พบผลลัพธ์ทั้งหมด 7 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 802/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่อเนื่องจากองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ การริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด
การจะพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ต้องพิจารณาถึงเจตนาในการกระทำความผิดเป็นสำคัญว่า มีเจตนาเดียวกันหรือไม่ประกอบด้วย ข้อเท็จจริงได้ความว่า การกระทำของจำเลยทั้งห้าในความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และในความผิดฐานร่วมกันนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องกันโดยมีเจตนามุ่งหมายอันเดียวกันเพื่อช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวทั้ง 17 คน ให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และการที่จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันนำและพาคนต่างด้าวทั้ง 17 คน เข้ามาในราชอาณาจักรย่อมเป็นความผิดสำเร็จอยู่ในตัวเมื่อนำหรือพาคนต่างด้าวทั้ง 17 คน เข้ามาในราชอาณาจักร แต่เมื่อจำเลยทั้งห้ากับพวกรู้ว่าคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ร่วมกันซ่อนเร้น ช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวทั้ง 17 คน พ้นจากการจับกุมจึงเป็นความผิดอีกส่วนหนึ่งซึ่งสามารถแยกการกระทำต่างหากจากกันได้ ทั้งจำเลยทั้งห้าให้การรับสารภาพตามฟ้อง การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทั้งห้ากับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยทั้งห้าว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้รถกระบะของกลางนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และช่วยเหลือคนต่างด้าวเดินทางข้ามหลายจังหวัด การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงมิได้ใช้รถของกลางอย่างยานพาหนะโดยสารทั่วไป แต่เป็นการใช้รถกระบะของกลางกระทำความผิดโดยตรง ตามวัตถุประสงค์ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง ศาลมีอำนาจริบได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
จำเลยทั้งห้ากับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิดเป็นขบวนการองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยทั้งห้าว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้รถกระบะของกลางนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และช่วยเหลือคนต่างด้าวเดินทางข้ามหลายจังหวัด การกระทำของจำเลยทั้งห้าจึงมิได้ใช้รถของกลางอย่างยานพาหนะโดยสารทั่วไป แต่เป็นการใช้รถกระบะของกลางกระทำความผิดโดยตรง ตามวัตถุประสงค์ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง ศาลมีอำนาจริบได้ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9317/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สิน (เรือประมง) ในความผิดคนเข้าเมือง: ต้องเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง
โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเรือประมงของกลางว่าเป็นยานพาหนะในการหลบหนีแก่บุคคลต่างด้าว ดังนั้นเรือประมงของกลางจึงเป็นเพียงยานพาหนะในการหลบหนีเท่านั้น มิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ที่โจทก์อ้างในฎีกาว่า เรือประมงของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง เพราะหากไม่มีเรือประมงของกลาง การนำและพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรทางทะเลย่อมไม่อาจทำได้นั้น ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บรรยายไว้ในคำฟ้อง จึงไม่อาจรับฟังได้ส่วนความผิดฐานให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม โดยให้คนต่างด้าวเข้าอยู่และหลบซ่อนอยู่ในเรือนั้น ก็คงฟังได้เพียงว่าเรือเป็นสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น มิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง จึงไม่อาจริบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3451/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำพาคนต่างด้าวเข้าประเทศ - โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำความผิดโดยตรง
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ฯ มาตรา 63 เพียงข้อหาเดียว เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธในชั้นศาล โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยใช้รถยนต์บรรทุกสิบล้อบรรทุกคนต่างด้าวจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เข้ามาในราชอาณาจักรด้านอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายไม่มีหนังสือหรือเอกสารใช้แทนหนังสืออันถูกต้อง ไม่ผ่านเข้ามาทางช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่กำหนด จะนำคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมมาฟังลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 หาได้ไม่
ทางนำสืบของโจทก์เจือสมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 นำสืบต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับคนต่างด้าวมาจากอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดย ด. ชาวโพนพิสัยติดต่อหาคนงานให้ ม. ภริยาของจำเลยที่ 3 ตามที่ ม. พยานโจทก์เบิกความยืนยัน แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าคนงานที่บรรทุกมาจากจังหวัดหนองคายเป็นคนต่างด้าว แต่เมื่อมิใช่นำหรือพาคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรจึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามฟ้องไม่ได้
