พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากร การระงับคดีอาญา และการวางประกันค่าอากร
โจทก์นำสินค้าเข้า พนักงานของจำเลยเห็นว่าโจทก์สำแดงราคาสินค้าต่ำไปและสำแดงรายการสินค้าเท็จ จึงให้โจทก์นำเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันมาวางโจทก์นำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางประกันในวงเงิน 400,000 บาท และ 783,000 บาท ตามลำดับพนักงานของจำเลยจึงตรวจปล่อยสินค้าให้โจทก์ ต่อมาเจ้าพนักงานของจำเลยได้มีหนังสือเรียกโจทก์ไปตกลงระงับคดี แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม จึงได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ พ.ร.บ. ศุลกากรฯ กำหนดไว้ ดังนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนข้อกล่าวหาหรือคำสั่งของจำเลยได้ และเมื่อยังโต้เถียง จำนวนค่าภาษีอากรกันอยู่ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยคืนหลักประกัน ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยตรวจพบว่าโจทก์กระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ศุลกากรฯ ถ้า โจทก์ยอมเสียค่าปรับตามคำเปรียบเทียบก็ทำให้คดีอาญาระงับได้ตามมาตรา 102 และ 102 ทวิสินค้าที่โจทก์นำเข้าได้ระบุว่าเป็นกระบอกสูบเครื่องยนต์เครื่องหมายการค้า เอ็น.พี.อาร์. แต่ในตัวสินค้ามีเครื่องหมายรถยนต์ ฮีโน่ โตโยต้า และนิสสัน พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงถือเอาราคาตามที่บริษัทรถยนต์ฮีโน่ โตโยต้า และนิสสัน นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นราคาเทียบเคียง โดยลดให้ร้อยละห้า และถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด เพื่อนำไปคำนวณหาอากรที่ขาด กำหนดเป็นเกณฑ์ให้โจทก์เสียค่าปรับอันจะได้ระงับคดีอาญา ดังนี้เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายโดยชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากร, การสำแดงเท็จ, และการระงับคดีอาญา: สิทธิในการโต้แย้งและการคืนหลักประกัน
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยตรวจสินค้าที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักร เห็นว่าโจทก์ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและสำแดงราคาสินค้าไม่ถูกต้อง โจทก์จะต้องเสียภาษีอากรเพิ่มขึ้น ให้โจทก์นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารไปวางเป็นประกันค่าภาษีอากรไว้ ทั้งการกระทำของโจทก์มีความผิดฐานสำแดงเท็จตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 27 และ 99 จึงมีหนังสือเรียกให้โจทก์ไปตกลงระงับคดีอาญา ซึ่งหากโจทก์ยอมเสียค่าปรับ 2 เท่า ของอากรที่ขาดโดยคำนวณจากราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าที่โจทก์นำเข้าตามคำเปรียบเทียบของพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ย่อมทำให้คดีอาญาระงับตามมาตรา 102 และ 102 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับจำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่โจทก์ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติศุลกากรกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกล่าวหาหรือคำสั่งของจำเลยที่ตีราคาสินค้าโจทก์แล้วนำไปกำหนดค่าปรับ และโจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยคืนหลักประกันค่าภาษีอากรจนกว่าโจทก์จะชำระเงินอากรตามจำนวนที่ได้รับแจ้งให้ครบตามมาตรา 112 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรศุลกากร การสำแดงเท็จ และอำนาจเจ้าหน้าที่ในการวางประกันหรือปรับ
โจทก์นำกระบอกสูบเครื่องยนต์ระบุว่ายี่ห้อ เอ็น.พี.อาร์.แต่บางรายการมีเครื่องหมายรถยนต์ยี่ห้อฮีโน บางรายการเป็นอะไหล่ชนิดแท้ของรถยนต์ยี่ห้อฮีโน โตโยต้า และนิสสัน ไม่ตรงกับใบขนสินค้า แสดงว่ามีปัญหาเกี่ยวกับจำนวนค่าอากรสำหรับของที่กำลังผ่านศุลกากรพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมมีอำนาจให้วางเงินประกันหรือให้มีการค้ำประกันของธนาคารแทนการวางเงินตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 112 และเมื่อเห็นว่ามีการทำคำสำแดงเท็จเป็นการกระทำผิดทางอาญาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติศุลกากร จำเลยอาจจะตกลงงดการฟ้องร้องทางอาญาถ้าโจทก์ยอมเสียค่าปรับตามคำเปรียบเทียบทำให้คดีอาญาระงับไปได้ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 99,102,102 ทวิ เมื่อโจทก์ไม่ยอมไปตกลงระงับคดีโดยเสียค่าปรับ จำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาและตามเกณฑ์ระงับคดีเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติและเป็นธรรมแก่คู่กรณีของจำเลยโจทก์จะต้องถูกปรับ 2 เท่า ของอากรที่ขาด การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยถือเอาราคาที่บริษัทรถยนต์ฮีโน โตโยต้าและนิสสัน นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นราคาเทียบเคียง กับสินค้าที่โจทก์นำเข้าแล้วลดให้ร้อยละห้าแล้วถือเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด เพื่อนำไปคำนวณหาอากรที่ขาดแล้วได้กำหนดเป็นเกณฑ์ให้โจทก์เสียค่าปรับนั้น เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายและระเบียบได้ให้อำนาจโดยชอบแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจจะฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกล่าวหาหรือคำสั่งใดของจำเลยได้ และคดีนี้ยังโต้เถียงจำนวนค่าภาษีอากรกันอยู่ พนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประเมินอากรอันพึงต้องเสียและแจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อชำระเงินอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 ทวิ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยคืนหลักประกันนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3253/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกักยึดสินค้าและการประเมินภาษีอากรใหม่ของศุลกากร ไม่เป็นการละเมิด
