พบผลลัพธ์ทั้งหมด 807 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าเสียหายจากค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในกรณีที่รายละเอียดการคิดค่าใช้จ่ายไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจกำหนดตามควรได้
ค่าใช้จ่ายในโรงงานที่เรียกว่า ค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในการซ่อมแซมรถจักรดีเซลและรถพ่วง แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนชนิดหนึ่งและเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงคิดจากผลงานที่ได้รับ ซึ่งหากไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวก็ไม่สามารถทำงานสำเร็จไปได้ก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏรายละเอียดว่า โจทก์คิดค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในแต่ละรายการอย่างใดเพียงใด และมีความจำเป็นเพียงใดที่โจทก์จำเป็นจะต้องใช้จ่ายในแต่ละรายการ โจทก์คงอ้างแต่เพียงบัญชีรายละเอียดของค่าโอเวอร์เฮดชาร์จโดยคิดเป็นอัตราร้อยละเท่านั้น และแม้จำเลยทั้งสองจะไม่นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นก็ตามแต่โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่โจทก์อ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนแน่นอนได้ ศาลจึงมีอำนาจกำหนดให้ตามควรได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการขุดคูในทางภาระจำยอม: สิทธิเรียกร้องค่าขาดรายได้และขอบเขตความรับผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองขุดคูในทางภาระจำยอมทำให้รถยนต์สองแถวไม่สามารถแล่นออกมาได้ต้องจอดทิ้งไว้ในที่ของโจทก์ทำให้เสียหายและขาดรายได้ผลิตผลทางเกษตรที่โจทก์ทำได้ไม่สามารถนำออกมาขายได้ ค่าขาดรายได้ตามปกติรถยนต์สองแถวใช้วิ่งรับจ้างส่งคนโดยสารและบรรทุกผลิตผลทางการเกษตรมีรายได้เฉลี่ยวันละ 1,000 บาทแต่โจทก์ขอคิดเพียงวันละ 500บาท ดังนี้ พอเข้าใจแล้วว่า โจทก์ใช้รถยนต์คันดังกล่าวใช้ประโยชน์หารายได้ การกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ขาดรายได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดรายได้จากการใช้รถ
ส่วนค่าเสียหายของรถยนต์ โจทก์มิได้อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถหรือได้รถมาอย่างไร ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องรับผิดในความเสียหายของรถต่อเจ้าของรถ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายของรถยนต์จากจำเลย.(ที่มา-เนติ)
ส่วนค่าเสียหายของรถยนต์ โจทก์มิได้อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถหรือได้รถมาอย่างไร ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องรับผิดในความเสียหายของรถต่อเจ้าของรถ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายของรถยนต์จากจำเลย.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้ง และต้องรับผิดในความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อสิทธิของหน่วยงานจัดการเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งเป็นละเมิดต่อเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งและทำให้เกิดความเสียหาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้นจงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหาย และการแยกแยะความเสียหายจากการสูญหายของสลากกับความเสียหายจากการสูญหายของพัสดุ
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่าเงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้นเป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหายจำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้ ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหายเป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลากแม้สลากสูญหาย มิใช่เงื่อนไขต้องมีสลากตัวจริง การชดใช้ค่าเสียหายพัสดุสูญหายแยกจากสิทธิรับรางวัล
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่า เงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้น เป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3697/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับเงินรางวัลสลาก แม้สลากสูญหาย และความแตกต่างระหว่างค่าเสียหายจากการขนส่งกับสิทธิรับเงินรางวัล
เงื่อนไขหลังสลากที่ว่า เงินรางวัลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือสลากที่ถูกรางวัลนำมาขอรับนั้น เป็นเพียงข้อกำหนดให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัล ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไปหากโจทก์มีหลักฐานเชื่อได้ว่าโจทก์ถูกรางวัลแต่สลากหาย จำเลยก็ต้องจ่ายเงินให้
