พบผลลัพธ์ทั้งหมด 807 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3184/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิประกันภัยและการเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด แม้ผู้รับประกันภัยจะผิดเงื่อนไข
การที่โจทก์นำกรมธรรม์ประกันภัยมาสืบประกอบพยานอื่นในข้อรับช่วงสิทธิโดยมิได้นำสืบบังคับตามกรมธรรม์ประกันภัยโดยตรงแม้กรมธรรม์ประกันภัยจะมิได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังได้. จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อมแม้รถยนต์ของโจทก์จะเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายมิให้ใช้รับจ้างบรรทุกสินค้าของผู้อื่นก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนนี้เพราะการที่โจทก์นำรถยนต์ไปรับจ้างโดยผิดกฎหมายหรือไม่เป็นคนละเรื่องกับการกระทำละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดหน้าที่ราชการ ผู้จัดการโรงพิมพ์ปกปิดราคาจัดซื้อ ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย
จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการ จำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควร จำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์ และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื่อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ ส.ประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวจำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่ และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วย การที่จำเลยไม่บอกให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง 490,000 บาท ความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง 180,000 บาทเศษเท่านั้น และจำเลยยังบอกแก่ ฆ.ประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เสนอเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้ว ยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วย นับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์ หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมาก และเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลาง และโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี แม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์คือค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องเสียไปในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บ.ส่วนดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าเครื่องไสสันทากาวที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัท บ.ตามคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระดังกล่าวก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงินซึ่งโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอยู่ โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดหน้าที่ของลูกจ้างผู้จัดการโรงพิมพ์ ที่ปกปิดราคาจัดซื้อ ทำให้โจทก์เสียหาย
จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยและเป็นส่วนราชการจำเลยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควรจำเลยเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ของโจทก์และจำเลยเป็นผู้เสนอให้โจทก์จัดซื่อเครื่องไสสันทากาวเพื่อใช้ในโรงพิมพ์ส.ประธานกรรมการบริหารโรงพิมพ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยก็ได้มีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้แนะนำและให้คำปรึกษาในการจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวจำเลยย่อมต้องให้คำแนะนำและความเห็นโดยสุจริตในทางที่เป็นประโยชน์แก่โรงพิมพ์ที่จำเลยเป็นผู้จัดการอยู่และเป็นผลดีแก่โจทก์ด้วยการที่จำเลยไม่บอกให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาของโจทก์ทราบว่าเครื่องไสสันทากาวที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เสนอในการประกวดราคาเป็นราคาถึง490,000บาทความจริงห้างหุ้นส่วนจำกัดช.เป็นผู้แทนจำหน่ายและขายในราคาเพียง180,000บาทเศษเท่านั้นและจำเลยยังบอกแก่ฆ.ประธานกรรมการเปิดซองประกวดราคาว่าราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เสอนเป็นราคาเหมาะสมอีกดังนี้นอกจากจะไม่ช่วยให้คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาได้พิจารณาจัดซื้อเครื่องไสสันทากาวในทางที่เป็นผลดีแก่โจทก์อันส่อไปในทางไม่สุจริตของจำเลยแล้วยังเป็นการช่วยให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรอีกด้วยนับว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ซึ่งมีต่อโจทก์หากจำเลยบอกความจริงแก่คณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโจทก์ก็คงไม่ทำสัญญาซื้อเครื่องไสสันทากาวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.เพราะราคาที่ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวเสนอสูงกว่าราคาท้องตลาดมากและเป็นการขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามมิให้หน่วยราชการซื้อสินค้าผ่านคนกลางและโจทก์ก็จะไม่ต้องถูกห้างหุ้นส่วนดังกล่าวฟ้องร้องเอาจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแม้จะไม่มีพยานหลักฐานพอฟังว่าจำเลยร่วมทุจริตกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.แต่การกระทำดังกล่าวเป็นผลให้โจทก์เสียหายแล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์และค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์คือค่าฤชาธรรมเนียมที่โจทก์ต้องเสียไปในการต่อสู้คดีกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ.ส่วนดอกเบี้ยจากต้นเงินค่าเครื่องไสสันทากาวที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัทบ.ตามคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นดอกเบี้ยที่ต้องชำระดังกล่าวก็เฉพาะในระยะเวลาที่โจทก์ยังไม่ได้ชำระต้นเงินซึ่งโจทก์ก็ได้รับประโยชน์จากเงินดังกล่าวอยู่โจทก์จึงไม่มีค่าเสียหายในส่วนนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของตัวการต่อการกระทำของตัวแทน, การกำหนดค่าขาดไร้อุปการะตามโอกาสแห่งการมีชีวิต, และความรับผิดร่วมของจำเลย