ทางนำสืบของโจทก์เจือสมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 นำสืบต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 รับคนต่างด้าวมาจากอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย โดย ด. ชาวโพนพิสัยติดต่อหาคนงานให้ ม. ภริยาของจำเลยที่ 3 ตามที่ ม. พยานโจทก์เบิกความยืนยัน แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 รู้อยู่แล้วว่าคนงานที่บรรทุกมาจากจังหวัดหนองคายเป็นคนต่างด้าว แต่เมื่อมิใช่นำหรือพาคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรจึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7244/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภัยอันตรายจากขบวนการพาคนต่างด้าวเข้าประเทศ: ศาลยืนจำคุก ไม่รอลงโทษ
การที่จำเลยทั้งห้ากับพวกร่วมกันชักชวนและนำพาบุคคลต่างด้าว 22 คน ให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วร่วมกันจัดหาพาหนะให้บุคคลต่างด้าวเหล่านั้นโดยสารเดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร อันเป็นการอุปการะช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร รวมถึงการร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้นเพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการถูกจับกุม ล้วนเป็นการกระทำความผิดที่เป็นภัยอันตรายต่อประเทศชาติทั้งในด้านความมั่นคงและด้านสังคมอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นช่องทางให้คนต่างด้าวเข้ามาปลอมตัวเป็นคนสัญชาติไทยและเข้ามาก่ออาชญากรรมทั้งที่ร้ายแรงและไม่ร้ายแรงอยู่เนือง ๆ แล้ว ยังเปิดโอกาสให้คนต่างด้าวเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทย สร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจให้แก่คนไทยโดยใช่เหตุ ยิ่งกว่านั้น คนต่างด้าวบางรายยังนำโรคติดต่อที่ยากต่อการบำบัดรักษา สร้างปัญหาทางด้านสาธารณสุขให้แก่คนในชาติอีกด้วย ลักษณะการกระทำความผิดของ จำเลยทั้งห้ากับพวกถือเป็นการกระทำความผิดที่ร้ายแรงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5258/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือคนต่างด้าวและการใช้ดุลพินิจรอการลงโทษ จำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องเพียงการช่วยเหลือด้านการเดินทาง
จำเลยเพียงแต่ให้ความช่วยเหลือโดยให้คนต่างด้าวโดยสาร รถยนต์พาไปส่งที่จังหวัดปทุมธานีเท่านั้น ส่วนคนต่างด้าวจะเข้ามาทำงานและแย่งงานคนไทยทำได้หรือไม่ อยู่ที่ผู้รับเข้าทำงานไม่ใช่จำเลย ทั้งจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7188/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าประเทศ: ผลกระทบต่อความมั่นคง, เศรษฐกิจ, และสาธารณสุข
การลักลอบนำคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายด้านหลายประการเป็นต้นว่าทางด้านสาธารณสุข โดยที่คนต่างด้าวเหล่านั้นอาจนำเชื้อโรคที่แพร่หรือระบาดอยู่ในประเทศของคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาแพร่หรือระบาดในประเทศไทยจนยากที่จะควบคุมและทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียเงินงบประมาณจำนวนมากในการป้องกันและรักษาโดยใช่เหตุ ทางด้านความมั่นคง คนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามามีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาประกอบอาชญากรรมที่เป็นภัยต่อสังคมและประเทศชาติทั้งที่ร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ซึ่งยากต่อการที่จะป้องกันและปราบปราม หากปล่อยปละละเลยนับวันแต่จะเพิ่มมากขึ้น และทางด้านสังคมคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรมักจะเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศในด้านแรงงานทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมส่งผลให้คนไทยต้องกลายเป็นผู้ไม่มีอาชีพหรือตกงานเป็นจำนวนมากกระทบกระเทือนต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวมพฤติกรรมของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องร้ายแรงไม่สมควรที่ศาลจะรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7188/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบจากการลักลอบนำคนต่างด้าวเข้าประเทศต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสาธารณสุข
การลักลอบนำคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการสร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายด้านหลายประการเป็นต้นว่าทางด้านสาธารณสุข โดยที่คนต่างด้าวเหล่านั้นอาจนำเชื้อโรคที่แพร่หรือระบาดอยู่ในประเทศของคนต่างด้าวดังกล่าวเข้ามาแพร่หรือระบาดในประเทศไทยจนยากที่จะควบคุมและทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียเงินงบประมาณจำนวนมากในการป้องกันและรักษาโดยใช่เหตุ ทางด้านความมั่นคง คนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามามีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาประกอบอาชญากรรมที่เป็นภัยต่อสังคมและประเทศชาติ ทั้งที่ร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ซึ่งยากต่อการที่จะป้องกันและปราบปราม หากปล่อยปละละเลยนับวันแต่จะเพิ่มมากขึ้น และทางด้านสังคมคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรมักจะเข้ามาแย่งอาชีพของคนไทยผู้เป็นเจ้าของประเทศในด้านแรงงานทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมส่งผลให้คนไทยต้องกลายเป็นผู้ไม่มีอาชีพหรือตกงานเป็นจำนวนมากกระทบกระเทือนต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวมพฤติกรรมของจำเลยที่ 1 เป็นเรื่องร้ายแรงไม่สมควรที่ศาลจะรอการลงโทษ