พบผลลัพธ์ทั้งหมด 807 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดทรัพย์สิน: ค่าเสียหายจำกัดเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ไม่รวมค่ารื้อถอน
การกระทำละเมิดต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ผู้ทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 เมื่อจำเลยกระทำละเมิดทำให้ตอม่อสะพานของโจทก์เสียหาย จำเลยก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในการกระทำดังกล่าวเท่านั้น โจทก์จะให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการรื้อสะพานนั้นหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการละเมิดทรัพย์สิน: ศาลกำหนดตามความเสียหายจริงที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่ถูกกระทำละเมิด
การกระทำละเมิดต่อทรัพย์สินของผู้อื่น ผู้กระทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ทำละเมิดนั้น เมื่อจำเลยกระทำละเมิดทำให้ตอม่อสะพานของโจทก์เสียหาย จำเลยก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในการกระทำดังกล่าวเท่านั้น โจทก์จะให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการรื้อสะพานนั้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อทรัพย์สิน: จ่ายเฉพาะความเสียหายที่เกิดจากการละเมิดโดยตรง
การกระทำละเมิดต่อ ทรัพย์สินของผู้อื่น ผู้กระทำละเมิดจำต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ทำละเมิดนั้น เมื่อจำเลยกระทำละเมิดทำให้ตอม่อ สะพานของโจทก์เสียหาย จำเลยก็ต้อง ใช้ ค่าสินไหมทดแทนในการกระทำดังกล่าวเท่านั้น โจทก์จะให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการรื้อสะพานนั้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับเหมาและกรุงเทพมหานครต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายจากอุบัติเหตุบนถนนก่อสร้าง หากละเลยการติดตั้งสัญญาณเตือน
จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างปรับปรุงถนน ขณะถนนกำลังก่อสร้าง จำเลยที่ 1 ไม่จัดให้มีสัญญาณไฟเตือนทั้ง ๆ ที่มีข้อสัญญากับกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างไว้ และจำเลยที่ 2ได้เตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมคาดได้ว่าหากไม่มีสัญญาณไฟเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายได้ การที่ อ. ไม่เห็นเกาะกลางถนนที่กำลังก่อสร้างและขับรถยนต์ชนเกาะกลางถนนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 กรุงเทพมหานครจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ดูแลถนนในเขตกรุงเทพมหานครย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซมถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้งเครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ 2 ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจพบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุดที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดีดังเดิมหรือไม่ก็ตามหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและหน่วยงานรัฐต่อความเสียหายจากงานก่อสร้างที่ขาดความปลอดภัย
จำเลยที่ 1 รับเหมาก่อสร้างปรับปรุงถนน ขณะถนน กำลังก่อสร้างจำเลยที่ 1 ไม่จัดให้มีสัญญาณไฟเตือน ทั้ง ๆ ที่มีข้อสัญญากับ กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างไว้ และจำเลยที่ 2 ได้ เตือนหลายครั้งแล้ว จำเลยที่ 1 ย่อมคาดได้ ว่าหากไม่มีสัญญาณไฟเตือนให้เห็นอย่างชัดเจนก็อาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายได้การที่ อ. ไม่เห็นเกาะกลางถนนที่กำลังก่อสร้างและขับรถยนต์ขนเกาะกลางถนนจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 กรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 2 ในฐานะ ผู้ดูแลถนน ในเขต กรุงเทพมหานคร ย่อมมีหน้าที่ควบคุมจัดให้มีเครื่องหมายและสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้างหรือซ่อมแซม ถนน แม้จะจัดให้จำเลยที่ 1รับเหมาก่อสร้างไปแล้ว จำเลยที่ 2 ก็ยังมีหน้าที่ติดตั้ง เครื่องหมายเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การจราจร เมื่อจำเลยที่ 2 ควบคุมแล้วยังมีข้อบกพร่อง จำเลยที่ 2 ก็ต้อง รับผิดเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดคราวเดียวกัน เมื่อจัดซ่อมไปแล้วหากตรวจ พบภายหลังว่ายังมีส่วนชำรุด ที่ยังมิได้ซ่อมหลงเหลืออยู่ ก็ยังจัดซ่อมต่อไปอีกได้ จะอ้างว่ามีสิทธิซ่อมเพียงครั้งเดียวไม่ว่าซ่อมแล้วจะดี ดัง เดิม หรือไม่ก็ตามหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้ามตามกฎหมาย และละเมิดจากการขัดขวางการขายที่ดิน
คดีเดิม ศาลได้ วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้อง ตรง ตาม ข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้น บังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนด ที่ดินเลขที่1488 ให้แก่โจทก์ไปตาม รูปแผนที่นั้น ซึ่ง ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้ จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนด เลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้วคดีนี้จำเลยซึ่ง เป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่า รูปแผนที่ในที่ดินโฉนด เลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดย อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตาม โฉนด เลขที่ 17364เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อ เจ้าพนักงานที่ดินโดย รู้อยู่แล้วว่าโฉนด ดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดย ผิด กฎหมายให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดิน และได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อ โจทก์ที่ 1 และที่ 4 เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ. กับพวก ซึ่ง ถ้า โจทก์ที่ 1 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ย ร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้อง รับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งซ้ำและละเมิดจากการคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยไม่ชอบ ทำให้ผู้ซื้อที่ดินได้รับความเสียหาย
คดีเดิมศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินทำมาถูกต้องตรงตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้นบังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 1488ให้แก่โจทก์ไปตามรูปแผนที่นั้น ซึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้ว คดีนี้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกับคดีก่อนได้ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่ารูปแผนที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีกเป็นเรื่องจำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 โจทก์ที่ 1 และที่ 4 ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364เพื่อขายให้แก่ บ.กับพวก จำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบเป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์ที่ 1 และที่ 4 เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ.กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 4 เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ที่ 1และที่ 4 ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือจาก บ.กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์ที่ 1 และที่ 4 นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำต้องห้าม-ละเมิดจากการคัดค้านรังวัดที่ดิน ศาลพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายดอกเบี้ย
คดีเดิมศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า รูปแผนที่แบ่งแยกตามที่ช่างแผนที่สำนักงานที่ดินจังหวัดทำมาถูกต้องตรงตามข้อตกลงของโจทก์จำเลยในชั้นบังคับคดีแล้ว ให้จำเลยจัดการแบ่งแยกโฉนดที่ดินเลขที่ 1488 ให้แก่โจทก์ไปตามรูปแผนที่แบ่งแยกนั้นซึ่งต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้จัดการแบ่งแยกออกเป็นโฉนดเลขที่ 17364 ให้แก่โจทก์ไปแล้ว คดีนี้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันกับในคดีก่อนได้ยกข้อต่อสู้และฟ้องแย้งว่ารูปแผนที่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 17364 ไม่ถูกต้องขึ้นมาอีก เป็นเรื่องที่จำเลยรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
โจทก์ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364 เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวกจำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท จาก บ. กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
โจทก์ร้องขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดเลขที่ 17364 เพื่อขายให้แก่ บ. กับพวกจำเลยทราบแล้วยังไปคัดค้านการรังวัดแบ่งแยกต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่าโฉนดดังกล่าวออกมาโดยชอบ เป็นการจงใจกระทำโดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายแก่สิทธิที่จะขายที่ดินและได้รับเงินจาก บ. กับพวกผู้ซื้อ จึงเป็นละเมิดต่อโจทก์ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลืออีก 600,000 บาท จาก บ. กับพวก ซึ่งถ้าโจทก์นำไปฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปี จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: การพิสูจน์ความเท็จและการบรรเทาความเสียหาย
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ซึ่งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงทางเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไปส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5278/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาข้อความเท็จทำให้เสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ ศาลกำหนดค่าชดใช้สินไหมทดแทน
จำเลยพิมพ์โฆษณาข้อความอันฝ่าฝืนความจริงทางหนังสือพิมพ์ ซึ่งเมื่ออ่นข้อความทั้งหมดประกอบกันแล้วทำให้เข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และเคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำลังวางแผนจัดตั้งพรรคการเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยยอมรับหลักลัทธิคอมมิวนิสต์ การไขข่าวเช่นนี้ในขณะที่ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและมีพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ใช้บังคับอยู่ ย่อมทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคนไทยคนหนึ่งเป็นที่รังเกียจ ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยจึงต้องร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโจทก์
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท
ข้อความดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทชื่อเสียงเกียรติคุณของโจทก์และอาจกระทบถึงความเจริญหรือทางทำมาหาได้ของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยได้ลงแก้ข่าวให้โจทก์ทางหนังสือพิมพ์หลายฉบับติดต่อกันหลายวันอันเป็นการบรรเทาความเสียหายไป ส่วนหนึ่งแล้ว ศาลฎีกาจึงกำหนดค่าเสียหายให้โจทก์ 50,000 บาท