พบผลลัพธ์ทั้งหมด 229 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การปลอมลายมือชื่อผู้ขอประกันเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว
ในคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวมีลายมือชื่อ ส. ในช่องผู้ขอประกันซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อปลอมและมีลายมือชื่อจำเลย พฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า จำเลยรู้เห็นในการปลอมลายมือชื่อ ส. ในช่องผู้ขอประกันแล้วให้นำมายื่นต่อศาลชั้นต้นและแถลงเท็จต่อศาล การกระทำของจำเลยจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา31 และมาตรา 33
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นความผิดต่อศาล ถ้าได้กระทำต่อหน้าศาล ข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดก็จะปรากฏต่อศาลแล้วศาลย่อมลงโทษได้ทันที แต่ถ้ามิได้กระทำต่อหน้าศาลหรือศาลยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาลนั้นจะเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ศาลก็ชอบที่จะไต่สวนหาความจริงในภายหลังได้
บทบัญญัติเรื่องละเมิดอำนาจศาลเป็นกฎหมายพิเศษที่ศาลมีอำนาจค้นหาความจริงได้โดยไม่จำต้องกระทำต่อหน้าจำเลยดังเช่นการพิจารณาคดีอาญาทั่วไป การที่ศาลชั้นต้นบันทึกถ้อยคำของ ส.ไว้ในแบบพิมพ์คำให้การโดยส. ได้ปฏิญาณหรือสาบานตนแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112แม้จะมิได้กระทำต่อหน้าจำเลย ก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทเสียให้ถูกต้องได้
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นความผิดต่อศาล ถ้าได้กระทำต่อหน้าศาล ข้อเท็จจริงอันเป็นความผิดก็จะปรากฏต่อศาลแล้วศาลย่อมลงโทษได้ทันที แต่ถ้ามิได้กระทำต่อหน้าศาลหรือศาลยังไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาลนั้นจะเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ศาลก็ชอบที่จะไต่สวนหาความจริงในภายหลังได้
บทบัญญัติเรื่องละเมิดอำนาจศาลเป็นกฎหมายพิเศษที่ศาลมีอำนาจค้นหาความจริงได้โดยไม่จำต้องกระทำต่อหน้าจำเลยดังเช่นการพิจารณาคดีอาญาทั่วไป การที่ศาลชั้นต้นบันทึกถ้อยคำของ ส.ไว้ในแบบพิมพ์คำให้การโดยส. ได้ปฏิญาณหรือสาบานตนแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112แม้จะมิได้กระทำต่อหน้าจำเลย ก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว
ศาลล่างมิได้อ้างบทกฎหมายที่เป็นบทลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทเสียให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ติดตามการสืบพยานหลักฐานและการไม่แถลงเจตนาติดตาม ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งประเด็นสืบพยานต่างศาลและการไม่โต้แย้งสิทธิในการซักค้านพยาน ทำให้การพิจารณาชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อศาลที่พิจารณาคดีจะส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ที่ศาลอื่น จำเลยแถลงว่าจะไม่ตามประเด็นไป และหลังจากนั้นจนถึงวันที่สืบพยานประเด็น จำเลยมิได้แถลงว่าจำเลยหรือทนายจำเลยกลับใจจะขอตามประเด็นไปฟังการพิจารณาและซักค้านพยานโจทก์ ดังนั้นการที่ศาลที่ได้รับแต่งตั้งให้สืบพยานหลักฐานแทนเลื่อนกำหนดวันนัดสืบพยานประเด็นไปและสืบพยานในวันดังกล่าวโดยมิได้แจ้งวันเวลานัดให้จำเลยทราบ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2358/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานที่ไม่มาเบิกความในศาล และการพิสูจน์ความผิดอาญาจากหลักฐานที่ไม่เพียงพอ
ว. ประจักษ์พยานของโจทก์เป็นชาวญวนอพยพไปอยู่ในประเทศที่สาม ไม่ได้มาเบิกความในศาล จึงรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของ ว.ไม่ได้ เพราะการพิจารณาและสืบพยานในศาลต้องทำโดยเปิดเผยต่อหน้าจำเลย เว้นแต่ที่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาโจทก์ต้องสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 และ 227
จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาโจทก์ต้องสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่พอฟังว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ก็ต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 และ 227
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: เจตนาของผู้รับและผลต่อการลงโทษ
เมื่อศาลอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังครั้งแรกจำเลยที่ 2 ปฏิเสธในวันเดียวกันขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ตามคำให้การที่ศาลจดไว้ที่จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะจำเลยที่ 1 นำเช็คมาให้และบอกว่าให้เอาไปขึ้นเงินเป็นค่าเช่าบ้านนั้น เพื่อขอให้บรรเทาโทษลงโทษโดยสถานเบา ไม่ใช่คำให้การว่ามิได้มีเจตนากระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: เจตนาสำคัญกว่าคำให้การใหม่ หากคำให้การใหม่มุ่งหวังบรรเทาโทษ ไม่ใช่ยอมรับความผิด
เมื่อศาลอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังครั้งแรกจำเลยที่2 ปฏิเสธในวันเดียวกันขอให้การใหม่เป็นรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ตามคำให้การที่ศาลจดไว้ที่จำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลว่ากระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะจำเลยที่ 1นำเช็คมาให้และบอกว่าให้เอาไปขึ้นเงินเป็นค่าเช่าบ้านนั้น เพื่อขอให้บรรเทาโทษ ลงโทษโดยสถานเบา ไม่ใช่คำให้การว่ามิได้มีเจตนากระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3876/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การ: เหตุสมควรอนุญาตแก้ไขคำให้การก่อนศาลตัดสินเมื่อมีเหตุผลสำคัญและจำเลยมิได้มีเจตนาออกเช็คผิดกฎหมาย
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การรับสารภาพโดยทนายความของจำเลยมิได้ฟังการพิจารณาอยู่ด้วย หลังจากนั้น 7 วันจำเลยขอแก้คำให้การใหม่เป็นให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าให้การรับสารภาพเพราะเข้าใจผิด ความจริงจำเลยออกเช็คเป็นประกันหนี้และผู้ทรงเช็คลงวันที่สั่งจ่ายโดยจำเลยไม่ทราบ ดังนี้ หากเป็นไปตามที่จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้าง จำเลยก็ไม่มีความผิดทั้งจำเลยขอแก้ไขคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนมูลฟ้องโดยมิได้เปิดเผยต่อหน้าจำเลย เป็นการขัดต่อหลักวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ขอให้นำพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยมาวินิจฉัยคดี เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ฉะนั้น เมื่อโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพยานหลักฐานจากชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่ไม่เปิดเผยต่อหน้าจำเลยขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์ขอให้นำพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยมาวินิจฉัยคดี เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172ฉะนั้น เมื่อโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานมาสืบพิสูจน์ ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประทับฟ้องและการพิจารณาคดีอาญา กรณีศาลชั้นต้นอ่านคำฟ้องและนัดสืบพยาน ถือเป็นการประทับฟ้อง
ในชั้นฎีกาปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้ประทับฟ้องโจทก์ แต่ศาลชั้นต้นได้อ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว และนัดสืบพยานโจทก์ ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว