พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนาเมื่อคู่ความไม่โต้แย้งความถูกต้อง
เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้ตรวจดูและ เบิกความรับรองโดยทนายจำเลยได้ส่งต้นฉบับให้โจทก์ตรวจดูแล้ว จึงขอส่งสำเนาแทนต้นฉบับโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาเอกสารนี้ มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับถือว่าโจทก์ยอมรับความถูกต้อง ของเอกสารนี้แล้ว แม้จะเป็นเพียงสำเนาศาลก็รับฟังประกอบถ้อยคำ ของโจทก์ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3276/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา หากศาลอุทธรณ์สั่งไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ก่อนมีสถานะคู่ความ
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์นั้น ก่อนที่ศาลจะประทับฟ้องจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความ การที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้วทำคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น กรณีเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2482/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย และการรับฟังพยานเอกสารในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและเป็นผู้ลงชื่อในคำพิพากษาด้วยได้มีคำสั่งในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงว่า"รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์" เพียงเท่านี้ไม่มีข้อความอื่นใดที่พอจะให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอนุญาตให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรี จึงฟังไม่ได้ว่าได้มีการอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242 มาใช้บังคับในการพิจารณาคดีอาญาได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในชั้นศาลอุทธรณ์ว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงของโจทก์ได้
เอกสารที่ทนายจำเลยใช้ถามค้านพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์ได้ตรวจดูและรับรองความถูกต้องบางส่วน ทั้งเป็นเอกสารราชการที่มีเจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้องแล้ว จำเลยมีอำนาจที่จะส่งศาลประกอบการถามค้านได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเลยนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังประกอบการพิจารณาได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242 มาใช้บังคับในการพิจารณาคดีอาญาได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในชั้นศาลอุทธรณ์ว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงของโจทก์ได้
เอกสารที่ทนายจำเลยใช้ถามค้านพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง พยานโจทก์ได้ตรวจดูและรับรองความถูกต้องบางส่วน ทั้งเป็นเอกสารราชการที่มีเจ้าหน้าที่รับรองความถูกต้องแล้ว จำเลยมีอำนาจที่จะส่งศาลประกอบการถามค้านได้ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเลยนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้ ศาลย่อมรับฟังประกอบการพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในการแก้คำให้การจากรับสารภาพเป็นปฏิเสธ หากมีเหตุผลสมควรและยังไม่ได้ปรึกษาทนายความ
ในตอนแรกที่ศาลชั้นต้นประทับฟ้อง จำเลยทั้งสองแถลงขอสู้คดีขอให้การในวันพิจารณาและจะหาทนายความเอง ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นได้จดคำให้การไว้ว่า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ ต่อมาทนายความจำเลยทั้งสองได้มาถึงศาลและยื่นใบแต่งทนายความพร้อมกับแถลงว่าที่มาศาลช้าเพราะไม่สบาย ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเองแต่ต้องเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันอื่น ก่อนถึงวันนัด 1 วันจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม และขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำความผิด คำร้องของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ย่อมมีผลเป็นการขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพ เป็นให้การปฏิเสธ และเหตุผลที่จำเลยทั้งสองอ้างก็เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ และน่าเชื่อว่าขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นยังมิได้ปรึกษากับทนายความประกอบกับในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่จะให้การต่อสู้ว่าอย่างไรหรือไม่ให้การเลยก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 165 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามแก้คำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2389/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้คำให้การจากรับสารภาพเป็นปฏิเสธ: เหตุผลความเข้าใจผิดและการปรึกษาทนายความ
ในตอนแรกที่ศาลชั้นต้นประทับฟ้อง จำเลยทั้งสองแถลงขอสู้คดี ขอให้การในวันพิจารณาและจะหาทนายความเอง ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นได้จดคำให้การไว้ว่า จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ว่าได้กระทำผิดตามฟ้องทุกประการ ต่อมาทนายความจำเลยทั้งสองได้มาถึงศาลและยื่นใบแต่งทนายความพร้อมกับแถลงว่าที่มาศาลช้าเพราะไม่สบาย ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในวันเดียวกันนั้นเองแต่ต้องเลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันอื่น ก่อนถึงวันนัด 1 วันจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม และขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำความผิด คำร้องของจำเลยทั้งสองเช่นนี้ย่อมมีผลเป็นการขอแก้คำให้การเดิมที่ให้การรับสารภาพ เป็นให้การปฏิเสธ และเหตุผลที่จำเลยทั้งสองอ้างก็เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ และน่าเชื่อว่าขณะที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพนั้นยังมิได้ปรึกษากับทนายความ ประกอบกับในคดีอาญาจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่จะให้การต่อสู้ว่าอย่างไรหรือไม่ให้การเลยก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรคหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นสมควรให้จำเลยทั้งสามแก้คำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฐานะคู่ความก่อนศาลประทับฟ้อง: จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ก่อนศาลประทับฟ้อง จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นคู่ความ การที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งใหม่ ตามรูปคดีเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน และการนำโทษรอการลงโทษมาบวกกับโทษในคดีใหม่ ศาลฎีกาตัดสินให้ลงโทษแยกกระทงและไม่บวกโทษ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมกัน โดยแยกออกเป็น 2 ข้อ ข้อแรกกล่าวถึงความผิดฐานบุกรุกส่วนข้อที่ 2 กล่าวว่าในวาระต่อจากข้อแรก จำเลยกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องดังนี้ ก็หมายความว่าจำเลยรับว่าเจตนากระทำผิดตามฟ้องทั้ง 2 ข้อ 2 ฐานความผิดจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องนั้นมิได้หมายความว่าจำเลยรับว่าเคยถูกศาลพิพากษาให้รอการลงโทษมาตามที่กล่าวในฟ้องด้วย เมื่อโจทก์ไม่ สืบพยาน การที่ศาลชั้นต้นนำโทษที่รอมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
การที่จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้องนั้นมิได้หมายความว่าจำเลยรับว่าเคยถูกศาลพิพากษาให้รอการลงโทษมาตามที่กล่าวในฟ้องด้วย เมื่อโจทก์ไม่ สืบพยาน การที่ศาลชั้นต้นนำโทษที่รอมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ด้วย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลต้องส่งเอง โจทก์ไม่ต้องส่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรงจะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่ และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลต้องส่งเอง โจทก์ไม่ต้องส่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรงจะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่ และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการตรวจคำฟ้องและผลกระทบต่อการขังจำเลย กรณีคำฟ้องไม่สมบูรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นในการตรวจคำฟ้องซึ่งเป็นคำคู่ความโดยเด็ดขาดเมื่อปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์มีรายการช่องอายุแต่ไม่ใส่ให้ครบถ้วน ที่อยู่ของจำเลยผิดพลาดสับสน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคืนฟ้องให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้โดยชอบ
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165