โจทก์ฟ้องขอค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะไม่ได้บรรยายว่าโจทก์ควรได้เป็นรายเดือน รายปีเท่าไร เป็นเวลานานเท่าใดก็ตามเมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมา ศาลก็พิจารณากำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยประกอบกิจการรถทัวร์รับส่งคนโดยสาร ได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาแล่นรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยซึ่งเสียอยู่ การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้กำหนดและใช้ให้กระทำนั้น คนขับรถทัวร์จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อตัวแทนของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
การใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะ ต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ผู้ขอมีอายุ 90 ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 90,000 บาท จึงสูงไป โจทก์ที่ 1 ควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพียง 45,000 บาท
เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคัน ทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างร่วมรับผิดด้วย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหน เท่าใด จำเลยทุกคนจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวอย่างลูกหนี้ร่วม
จำเลยประกอบกิจการรถทัวร์รับส่งคนโดยสาร ได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาแล่นรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยซึ่งเสียอยู่ การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลย โดยจำเลยเป็นผู้กำหนดและใช้ให้กระทำนั้น คนขับรถทัวร์จึงเป็นตัวแทนของจำเลย เมื่อตัวแทนของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ประกอบมาตรา 425
การใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะ ต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ผู้ขอมีอายุ 90 ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 90,000 บาท จึงสูงไป โจทก์ที่ 1 ควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพียง 45,000 บาท
เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคัน ทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างร่วมรับผิดด้วย ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหน เท่าใด จำเลยทุกคนจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวอย่างลูกหนี้ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของตัวการและตัวแทน, ค่าขาดไร้อุปการะ, การกำหนดค่าเสียหาย, และความร่วมรับผิด
คดีฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากผู้กระทำละเมิดแม้จะมิได้บรรยายฟ้องว่าค่าขาดไร้อุปการะเป็นค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับตามกฎหมายโจทก์ที่1ที่2ควรได้เป็นรายเดือนรายปีคนละเท่าใดแต่เมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมาศาลก็พิจารณากำหนดให้ได้ไม่เป็นคำฟ้องเคลือบคลุม จำเลยที่1ประกอบกิจการรถทัวร์ได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาใช้แทนรถของจำเลยที่1ที่เสียการที่คนขับรถทัวร์ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลยที่1โดยจำเลยที่1เป็นผู้กำหนดให้คนขับกระทำคนขับจึงเป็นผู้กระทำการแทนของจำเลยที่1ถือว่าจำเลยที่1กระทำการนั้นด้วยตนเองเมื่อคนขับรถทัวร์กระทำละเมิดต่อโจทก์จำเลยที่1ในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดตามป.พ.พ.มาตรา427ประกอบมาตรา425 การกำหนดค่าขาดไร้อุปการะต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วยขณะยื่นฟ้องโจทก์มีอายุ90ปีเศษและถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์จึงควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะน้อยลง เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถโดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคันทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างต้องร่วมรับผิดด้วยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหนเท่าใดจำเลยทั้งสี่จึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายนั้น ค่าขาดไร้อุปการะเป็นค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากกรณีละเมิดถือว่าจำเลยผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของตัวการต่อการกระทำของตัวแทน, ค่าขาดไร้อุปการะ และความรับผิดร่วม
