พบผลลัพธ์ทั้งหมด 98 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2995/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่เปิดเผยข้อความจริงในสัญญาประกันภัย ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆียะ ผู้เอาประกันต้องแจ้งรายได้ที่แท้จริง
โจทก์เอาประกันภัยกับจำเลยสำหรับค่าทดแทนลูกจ้างของโจทก์ในระดับผู้จัดการร้านสาขา ถ้าโจทก์มีความรับผิดต้องจ่ายค่าทดแทน จำเลยจะต้องชดใช้เงินทุกจำนวนที่โจทก์จะต้องรับผิดนั้น กรมธรรม์ประกันภัยฉบับพิพาทข้อ 5 ระบุว่า"ค่าเบี้ยประกันภัยจะต้องคิดตามจำนวนค่าแรงและเงินเดือนตลอดทั้งรายได้อื่นๆที่ผู้เอาประกันจ่ายให้แก่ลูกจ้างในระหว่างระยะเวลาประกันภัยระยะหนึ่งๆ" ดังนั้นการแจ้งจำนวนรายได้ที่แท้จริงที่ผู้เอาประกันภัยจ่ายให้ลูกจ้างจึงเป็น ข้อสารสำคัญ เมื่อโจทก์แจ้งจำนวนเงินผิดไปถึง 10 เท่าตัวเศษเป็นผลทำให้จำเลยไม่อาจเรียกเบี้ยประกันภัยซึ่งตนมีสิทธิเรียกร้องได้ตามกรมธรรม์ประกันภัยถึง 200,000 บาทเศษถือได้ว่าเป็นการไม่เปิดเผยข้อความจริงที่ควรต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบในเวลาทำสัญญาประกันภัย สัญญาประกันภัยฉบับพิพาทจึงตกเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ในสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงทุกข้ออันอาจจะทำให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วย แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะระบุให้จำเลยมีสิทธิตรวจดูสมุดบัญชีก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงนี้เองไม่ และจะถือว่าจำเลยควรจะทราบข้อเท็จจริงนี้ก็ไม่ได้ดุจกัน
เมื่อผู้จัดการร้านสาขาคนหนึ่งของโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์ได้แจ้งรายได้อื่นๆ ของผู้ตายนอกจากเงินเดือนให้จำเลยทราบด้วยแล้ว จำเลยไม่ได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายใน 1 เดือนนับแต่นั้น แต่การที่จำเลยจะบอกล้างโมฆียะกรรมรายนี้ได้ จำเลยจะต้องรู้ข้อเท็จจริงมากกว่านั้น คือต้องคำนวณจากรายได้ที่แท้จริงทั้งหมดของผู้จัดการร้านสาขาของโจทก์ทั้งหมด เพื่อจะได้ความว่าโจทก์ปกปิดข้อความจริงใดอันจะทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะหรือไม่ เมื่อจำเลยสอบถามไปโจทก์ก็ไม่ตอบให้จำเลยทราบจนกระทั่งฟ้องจำเลยแล้วและจำเลยก็ได้บอกล้างไปภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้สอบถามไปกรณีจึงไม่ต้องด้วยวรรคสอง ของมาตรา 865
ในสัญญาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องเปิดเผยข้อความจริงทุกข้ออันอาจจะทำให้ผู้รับประกันภัยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาด้วย แม้กรมธรรม์ประกันภัยจะระบุให้จำเลยมีสิทธิตรวจดูสมุดบัญชีก็ตาม แต่ก็หาใช่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่จำเลยจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงนี้เองไม่ และจะถือว่าจำเลยควรจะทราบข้อเท็จจริงนี้ก็ไม่ได้ดุจกัน
เมื่อผู้จัดการร้านสาขาคนหนึ่งของโจทก์ถึงแก่ความตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ โจทก์ได้แจ้งรายได้อื่นๆ ของผู้ตายนอกจากเงินเดือนให้จำเลยทราบด้วยแล้ว จำเลยไม่ได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายใน 1 เดือนนับแต่นั้น แต่การที่จำเลยจะบอกล้างโมฆียะกรรมรายนี้ได้ จำเลยจะต้องรู้ข้อเท็จจริงมากกว่านั้น คือต้องคำนวณจากรายได้ที่แท้จริงทั้งหมดของผู้จัดการร้านสาขาของโจทก์ทั้งหมด เพื่อจะได้ความว่าโจทก์ปกปิดข้อความจริงใดอันจะทำให้สัญญาประกันภัยตกเป็นโมฆียะหรือไม่ เมื่อจำเลยสอบถามไปโจทก์ก็ไม่ตอบให้จำเลยทราบจนกระทั่งฟ้องจำเลยแล้วและจำเลยก็ได้บอกล้างไปภายใน 1 เดือนนับแต่จำเลยได้สอบถามไปกรณีจึงไม่ต้องด้วยวรรคสอง ของมาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปกปิดข้อมูลทางการแพทย์และการบอกล้างนิติกรรมประกันภัย การพิจารณาความสำคัญของข้อมูลที่ถูกปกปิดตามหลักวิญญูชน
ข้อความจริงอย่างไรจะถือว่าอาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น ต้องถือตามความเห็นของวิญญูชนทั่วไปเป็นหลัก จะถือว่าถ้ามีการปกปิดความจริงไม่ว่าประการใด ๆ แล้ว จะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะไปเสียทั้งหมดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 715/2513)
