เขาซื้อไว้โดยสุจริตเมื่อปรากฏว่าเจ้าของร่วมคนอื่นๆ ได้รู้เห็นยินยอมในการซื้อขายนั้นด้วยการซื้อขายย่อมสมบูรณ์และผู้ซื้อได้ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์
เจ้าของร่วมคนหนึ่งทำสัญญาขายทรัพย์ให้แก่เขา เขาซื้อไว้โดยสุจริตเมื่อปรากฏว่าเจ้าของร่วมคนอื่นๆ ได้รู้เห็นยินยอมในการซื้อขายนั้นด้วยการซื้อขายย่อมสมบูรณ์และผู้ซื้อได้ทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิซื้อฝากหลุด: เจ้าของเดิมมีสิทธิฟ้องเพิกถอนการโอนที่ดินแม้จะตกลงขายให้ผู้อื่น
โจทก์ที่ 1 ได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย จนหลุดเป็นกรรมสิทธิแบ้ว เมื่อยังไม่ปรากฏทางทะเบียนว่าได้เปลี่ยนโอนกรรมสิทธิไปยังผู้อื่นกรรมสิทธิก็ยังคงตกเป็นของโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงขายให้โจทก์ที่ 2 แล้ว ก็ตาม โจทก์ที่ 1 ก็ยังมีกรรมสิทธิเป็นเจ้าของและมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยซึ่งเป็นที่ดินขายฝากโจทก์ไว้เกิน 10 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าไถ่ถอนแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งดังนี้ คดีไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ขายฝากที่ดินไว้ไม่ได้ไถ่ถอนโอนทะเบียนคืนมาผู้ขายฝากไปโอนทะเบียนขายให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อฝากฟ้องขอให้ทำลายการโอนได้
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยซึ่งเป็นที่ดินขายฝากโจทก์ไว้เกิน 10 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าไถ่ถอนแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งดังนี้ คดีไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ขายฝากที่ดินไว้ไม่ได้ไถ่ถอนโอนทะเบียนคืนมาผู้ขายฝากไปโอนทะเบียนขายให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อฝากฟ้องขอให้ทำลายการโอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ซื้อฝากหลุด – อำนาจฟ้อง – การโอนที่ดินไม่สุจริต – การครอบครองปรปักษ์
โจทก์ที่ 1 ได้รับซื้อฝากที่ดินไว้จากจำเลย จนหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แล้วเมื่อยังไม่ปรากฏทางทะเบียนว่าได้เปลี่ยนโอนกรรมสิทธิ์ไปยังผู้อื่น กรรมสิทธิ์ก็ยังคงตกเป็นของโจทก์ที่ 1 แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าได้ตกลงขายให้โจทก์ที่ 2 แล้ว ก็ตาม โจทก์ที่ 1 ก็ยังมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของและมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยซึ่งเป็นที่ดินขายฝากโจทก์ไว้เกิน 10 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าไถ่ถอนแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้ง ดังนี้ คดีไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ขายฝากที่ดินไว้ไม่ได้ไถ่ถอนโอนทะเบียนคืนมา ผู้ขายฝากไปโอนทะเบียนขายให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อฝากฟ้องขอให้ทำลายการโอนได้
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยซึ่งเป็นที่ดินขายฝากโจทก์ไว้เกิน 10 ปีแล้ว จำเลยต่อสู้ว่าไถ่ถอนแล้ว แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้ง ดังนี้ คดีไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย
ขายฝากที่ดินไว้ไม่ได้ไถ่ถอนโอนทะเบียนคืนมา ผู้ขายฝากไปโอนทะเบียนขายให้ผู้อื่น ผู้รับซื้อฝากฟ้องขอให้ทำลายการโอนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน การเพิกถอนการโอน และค่าเสียหายที่เพิ่มขึ้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้ว ต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
ปรากฎว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอนดังนี้ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฎว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตามมาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องในบังคับตามาตรา 213
ตาม ม. 1336 และรัฐธรรมนูญ นั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่อาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอน ตามความพอใจของตน นอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน ม. 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตน แล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 - 3 ดังนี้ ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม ม. 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม ม. 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตกมาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่ง ผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่น ศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขาย, การผิดสัญญา, และการเพิกถอนการโอนที่ดิน: ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้วต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฏว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213
ตามมาตรา 1336 และรัฐธรรมนูญนั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอนตามความพอใจของตนนอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน มาตรา 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตนแล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2-3 ดังนี้ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม มาตรา 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม มาตรา 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตาม มาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่งผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่นศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฏว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213
ตามมาตรา 1336 และรัฐธรรมนูญนั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอนตามความพอใจของตนนอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน มาตรา 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตนแล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2-3 ดังนี้ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม มาตรา 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม มาตรา 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตาม มาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่งผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่นศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น