สินค้าที่โจทก์นำเข้าบางส่วนไม่ตรงกับชนิดและราคาที่สำแดงไว้ในใบขนสินค้าและแบบรายการการค้า จำเลยได้ประเมินราคาสินค้าและภาษีอากรใหม่และแจ้งให้โจทก์ทราบว่าอากรขาดไป และจำเลยเห็นว่ากรณีของโจทก์เป็นความผิดตามมาตรา 99,27 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากรพ.ศ. 2469 สมควรทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยเปรียบเทียบปรับและให้โจทก์ชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้ครบถ้วน ซึ่งเป็นอำนาจของจำเลยตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ เมื่อโจทก์ไม่ตกลงยินยอมด้วย จำเลยจึงส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์การกระทำของจำเลยทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์ใดที่ส่อว่าจำเลยกลั่นแกล้ง อันเป็นการจงใจให้โจทก์เสียหาย แต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้ไว้ จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3500/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดใช้เอกสารปลอม, นำเข้าอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, และสำแดงเท็จทางศุลกากร
จำเลยสั่งอาวุธปืนซึ่งเป็นของต้องจำกัดตามพระราชบัญญัติศุลกากร เข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้ใบอนุญาตอันเป็นหนังสือราชการปลอมแม้จำเลยจะได้ชำระค่าภาษีศุลกากรครบถ้วนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจผิดไปว่าอาวุธปืนนั้นได้รับอนุญาตให้นำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยก็เป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้นครบองค์ประกอบความผิดฐานนำของต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 27 แล้ว การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้นำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าโดยระบุชนิดของอาวุธปืน จำนวน ขนาด ประเทศที่ผลิตหรือสั่งซื้อผิดไปจากใบอนุญาตที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการสำแดงความเท็จหรือไม่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 แล้วและเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3500/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าอาวุธปืนโดยใช้เอกสารปลอม และสำแดงเท็จต่อศุลกากร มีความผิดตามกฎหมายอาญาและศุลกากร
จำเลยสั่งอาวุธปืนซึ่งเป็นของต้องจำกัดตามพระราชบัญญัติศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้ใบอนุญาตอันเป็นหนังสือราชการปลอมแม้จำเลยจะได้ชำระค่าภาษีศุลกากรครบถ้วนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจผิดไปว่าอาวุธปืนนั้นได้รับอนุญาตให้นำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยก็เป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้นครบองค์ประกอบความผิดฐานนำของต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 27 แล้ว การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้นำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าโดยระบุชนิดของอาวุธปืน จำนวน ขนาด ประเทศที่ผลิตหรือสั่งซื้อผิดไปจากใบอนุญาตที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการสำแดงความเท็จหรือไม่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 แล้วและเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือหาไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3500/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าอาวุธปืนโดยใช้เอกสารปลอมและการสำแดงเท็จ มีความผิดตามกฎหมายอาญาและศุลกากร
จำเลยสั่งอาวุธปืนซึ่งเป็นของต้องจำกัดตามพระราชบัญญัติศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยใช้ใบอนุญาตอันเป็นหนังสือราชการปลอม แม้จำเลยจะได้ชำระค่าภาษีศุลกากรครบถ้วนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจผิดไปว่าอาวุธปืนนั้นได้รับอนุญาตให้นำเข้าถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยก็เป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดอันเกี่ยวกับของนั้นครบองค์ประกอบความผิดฐานนำของต้องจำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 27 แล้ว
การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้นำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าโดยระบุชนิดของอาวุธปืน จำนวน ขนาด ประเทศที่ผลิตหรือสั่งซื้อผิดไปจากใบอนุญาตที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการสำแดงความเท็จหรือไม่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 แล้วและเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือหาไม่