ขณะที่ ถ. ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลย ถ. มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ. อาจหายแล้ว หรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ. ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ. มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ขณะที่ ถ. ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลย ถ. มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ. อาจหายแล้ว หรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ. ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ. มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่าถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลการรักษาพยาบาลก่อนทำสัญญาประกันชีวิต: ผลต่อโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 865
ข้อความจริงอย่างไรจะถือว่าอาจจูงใจผู้รับประกันภัยให้เรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น ต้องถือตามความเห็นของวิญญูชนทั่วไปเป็นหลัก จะถือว่าถ้ามีการปกปิดความจริงไม่ว่าประการใดๆ แล้ว จะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะไปเสียทั้งหมดหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 715/2513)
ขณะที่ ถ.ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลยถ.มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ.อาจหายแล้วหรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ.ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ.มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่า ถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
ขณะที่ ถ.ขอเอาประกันชีวิตกับจำเลยถ.มีสุขภาพดี แพทย์ผู้ตรวจไม่พบโรคไต แสดงว่าโรคไตของ ถ.อาจหายแล้วหรือไม่อยู่ในขั้นร้ายแรง ถ.ถึงแก่กรรมเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง มิใช่โรคไต ฉะนั้น ที่ ถ.มิได้เปิดเผยเรื่องที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาก่อนขอเอาประกันภัยให้จำเลยทราบนั้น จึงไม่อาจอนุมานเอาได้ว่า ถ้าได้เปิดเผยข้อความจริงเช่นนั้น จะจูงใจจำเลยให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาอันจะทำให้สัญญาเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆียะสัญญาประกันชีวิตจากเจ็บป่วยซ่อนเร้น และการรับฟังสำเนาเอกสารทางการแพทย์
ต้นฉบับเอกสารเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยของคนไข้ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลบันทึกไว้หาไม่พบ จำเลยย่อมนำสืบข้อเท็จจริงโดยอาศัยภาพถ่ายอันเป็นสำเนาเอกสารนั้นแทนต้นฉบับได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) และมาตรา 123
ผู้เอาประกันชีวิตรู้ตัวดีว่าตนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและปัสสาวะเป็นเลือดก่อนขอเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ก็ ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้บริษัทประกันชีวิตทราบ สัญญาประกันชีวิตย่อมตกเป็นโมฆียะ
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยระบุให้ผู้เยาว์คนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เมื่อปรากฏว่า สัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865และบริษัทจำเลยได้บอกล้างไปยังผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นแล้ว สัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
ผู้เอาประกันชีวิตรู้ตัวดีว่าตนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและปัสสาวะเป็นเลือดก่อนขอเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ก็ ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้บริษัทประกันชีวิตทราบ สัญญาประกันชีวิตย่อมตกเป็นโมฆียะ
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยระบุให้ผู้เยาว์คนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เมื่อปรากฏว่า สัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865และบริษัทจำเลยได้บอกล้างไปยังผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นแล้ว สัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิตโมฆียะจากเจตนาทุจริตของผู้เอาประกัน และการนำสืบพยานเอกสาร
