คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1574 เด (8)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนระงับสิ้นจากสัญญาประนีประนอมยอมความ และขอบเขตการผูกพันสัญญาต่อผู้เยาว์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่3ไม่ได้ขับรถโดยสารประจำทางด้วยความประมาทเลินเล่อไม่ได้ทำละเมิดจำเลยที่1และที่2ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิดโจทก์ที่2ที่5และที่6ฎีกาว่าจำเลยที่3ขับรถโดยสารประจำทางด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นการทำละเมิดเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาของโจทก์ที่2จำนวนเงิน90,000บาทโจทก์ที่5และที่6จำนวนเงินคนละ60,000บาททุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาของโจทก์ที่2ที่5และที่6แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง จำเลยที่4และที่5ฎีกาว่าโจทก์ที่3และที่4ไม่ได้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของพ. ปรากฏว่าจำเลยที่4และที่5ให้การในข้อนี้ว่าโจทก์ที่3และที่4เป็นบุตรของพ. หรือไม่ไม่ทราบไม่รับรองซึ่งเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองคดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์ที่3และที่4เป็นบุตรของพ. หรือไม่ฎีกาของจำเลยที่4และที่5ในปัญหานี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง หลังเกิดเหตุก่อนที่พ. ถึงแก่ความตายโจทก์ที่1กับจำเลยที่4และที่5ได้ทำบันทึกชดใช้ค่าเสียหายโดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่4และที่5ตกลงใช้เงินจำนวน150,000บาทและโจทก์ที่1ตกลงว่าค่าเสียหายส่วนอื่นนอกเหนือจากที่ตกลงกันและที่จะมีขึ้นต่อไปโจทก์ที่1จะไม่ใช้สิทธิเรียกร้องใดๆจากจำเลยที่4และที่5บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยที่4และที่5เป็นผลให้หนี้ในมูลละเมิดระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยที่4และที่5ที่มีอยู่ระงับสิ้นไปทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงไว้ในสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา852เมื่อจำเลยที่4และที่5ชำระเงินให้แก่โจทก์ที่1ครบถ้วนตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวแล้วโจทก์ที่1จะมาฟ้องจำเลยที่4และที่5เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากมูลละเมิดที่ระงับสิ้นไปแล้วหาได้ไม่ โจทก์ที่2ที่3และที่4ยังเป็นผู้เยาว์การที่โจทก์ที่1ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสามจะตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่4และที่5แทนผู้เยาว์ทั้งสามซึ่งถือเป็นการทำนิติกรรมอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ทั้งสามจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1574(8)เดิม(มาตรา1574(12)ที่ได้ตรวจชำระใหม่)เมื่อไม่ได้รับอนุญาตจากศาลสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์ที่1กับจำเลยที่4และที่5จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ที่2ที่3และที่4ซึ่งเป็นผู้เยาว์ในอันที่จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าขาดไว้อุปการะจากจำเลยที่4และที่5 การใช้สิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะเป็นสิทธิเฉพาะตัวของโจทก์ที่5และที่6เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่5และที่6ได้มอบอำนาจให้โจทก์ที่1ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่4และที่5สัญญาดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ที่5และที่6