การที่จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้นำเข้าในใบขนสินค้าขาเข้าโดยระบุชนิดของอาวุธปืน จำนวน ขนาด ประเทศที่ผลิตหรือสั่งซื้อผิดไปจากใบอนุญาตที่แท้จริง ถือได้ว่าเป็นการสำแดงความเท็จหรือไม่สมบูรณ์ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 แล้วและเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือหาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดศุลกากร: สำแดงเท็จ, หลีกเลี่ยงภาษี, อายุความ, และการระงับคดีที่ไม่เป็นผล
ความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99 เป็นเรื่องสำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ แต่ จำเลยนอกจากได้สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จแล้วยังได้ นำสินค้าที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เข้ามาในพระราชอาณาจักรอันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม มาตรา 27 ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยขอทำความตกลง ระงับคดีต่อ กรมศุลกากร ตาม มาตรา 102102 ทวิ อธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลง ระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือนโดย มีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่ จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลง อธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้คดียังไม่ระงับ
อายุความตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐาน ไม่สำแดงรายการให้ตรงตาม ความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตาม มาตรา 27 ซึ่ง มีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยขอทำความตกลง ระงับคดีต่อ กรมศุลกากร ตาม มาตรา 102102 ทวิ อธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลง ระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือนโดย มีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่ จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลง อธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้คดียังไม่ระงับ
อายุความตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐาน ไม่สำแดงรายการให้ตรงตาม ความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตาม มาตรา 27 ซึ่ง มีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดศุลกากร: สำแดงเท็จ, หลีกเลี่ยงภาษี, อายุความ, การระงับคดีที่ไม่สมบูรณ์
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99เป็นเรื่องสำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ แต่จำเลยนอกจากได้สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จแล้ว ยังได้นำสินค้าที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในพระราชอาณาจักรอันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 27ที่แก้ไขแล้ว จำเลยขอทำความตกลงระงับคดีต่อกรมศุลกากรตามมาตรา 102,102 ทวิอธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลงระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือน โดยมีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลงอธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้ คดียังไม่ระงับ อายุความตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐานไม่สำแดงรายการให้ตรงตามความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตามมาตรา 27 ซึ่งมีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดศุลกากร: สำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงภาษี, อายุความฟ้องคดีอาญา
ความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 99เป็นเรื่องสำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จ แต่ จำเลยนอกจากได้สำแดงรายการสินค้าอันเป็นเท็จแล้วยังได้ นำสินค้าที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง เข้ามาในพระราชอาณาจักรอันเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม มาตรา 27 ที่แก้ไขแล้ว จำเลยขอทำความตกลง ระงับคดีต่อ กรมศุลกากร ตาม มาตรา 102102 ทวิ อธิบดีกรมศุลกากรอนุมัติให้รับทำความตกลง ระงับคดีโดยให้จำเลยชำระค่าซื้อของกลางคืนเป็น 3 งวด งวดละหนึ่งเดือนโดย มีธนาคารเป็นผู้ค้ำประกัน แต่ จำเลยมิได้ดำเนินการตามข้อตกลง อธิบดีกรมศุลกากรจึงขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลย เช่นนี้คดียังไม่ระงับ อายุความตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 เป็นอายุความในทางแพ่งเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าภาษีอากร ไม่ใช่อายุความการฟ้องคดีอาญา จำเลยกระทำผิดฐาน ไม่สำแดงรายการให้ตรงตาม ความจริง เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและฉ้อภาษีของ รัฐบาล เมื่อวันที่25 ตุลาคม 2517 มีความผิดตาม มาตรา 27 ซึ่ง มีโทษปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี มีอายุความ 15 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95(2) โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2527คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.