คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 172

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 229 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยหลบหนีเรือนจำ ทำให้ศาลไม่สามารถวินิจฉัยคดีได้
จำเลยยื่นฎีกา โดยทนายจำเลยลงชื่อแทนในฎีกา แต่จำเลยได้หลบหนีเรือนจำไปก่อนวันยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้ ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้ เพราะจำเลยไม่มีตัวอยู่ในอำนาจศาล และสั่งจำหน่ายฎีกาของจำเลยเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 488/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาของจำเลยที่หลบหนีเรือนจำ: ศาลไม่รับวินิจฉัยและจำหน่ายคดี
ทนายจำเลยยื่นฎีกา โดยทนายจำเลยลงชื่อแทนในฎีกา แต่จำเลยได้หลบหนีเรือนจำไปก่อนวันยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยให้เพราะจำเลยไม่มีตัวอยู่ในอำนาจศาล และสั่งจำหน่ายฎีกาของจำเลยเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีฎีกาเนื่องจากไม่สามารถตัวจำเลยมาพิจารณาได้ แม้ส่งหมายนัดแล้ว
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฎีกาแม้ได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยรับไปแล้วถ้าต่อมาไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ใดตามตัวไม่พบ ส่งหมายนัดแถลงการณ์ให้จำเลยไม่ได้และโจทก์ไม่สามารถจะนำส่งหมายนัดให้จำเลยได้ย่อมถือว่าไม่ได้ตัวจำเลยมาทำการพิจารณาศาลฎีกาต้องสั่งจำหน่ายฎีกาของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่เป็นไปตามกระบวนการ เนื่องจากจำเลยไม่สามารถติดตามตัวได้ ศาลสั่งจำหน่ายคดี
ในคดีอาญา เมื่อโจทก์ฎีกา แม้ได้ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยรับไปแล้ว ถ้าต่อมาไม่ทราบว่าจำเลยอยู่ที่ใด ตามตัวไม่พบ ส่งหมายนัดแถลงการณ์ให้จำเลยไม่ได้ และโจทก์ไม่สามารถจะนำส่งหมายนัดให้จำเลยได้ ย่อมถือว่าไม่ได้ตัวจำเลยมาทำการพิจารณา ศาลฎีกาต้องสั่งจำหน่ายฎีกาของโจทก์./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบในคดีอาญา: จำเลยอ้างป้องกันตัว โจทก์ต้องพิสูจน์ความผิด
จำเลยต่อสู้ว่า กระทำเพื่อป้องกันตัว มีผลเท่ากับว่า จำเลยมิได้กระทำความผิด เป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงดังฟ้อง จึงจะลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาท: คำด่าหยาบคาย vs. ใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงของผู้ต้องหา
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง " เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 335(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า " มันเย็ดกันทั่วเมือ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เก ฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้วยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่ายยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียง และอาจทำให้ผู้อืนดูหมิ่น เกลียดชังได้จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสาราพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 384 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2496)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282,284,335(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษ ยันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282 284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาท: การแยกแยะคำด่าหยาบคายกับใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง" เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 339(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า "มันเย็ดกันทั่วเมืองใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เกฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่าวยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำให้ผู้อื่นดูหมิ่นเกลียดชังได้ จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องหมิ่นประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 284 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 ได้ (ประชุมใหญ่)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282,284,339(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่า
จำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษอันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าว ถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282,284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบการหลบหนีต่อการพิจารณาคดีของจำเลยอื่น และอำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษา
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยคนหนึ่งหลบหนีแต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยที่หลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกาแม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีจำเลยหลบหนี: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้พิจารณาใหม่เฉพาะคดีจำเลยผู้นั้น
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยคนหนึ่งหลบหนี แต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยทีหลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกา แม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อยู่ในอำนาจศาล: จำเลยไม่อยู่บ้าน แม้ปิดหมายฎีกาแล้ว
คดีอาญานั้น ถ้าในชั้นฎีกา ปรากฏว่าจำเลยไม่มีตัวอยู่ ณ บ้านเรือนของจำเลย แม้ศาลชั้นต้นสั่งปิดหมายและสำเนาฎีกาไว้ที่เรือนของจำเลยก็ยังไม่พอถือว่าจำเลยได้อยู่ในอำนาจศาล ศาลฎีกาจึงต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบ
of 23