ต้นฉบับเอกสารเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยของคนไข้ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลบันทึกไว้หาไม่พบ จำเลยย่อมนำสืบข้อเท็จจริงโดยอาศัยภาพถ่ายอันเป็นสำเนาเอกสารนั้นแทนต้นฉบับได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) และมาตรา 123
ผู้เอาประกันชีวิตรู้ตัวดีว่าตนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและปัสสาวะเป็นเลือดก่อนขอเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ก็ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้บริษัทประกันชีวิตทราบ สัญญาประกันชีวิตย่อมตกเป็นโมฆียะ
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยระบุให้ผู้เยาว์คนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เมื่อปรากฏว่า สัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865และบริษัทจำเลยได้บอกล้างไปยังผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นแล้ว สัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
ผู้เอาประกันชีวิตรู้ตัวดีว่าตนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและปัสสาวะเป็นเลือดก่อนขอเข้าทำสัญญาประกันชีวิต แต่ก็ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงให้บริษัทประกันชีวิตทราบ สัญญาประกันชีวิตย่อมตกเป็นโมฆียะ
ผู้ตายทำสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยโดยระบุให้ผู้เยาว์คนหนึ่งเป็นผู้รับประโยชน์เมื่อปรากฏว่า สัญญาประกันชีวิตรายนี้เป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865และบริษัทจำเลยได้บอกล้างไปยังผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์นั้นแล้ว สัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิต, ฐานะผู้เอาประกัน, ผู้รับประโยชน์, การเสียชีวิตจากเหตุอุกฉกรรจ์
การประกันชีวิตที่ผู้รับประกันภัยมีสิทธิบอกล้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น จะต้องเป็นการปกปิดความจริงหรือแถลงความเท็จในข้อสารสำคัญเฉพาะในเวลาเข้าทำสัญญาประกันชีวิตเท่านั้น
แม้ผู้ขอประกันชีวิตจะปกปิดหรือแถลงเท็จเกี่ยวกับฐานะอันแท้จริง หากผู้รับประกันภัยควรจะได้รู้เท่าทันถึงฐานะของบุคคลนั้น โดยใช้ความระมัดระวังสอดส่องเยี่ยงวิญญูชนแล้วสัญญาประกันชีวิตนั้นก็เป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 866 ผู้รับประกันภัยหามีสิทธิบอกล้างไม่
ไม่มีกฎหมายบทใดจำกัดสิทธิผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุใครเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้บ้าง แม้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของผู้เอาประกันภัย ก็อาจถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ได้
ผู้เอาประกันชีวิตถูกคนร้ายยิงตาย โดยไม่ปรากฏว่าคนร้ายเป็นใคร ถือว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ
แม้ผู้ขอประกันชีวิตจะปกปิดหรือแถลงเท็จเกี่ยวกับฐานะอันแท้จริง หากผู้รับประกันภัยควรจะได้รู้เท่าทันถึงฐานะของบุคคลนั้น โดยใช้ความระมัดระวังสอดส่องเยี่ยงวิญญูชนแล้วสัญญาประกันชีวิตนั้นก็เป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 866 ผู้รับประกันภัยหามีสิทธิบอกล้างไม่
ไม่มีกฎหมายบทใดจำกัดสิทธิผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุใครเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้บ้าง แม้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของผู้เอาประกันภัย ก็อาจถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ได้
ผู้เอาประกันชีวิตถูกคนร้ายยิงตาย โดยไม่ปรากฏว่าคนร้ายเป็นใคร ถือว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2447/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิต การปกปิดฐานะ และการระบุผู้รับประโยชน์
การประกันชีวิตที่ผู้รับประกันภัยมีสิทธิบอกล้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 นั้น จะต้องเป็นการปกปิดความจริงหรือแถลงความเท็จในข้อสารสำคัญเฉพาะในเวลาเข้าทำสัญญาประกันชีวิตเท่านั้น
แม้ผู้ขอประกันชีวิตจะปกปิดหรือแถลงเท็จเกี่ยวกับฐานะอันแท้จริง หากผู้รับประกันภัยควรจะได้รู้เท่าทันถึงฐานะของบุคคลนั้น โดยใช้ความระมัดระวังสอดส่องเยี่ยงวิญญูชนแล้วสัญญาประกันชีวิตนั้นก็เป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866 ผู้รับประกันภัยหามีสิทธิบอกล้างไม่
