พบผลลัพธ์ทั้งหมด 807 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5548/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในฐานะเจ้าของรถและผู้ขับขี่ประมาท การขาดประโยชน์จากการใช้รถ และประเด็นฎีกานอกประเด็น
เมื่อรถยนต์ของโจทก์ถูกชนได้รับความเสียหายต้องเข้าซ่อมช่วงเวลาที่เสียไประหว่างซ่อมถือได้ว่าโจทก์ขาดประโยชน์แล้วตั้งแต่บัดนั้น ส่วนที่โจทก์เช่ารถยนต์ของบุคคลอื่นมาวิ่งรับส่งคนโดยสารแทนรถยนต์ของโจทก์และต้องเสียค่าเช่านั้น เป็นเพียงเพื่อบรรเทาค่าขาดประโยชน์ที่ต้องสูญเสียไปลงบ้างเท่านั้น จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นไม่ได้กำหนดประเด็นว่า บ. เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุหรือไม่ แต่กำหนดประเด็นว่า ส. เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของ บ. หรือไม่เท่านั้น ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า บ. ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ในขณะเกิดเหตุจึงเป็นฎีกานอกประเด็น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5266/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนสามัญ, ผู้รับประกันภัย และการชดใช้ค่าเสียหายกรณีรถชน โดยประเด็นสำคัญคือการเสื่อมราคาของรถ
จำเลยที่ 2 นำรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุไปร่วมกิจการเดินรถกับห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ช. จำเลยที่ 2 จึงเป็นหุ้นส่วนของห้างดังกล่าวในลักษณะหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ซึ่งต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของห้างฯ โดยไม่จำกัดจำนวนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1025เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของห้างฯ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้างของห้างฯ ห้างฯ และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกันรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดแทนห้างฯ และจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยจำเลยทั้งสามจึงต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสื่อมราคารถแก่โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ารถยนต์โจทก์เสื่อมราคาจากการเกิดเหตุ กรณีเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกาจึงชี้ขาดให้มีผลถึงจำเลยที่ 1ซึ่งไม่ได้ฎีกาด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4625/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิของประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายส่วนที่เหลือจากผู้ทำละเมิด
ค่าสินไหมทดแทนที่ผู้รับประกันภัยได้ชดใช้ไปเป็นจำนวนเพียงใดผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยและของผู้รับประโยชน์ ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 คดีนี้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 900,000 บาท เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับประกันภัยไปบางส่วนเป็นเงิน 300,000 บาทแล้ว โจทก์จึงคงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยผู้ทำละเมิดในจำนวนของวินาศภัยของทรัพย์ที่เอาประกันภัยเฉพาะส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อระบุรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด แม้เกิดจากละเมิดของบุคคลภายนอก ถือเป็นค่าเสียหายโดยตรง
โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากบริษัท ค. โดยมีข้อกำหนดให้โจทก์ที่ 2 ต้องรับผิดในค่าเสียหายอันเกิดแก่รถยนต์ทุกกรณีและต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมด โดยมิได้กำหนดให้หักค่าเสื่อมราคาได้ ข้อสัญญาดังกล่าวมีผลบังคับได้ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อถูกจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดเสียหายทั้งคัน โจทก์ที่ 2ต้องชำระค่าเช่าซื้อส่วนที่เหลือให้ผู้เช่าซื้อตามข้อสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าค่าเช่าซื้อที่โจทก์ที่ 2 จะต้องชำระให้ผู้ให้เช่าซื้อเป็นค่าเสียหายโดยตรงจากการทำละเมิดของจำเลยที่ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าของรถต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้างผู้ขับรถ และขอบเขตค่าเสียหายที่ชดใช้ได้
จำเลยที่ 1 ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นเจ้าของรถบรรทุกมี ส. เป็นผู้ขับ โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่พยานจำเลยที่ 1 เบิกความว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดเพราะมิใช่นายจ้างของ ส.แต่คนขับรถเป็นค. คดีจึงฟังได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถบรรทุก และลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดด้วย แม้ว่าคนขับจะเป็น ส.หรือค. ก็ตาม โจทก์เช่ารถโดยสารมาและถูกรถบรรทุกของจำเลยที่ 1 ชน โจทก์ได้ซ่อมรถโดยสารตามสัญญาเช่า โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวและค่าขาดรายได้ของรถยนต์โดยสารในระหว่างซ่อมจากจำเลยที่ 1 ได้ ค่าเช่ารถในระหว่างซ่อมรถ โจทก์จะต้องจ่ายแก่ผู้ให้เช่าเป็นเงินลงทุนของโจทก์ที่จะทำให้เกิดรายได้ขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุละเมิดเกิดขึ้นหรือไม่ โจทก์ก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว ค่าเช่ารถจึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำละเมิดของลูกจ้าง และขอบเขตค่าเสียหายที่ชดใช้