โจทก์ฟ้องขอค่าขาดไร้อุปการะแม้จะไม่ได้บรรยายว่าโจทก์ควรได้เป็นรายเดือนรายปีเท่าไรเป็นเวลานานเท่าใดก็ตามเมื่อได้ระบุจำนวนที่ขอมาศาลก็พิจารณากำหนดให้ตามจำนวนที่เห็นสมควรไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยประกอบกิจการรถทัวร์รับส่งคนโดยสารได้เช่ารถทัวร์คันเกิดเหตุมาแล่นรับส่งคนโดยสารแทนรถทัวร์ของจำเลยซึ่งเสียอยู่การที่คนขับรถทัวร์ได้ขับรถทัวร์ในกิจการของจำเลยโดยจำเลยเป็นผู้กำหนดและใช้ให้กระทำนั้นคนขับรถทัวร์จึงเป็นตัวแทนของจำเลยเมื่อตัวแทนของจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยในฐานะตัวการต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา427ประกอบมาตรา425 การใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะต้องพิจารณาถึงโอกาสแห่งการมีชีวิตของผู้ขอด้วยเมื่อปรากฏว่าโจทก์ที่1ผู้ขอมีอายุ90ปีเศษขณะยื่นฟ้องและได้ถึงแก่กรรมเมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่ศาลล่างกำหนดค่าขาดไร้อุปการะเป็นเงิน90,000บาทจึงสูงไปโจทก์ที่1ควรได้รับค่าขาดไร้อุปการะเพียง45,000บาท เหตุละเมิดเกิดจากการขับรถยนต์โดยประมาทของคนขับรถทั้งสองคันทำให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นตัวการและนายจ้างร่วมรับผิดด้วยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าจำเลยคนใดต้องรับผิดเฉพาะส่วนไหนเท่าใดจำเลยทุกคนจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวอย่างลูกหนี้ร่วม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีทุนทรัพย์น้อยกว่า 50,000 บาท และข้อยกเว้นการใช้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ตามรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดหลุมแก้วไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายกับจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยอีก จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1(ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่6) พ.ศ.2518 มาตรา 6ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า ค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1(ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่6) พ.ศ.2518 มาตรา 6ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่า ค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับข้อพิพาท ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และข้อยกเว้นการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัย
ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ตามรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดหลุมแก้วไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียว ยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายกับจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยอีก จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1 (ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6 ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่าค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1 จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 2 โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้ว จุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น
คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่ 1 (ผู้รับช่วงสิทธิ) เรียกร้องไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6 ข้อที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกาว่าค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1 จำนวน 23,495 บาท ไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่ 2 ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2 ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2892/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การชดใช้ค่าเสียหายโดยผู้เอาประกันภัยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับประกันภัย และข้อยกเว้นการรับผิด
ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่2กับจำเลยที่1ตามรายงานประจำวันของสถานีตำรวจภูธรอำเภอลาดหลุมแก้วไม่เป็นสัญญาระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไปทีเดียวยังมีเงื่อนไขให้ไปตกลงค่าเสียหายกับจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยอีกจึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ การที่ผู้เอาประกันปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่2โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดดังเช่นคดีนี้ผู้รับประกันจะยกเอาเงื่อนไขดังกล่าวมาใช้บังคับไม่ได้เพราะถึงอย่างไรผู้รับประกันภัยก็จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอนอยู่แล้วจุดประสงค์ของการกำหนดเงื่อนไขตามข้อตกลงดังกล่าวก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้เอาประกันภัยไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายถูกเท่านั้น คดีมีทุนทรัพย์ที่โจทก์ที่1(ผู้รับช่วงสิทธิ)เรียกร้องไม่เกิน50,000บาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่6)พ.ศ.2518มาตรา6ข้อที่จำเลยที่2ที่3ฎีกาว่าค่าเสียหายของโจทก์ที่1จำนวน23,495บาทไม่ใช่ค่าเสียหายที่ถูกต้องเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ค่าขาดผลประโยชน์และค่าเสื่อมราคารถของโจทก์ที่2ก็ถือได้ว่าเป็นความเสียหายของโจทก์ที่ 2ที่เนื่องมาจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยซึ่งจำเลยที่3ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744-1746/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย (รถบรรทุกลากจูงและรถโดยสาร) และการร่วมรับผิดต่อผู้โดยสาร
จำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นไปชนรถท้ายรถบรรทุกลากจูงที่จำเลยที่ 4 เป็นผู้ควบคุมและจอดล้ำออกมาโดยไม่ได้เปิดไฟ ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดระหว่างฝ่ายรถลากจูงและรถโดยสารจึงเป็นพับกันไป แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถประจำทาง เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องฝ่ายรถลากจูงให้ร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน และมิได้ฎีกาขอให้กำหนดค่าสินไหมทดแทนสูงขึ้นฝ่ายรถโดยสารควรรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์กึ่งหนึ่งของที่ศาลอุทธรณ์กำหนด