ไม่มีกฎหมายบทใดจำกัดสิทธิผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุใครเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้บ้าง แม้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของผู้เอาประกันภัยก็อาจถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ได้
ผู้เอาประกันชีวิตถูกคนร้ายยิงตาย โดยไม่ปรากฏว่าคนร้ายเป็นใคร ถือว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ
แม้ผู้ขอประกันชีวิตจะปกปิดหรือแถลงเท็จเกี่ยวกับฐานะอันแท้จริง หากผู้รับประกันภัยควรจะได้รู้เท่าทันถึงฐานะของบุคคลนั้น โดยใช้ความระมัดระวังสอดส่องเยี่ยงวิญญูชนแล้วสัญญาประกันชีวิตนั้นก็เป็นอันสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 866 ผู้รับประกันภัยหามีสิทธิบอกล้างไม่
ไม่มีกฎหมายบทใดจำกัดสิทธิผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุใครเป็นผู้รับประโยชน์ไม่ได้บ้าง แม้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ญาติของผู้เอาประกันภัยก็อาจถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ได้
ผู้เอาประกันชีวิตถูกคนร้ายยิงตาย โดยไม่ปรากฏว่าคนร้ายเป็นใคร ถือว่าเป็นการเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันชีวิต: สุขภาพ ณ ขณะทำสัญญาสำคัญกว่าประวัติการปฏิเสธ
บริษัทจำเลยไม่ถือว่าการที่ผู้ตายเคยถูกปฏิเสธการรับประกันชีวิตมาก่อนเป็นข้อสำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าขณะผู้ตายขอประกันชีวิตครั้งที่เกิดเหตุเรื่องนี้สุขภาพของผู้ตายสมบูรณ์ดีหรือไม่ ฉะนั้นเมื่อนายแพทย์ของบริษัทจำเลยตรวจสุขภาพผู้ตายและเสนอเรื่องให้บริษัทจำเลย จนบริษัทจำเลยพิจารณาอนุมัติให้ผู้ตายประกันชีวิตจึงแสดงว่าผู้ตายมีสุขภาพสมบูรณ์ บริษัทจำเลยจะมาปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าผู้ตายแจ้งเท็จว่าไม่เคยได้รับปฏิเสธในการขอเอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยมาก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1422/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันชีวิต การแจ้งเท็จเกี่ยวกับประวัติการขอประกัน การพิจารณาสุขภาพของผู้เอาประกัน
บริษัทจำเลยไม่ถือว่าการที่ผู้ตายเคยถูกปฏิเสธการรับประกันชีวิตมาก่อนเป็นข้อสำคัญ ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าขณะผู้ตายขอประกันชีวิตครั้งที่เกิดเหตุเรื่องนี้สุขภาพของผู้ตายสมบูรณ์ดีหรือไม่ ฉะนั้น เมื่อนายแพทย์ของบริษัทจำเลยตรวจสุขภาพผู้ตายและเสนอเรื่องให้บริษัทจำเลย จนบริษัทจำเลยพิจารณาอนุมัติให้ผู้ตายประกันชีวิต จึงแสดงว่าผู้ตายมีสุขภาพสมบูรณ์ บริษัทจำเลยจะมาปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าผู้ตายแจ้งเท็จว่า ไม่เคยได้รับปฏิเสธในการขอเอาประกันชีวิตกับบริษัทจำเลยมาก่อนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างสัญญาประกันชีวิตเนื่องจากผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อมูลสุขภาพที่เป็นสาระสำคัญ
หน้าที่เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันภัย มิได้สิ้นสุดลงเพียงในชั้นยื่นคำเสนอขอเอาประกันภัยโดยกรอกคำตอบในแบบคำขอนั้นเท่านั้น แต่ยังคงมีอยู่ตลอดเวลาในระหว่างนั้นเรื่อยไปจนถึงเวลาที่ผู้รับประกันภัยสนองตอบรับจนเกิดเป็นสัญญาขึ้นแล้วระหว่างคู่กรณี ฉะนั้น ในกรณีประกันชีวิต แม้ผู้เอาประกันภัยจะได้กรอกแบบคำขอเอาประกันชีวิตแล้ว โดยเฉพาะในข้อถามที่ 7 ว่า ตนไม่เคยเป็นโรคกระเพาะอักเสบ โรคตับอักเสบ ฯลฯ ยื่นส่งแก่บริษัทประกันภัยไปแล้วก็ตาม ถ้าภายหลังนั้นผู้เอาประกันภัยเกิดป่วยต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคกระเพาะอาหารและโรคตับแข็งซึ่งเป็นผลให้ข้อความจริงซึ่งได้แถลงไปแล้วแต่แรกนั้นคลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อความเป็นจริง และผู้เอาประกันภัยย่อมทราบว่ายังอยู่ในระหว่างเวลาที่บริษัทยังพิจารณาคำขอ และยังมิได้ออกกรมธรรม์ตอบรับมา ทั้งข้อถามต่างๆ ในแบบคำขอนั้น ผู้เอาประกันภัยเองก็ได้ทราบและรับรองไว้ว่าเป็นข้อความจริงอันเป็นมูลฐานและสารสำคัญแห่งการออกกรมธรรม์ของฝ่ายผู้รับประกันภัยดังนี้ ย่อมมีผลให้สัญญาไม่สมบูรณ์เป็นโมฆียะ ผู้รับประกันภัยมีสิทธิบอกล้างและคืนแต่ค่าไถ่ถอนกรมธรรม์ให้แก่ทายาทของผู้เอาประกันภัยเท่านั้น