โจทก์ฟ้องว่า คนขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยชื่อนาย สมศักดิ์ไม่ทราบนามสกุล ตามที่จำเลยให้การไว้ต่อพนักงานสอบสวน จึงเป็นการบรรยายฟ้องถึงตัวบุคคลตามที่จำเลยให้การถึง ซึ่งการที่บุคคลนั้นจะเป็นนายสมศักดิ์หรือนายคำรณและชื่อดังกล่าวจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ก็คงหมายถึงบุคคลคนเดียวกันที่เป็นลูกจ้างขับรถให้จำเลยในทางการที่จ้างนั่นเอง ที่จำเลยอ้างว่าคนขับรถยนต์บรรทุกชื่อนายคำรณมิใช่นายสมศักดิ์ตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบนั้นฟังไม่ขึ้น โจทก์เช่ารถยนต์โดยสารที่ถูกรถยนต์บรรทุกของจำเลยชนจากบริษัทธ. โจทก์ได้ทำการซ่อมแซมรถยนต์โดยสารตามสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับบริษัท ธ. เจ้าของรถยนต์โดยสารแล้ว โจทก์จึงเสียหายและฟ้องเรียกค่าเสียหายในส่วนนี้กับค่าขาดรายได้ในระหว่างซ่อมแซมได้ แม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์โดยสารก็ตาม ส่วนค่าเช่ารถยนต์โดยสารที่โจทก์ต้องจ่ายแก่บริษัท ธ. นั้นเป็นเงินลงทุนของโจทก์ที่จะทำให้เกิดรายได้ขึ้นซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุละเมิดเกิดขึ้นหรือไม่ โจทก์ก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว ค่าเช่ารถยนต์โดยสารจึงไม่ใช่ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำละเมิดของลูกจ้างจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเช่ารถยนต์โดยสารในระหว่างการซ่อมแซมแก่โจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2416/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากละเมิด: ค่ารักษาพยาบาล, ค่าขาดประโยชน์, ค่าเสียบุคคลิกภาพ, และขอบเขตความรับผิดของผู้กระทำละเมิด
โจทก์ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากจำเลยกระทำละเมิดจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีทุกข์ซึ่งโจทก์ไม่มีส่วนผิด โจทก์ย่อมจะหาความสะดวกเพื่อให้ได้รับทุกข์น้อยที่สุดโดยการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ จำเลยจะกะเกณฑ์ให้โจทก์ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐหาได้ไม่ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง โจทก์ไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างรักษาตัวเนื่องจากเจ็บป่วยเพราะจำเลยกระทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดเต็มจำนวนของเงินเดือนที่โจทก์ไม่ได้รับนั้น จำเลยจะเกี่ยง ให้โจทก์นำค่าน้ำมันรถค่าอาหารการกินมาหักจากเงินเดือนก่อนหาได้ไม่ ค่าทนทุกข์ทรมานระหว่างเจ็บป่วยกับค่าสูญเสียบุคลลิกภาพ ต่างก็เป็นค่าเสียหายซึ่งไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ ศาลย่อมกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้โดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าค่าทนทุกข์ทรมานเท่าใดค่าสูญเสียบุคคลิกภาพเท่าใด ค่าเสียหายที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลิกภาพกับค่าเสียหายที่เกิดจากการที่ไม่สามารถประกอบการงานในอนาคตเป็นค่าเสียหายที่ไม่ซ้ำกัน เพราะการเสียบุคคลิกภาพนั้นเป็นการเสียความมีลักษณะสง่าผ่าเผยในสังคม ซึ่งต่างหากจากการเสียความสามารถในการประกอบการงาน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขับรถ ณ ทางแยกต้องควบคู่กับความระมัดระวัง และค่าแรงซ่อมแซมจากละเมิด
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 (2) บัญญัติว่า ถ้ามาถึงทางแยกทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน แต่แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวซึ่งทำให้คนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทางผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา เมื่อพิจารณาภาพถ่ายความเสียหายเห็นได้ว่ารถยนต์ชนกันอย่างแรง ซึ่งก็ต้องเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงของคนขับรถของจำเลยนั้นเองด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาท บทบัญญัติดังกล่าวมิได้คุ้มครองให้คนขับรถของจำเลยพ้นผิด
แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติ แต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้
แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติ แต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางจราจร: การใช้สิทธิและหน้าที่ของผู้ขับขี่ตามกฎหมาย และการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด
พระราชบัญญัติ ญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(2) บัญญัติว่า ถ้ามาถึงทางแยกทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยกผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน แต่แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวซึ่งทำให้คนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนขับรถของจำเลยมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทางผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา เมื่อพิจารณาภาพถ่ายความเสียหายเห็นได้ว่ารถยนต์ชนกันอย่างแรง ซึ่งก็ต้องเกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงของคนขับรถของจำเลยนั้นเองด้วย การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความประมาท บทบัญญัติดังกล่าวมิได้คุ้มครองให้คนขับรถของจำเลยพ้นผิด แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำและมีงานทำเป็นปกติแต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าว มาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ก็ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางจราจรและการประเมินค่าเสียหายจากการชน การซ่อมแซมอุปกรณ์ที่เสียหายและสิทธิเรียกร้องค่าแรง
แม้ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(2) คนขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 5 มีสิทธิขับรถผ่านสี่แยกไปก่อนได้ก็ ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิขับรถเข้าไปในสี่แยกโดยไม่คำนึงหรือไม่ระมัดระวังหรือไม่ดูว่ามียานพาหนะอื่นแล่นเข้ามาในสี่แยกหรือไม่ ที่เกิดเหตุเป็นสี่แยกมีทางเดินรถหลายช่องทาง ผู้ขับขี่ยวดยานทุกคนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าการขับไปตามถนนอย่างธรรมดา การที่คนขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 5 ขับรถด้วยความเร็วสูงเข้าไปในสี่แยกทั้ง ๆ ที่มีรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 3แล่นเข้ามาพร้อมกันจนชนกันอย่างแรงถือว่าเป็นความประมาทของคนขับรถของจำเลยที่ 5 ด้วย แม้คนงานของโจทก์จะมีเงินเดือนประจำ และมีงานทำเป็นปกติแต่เมื่อต้องทิ้งงานดังกล่าวและมาทำงานเกี่ยวกับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดของจำเลย โจทก์ย่อมเรียกค่าแรงในการทำงานดังกล่าวได้.