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับตามระเบียบของการสื่อสารแห่งประเทศไทยเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์สูญหาย เป็นคนละอย่างกับสิทธิเรียกร้องรับเงินรางวัลจากสลากที่ถูกรางวัลแล้วสูญหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการติดตามเอาทรัพย์คืนเมื่อขายฝากไม่ไถ่ และอายุความฟ้องร้องที่แตกต่างกัน
เมื่อบ้านที่ขายฝากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองและจะต้องส่งมอบบ้านแก่โจทก์ การที่จำเลยรื้อบ้านดังกล่าวจะเป็นการทำละเมิดด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้ราคาบ้านรวมทั้งค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้บ้านซึ่งโจทก์รับซื้อฝากไว้มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความฟ้องร้องไว้โดยเฉพาะจึงต้องถือว่ามีอายุความฟ้องร้อง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่เป็นเรื่องละเมิดอย่างเดียวและมีอายุความเพียง 1 ปีไม่
การที่จำเลยเป็นผู้ขอให้เรียกกรมการศาสนาเข้ามาเป็นคู่ความเองและคำฟ้องของกรมการศาสนาก็เป็นเรื่องให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์เช่าจากกรมการศาสนาจึงเป็นเรื่องเดียวกันและเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพียงขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยเท่านั้นและคดีนี้ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายซ้ำซ้อนเพราะจำเลยยอมรับมาเองว่า กรมการศาสนาได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่กรมการศาสนาตามนั้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้
การที่จำเลยเป็นผู้ขอให้เรียกกรมการศาสนาเข้ามาเป็นคู่ความเองและคำฟ้องของกรมการศาสนาก็เป็นเรื่องให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์เช่าจากกรมการศาสนาจึงเป็นเรื่องเดียวกันและเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพียงขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยเท่านั้นและคดีนี้ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายซ้ำซ้อนเพราะจำเลยยอมรับมาเองว่า กรมการศาสนาได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่กรมการศาสนาตามนั้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3649/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขายฝากที่ผิดสัญญาและรื้อถอนทรัพย์สิน - อายุความ 10 ปี
เมื่อบ้านที่ขายฝากตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว จำเลยไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองและจะต้องส่งมอบบ้านแก่โจทก์ การที่จำเลยรื้อบ้านดังกล่าวจะเป็นการทำละเมิดด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้ราคาบ้านรวมทั้งค่าเสียหายจากการที่ไม่ได้ใช้บ้านซึ่งโจทก์รับซื้อฝากไว้มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความฟ้องร้องไว้โดยเฉพาะจึงต้องถือว่ามีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 หาใช่เป็นเรื่องละเมิดอย่างเดียวและมีอายุความเพียง 1 ปีไม่
การที่จำเลยเป็นผู้ขอให้เรียกกรมการศาสนาเข้ามาเป็นคู่ความเองและคำฟ้องของกรมการศาสนาก็เป็นเรื่องให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์เช่าจากกรมการศาสนาจึงเป็นเรื่องเดียวกันและเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพียงขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยเท่านั้นและคดีนี้ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายซ้ำซ้อนเพราะจำเลยยอมรับมาเองว่า กรมการศาสนาได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่กรมการศาสนาตามนั้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้
การที่จำเลยเป็นผู้ขอให้เรียกกรมการศาสนาเข้ามาเป็นคู่ความเองและคำฟ้องของกรมการศาสนาก็เป็นเรื่องให้จำเลยออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งโจทก์เช่าจากกรมการศาสนาจึงเป็นเรื่องเดียวกันและเกี่ยวกับฟ้องเดิมเพียงขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยเท่านั้นและคดีนี้ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องค่าเสียหายซ้ำซ้อนเพราะจำเลยยอมรับมาเองว่า กรมการศาสนาได้รับความเสียหาย ซึ่งศาลชั้นต้นก็ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่กรมการศาสนาตามนั้น จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกไม่ได้