พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซ้ำในข้อหาลักทรัพย์ หลังศาลแขวงยกฟ้อง คดีเกี่ยวพันกับรับของโจร
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหารับของโจร ส่วนข้อหาลักทรัพย์คดีไม่มีมูล ให้ยกฟ้อง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้ต่อศาลที่มีอำนาจอีกโจทก์คงฟ้องจำเลยได้ในข้อหาฐานรับของโจรยังศาลที่มีอำนาจเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องซ้ำในข้อหาลักทรัพย์หลังศาลแขวงยกฟ้อง แม้เกี่ยวพันกับรับของโจร
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลเฉพาะข้อหารับของโจรส่วนข้อหาลักทรัพย์คดีไม่มีมูลให้ยกฟ้อง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์นี้ต่อศาลที่มีอำนาจอีกโจทก์คงฟ้องจำเลยได้ในข้อหาฐานรับของโจรยังศาลที่มีอำนาจเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาจำเลย: กรณีศาลอุทธรณ์สั่งให้ไต่สวนใหม่ จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาเพราะเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับศาล
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนต่อไปใหม่ เช่นนี้ จำเลยจะฎีกาหาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฎีกาจำกัดเฉพาะคู่ความ คดีระหว่างโจทก์กับศาล จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนต่อไปใหม่ เช่นนี้ จำเลยจะฎีกาหาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการทำให้เสียทรัพย์และการพิสูจน์เจตนาในคดีอาญา
ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร้ายหรือเจตนาทุจริตหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎร เป็นโจทก์เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้วจำเลยย่อมส่งเอกสารนั้น เข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎร เป็นโจทก์เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้วจำเลยย่อมส่งเอกสารนั้น เข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องทำให้เสียทรัพย์: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้เช่า และการนำเอกสารประกอบคำให้การในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
ปัญหาที่ว่าจำเลยมีเจตนาร้ายหรือเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้ว จำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
ผู้เช่าซึ่งมีชื่อในสัญญาเช่ามอบห้องเช่าให้โจทก์อยู่และให้โจทก์เป็นผู้เสียค่าเช่า จำเลยทำให้บานประตูห้องเช่าเสียหาย โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสียทรัพย์ไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อทนายจำเลยซักค้านพาดพิงถึงเอกสารใดได้ให้พยานตรวจดูและยอมรับแล้ว จำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบคำพยานโจทก์ได้ ไม่ถือว่าเป็นการนำพยานเข้าสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596-598/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จและการรับรองพยานหลักฐานจากสำนวนอื่น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อศาลตรวจฟ้องถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158 และสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องแล้วก็ถือว่าเป็นฟ้องตามกฎหมายและจะถือว่าผู้ถูกฟ้องยังไม่เป็นจำเลยหาได้ไม่ หากแต่ได้รับผ่อนผันยกเว้นสำหรับการดำเนินคดีในเบื้องต้นเท่านั้นฉะนั้นถ้าจะเป็นฟ้องเท็จก็อาจเป็นผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 158,159 ได้ คดีอาญาที่คู่ความเพียงแต่อ้างสำนวนการพิจารณาในคดีอื่นมาเป็นพยานหลักฐานในคดีหลังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการพิจารณาและสืบพยานในศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลบังคับนายประกันส่งตัวจำเลยหลังให้ประกันตัวแล้ว อัยการไม่ต้องนำตัวจำเลยมาพร้อมฟ้อง
ในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยไว้แล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยมีประกันตัวไป ต่อมาอัยการจึงมาฟ้องจำเลยในมูลกรณีเดียวกันอีก พึงถือว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลที่จะบังคับให้นายประกัน ส่งตัวจำเลยมารับสำเนาฟ้องได้ เรื่องเช่นนี้อัยการหาจำต้องนำตัวจำเลยมาพร้อมกับฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลบังคับนายประกันส่งตัวจำเลยรับสำเนาฟ้องคดีอาญา
ในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยไว้แล้ว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยมีประกันตัวไป ต่อมาอัยการจึงมาฟ้องจำเลยในมูลกรณีเดียวกันอีก พึงถือว่าจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลที่จะบังคับให้นายประกันส่งตัวจำเลยมารับสำเนาฟ้องได้ เรื่องเช่นนี้อัยการหาจำต้องนำตัวจำเลยมาพร้อมกับฟ้องไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการรับฟ้องและลงโทษอาญา: การรับฟ้องตามมาตรา 118 รวมถึงมาตรา 158 และการลงโทษตามบทที่มีอัตราโทษหนัก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118,158,268, 270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา118 ขึ้นไป