พบผลลัพธ์ทั้งหมด 389 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ ผู้เช่ามีสิทธิเรียกร้องค่าซ่อมเมื่อผู้ให้เช่าผิดสัญญา
ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เช่ารถมีกำหนด 1 ปี รถที่ให้เช่านี้ชำรุดอยู่ ได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้ซ่อมรถให้ใช้การได้ ด้วยทุนทรัพย์ของโจทก์เอง ครั้นโจทก์รับมอบรถมาซ่อมและเช่าได้ไม่ถึงครึ่งปี จำเลยก็เอารถคืนไปเสีย โจทก์ทวงค่าซ่อมรถก็ไม่ยอมใช้ให้ ขอให้บังคับใหัจำเลยใช้เงินค่าซ่อมรถ ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าที่โจทก์กล้าลงทุนซ่อมรถเอาเองก็โดยหวังว่าจะได้ใช้รถ 1 ปี เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ให้โจทก์ได้ใช้รถตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ก็มีสิทธิแสดงความเสียหายต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องจากจำเลยในฐานผิดสัญญาได้ การที่ได้ลงทุนซ่อมรถไปนั้น ก็เป็นความเสียหายส่วนหนึ่งเสมือนกัน ศาลย่อมบังคับให้จำเลยใช้ให้โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นการบังคับนอกคำฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เช่ารถมีกำหนด 1 ปี รถที่ให้เช่านี้ชำรุดอยู่ ได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้ซ่อมรถให้ใช้การได้ ด้วยทุนทรัพย์ของโจทก์เอง ครั้นโจทก์รับมอบรถมาซ่อมและเช่าได้ไม่ถึงครึ่งปี จำเลยก็เอารถคืนไปเสีย โจทก์ทวงค่าซ่อมรถก็ไม่ยอมใช้ให้ ขอให้บังคับใหัจำเลยใช้เงินค่าซ่อมรถ ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าที่โจทก์กล้าลงทุนซ่อมรถเอาเองก็โดยหวังว่าจะได้ใช้รถ 1 ปี เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ให้โจทก์ได้ใช้รถตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ก็มีสิทธิแสดงความเสียหายต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องจากจำเลยในฐานผิดสัญญาได้ การที่ได้ลงทุนซ่อมรถไปนั้น ก็เป็นความเสียหายส่วนหนึ่งเสมือนกัน ศาลย่อมบังคับให้จำเลยใช้ให้โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นการบังคับนอกคำฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า - ผู้ให้เช่าไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ - การเรียกร้องค่าเสียหายจากผิดสัญญา
ผู้ให้เช่าไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เช่ารถมีกำหนด 1 ปี รถที่ให้เช่านี้ชำรุดอยู่ได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้ซ่อมรถให้ใช้การได้ด้วยทุนทรัพย์ของโจทก์เองครั้นโจทก์รับมอบรถมาซ่อม และเช่าได้ไม่ถึงครึ่งปี จำเลยก็เอารถคืนไปเสีย โจทก์ทวงค่าซ่อมรถก็ไม่ยอมใช้ให้ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงินค่าซ่อมรถ ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าที่โจทก์กล้าลงทุนซ่อมรถเอาเองก็โดยหวังว่าจะได้ใช้รถ 1 ปี เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ได้ใช้รถตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ก็มีสิทธิแสดงความเสียหายต่างๆ เพื่อเรียกร้องจากจำเลยในฐานผิดสัญญาได้ การที่ได้ลงทุนซ่อมรถไปนั้นก็เป็นความเสียหายส่วนหนึ่งเหมือนกัน ศาลย่อมบังคับให้จำเลยใช้ให้โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นการบังคับนอกคำฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เช่ารถมีกำหนด 1 ปี รถที่ให้เช่านี้ชำรุดอยู่ได้ตกลงกันให้โจทก์เป็นผู้ซ่อมรถให้ใช้การได้ด้วยทุนทรัพย์ของโจทก์เองครั้นโจทก์รับมอบรถมาซ่อม และเช่าได้ไม่ถึงครึ่งปี จำเลยก็เอารถคืนไปเสีย โจทก์ทวงค่าซ่อมรถก็ไม่ยอมใช้ให้ ขอให้บังคับให้จำเลยใช้เงินค่าซ่อมรถ ดังนี้เป็นที่เห็นได้ว่าที่โจทก์กล้าลงทุนซ่อมรถเอาเองก็โดยหวังว่าจะได้ใช้รถ 1 ปี เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ได้ใช้รถตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ก็มีสิทธิแสดงความเสียหายต่างๆ เพื่อเรียกร้องจากจำเลยในฐานผิดสัญญาได้ การที่ได้ลงทุนซ่อมรถไปนั้นก็เป็นความเสียหายส่วนหนึ่งเหมือนกัน ศาลย่อมบังคับให้จำเลยใช้ให้โจทก์ได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นการบังคับนอกคำฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: สิทธิในการบังคับโอนที่ดิน แม้มีข้อตกลงเรื่องเงินมัดจำและค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยได้รับเงินมัดจำไว้ แม้จะมีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ให้ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ก็ไม่พอให้ถือว่าโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์จะเพียงแต่เรียกเงินมัดจำคืน กับเรียกค่าเสียหายเท่านั้นเมื่อจำเลยไม่จัดการโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับโอนได้ แม้มีข้อตกลงเรื่องเงินมัดจำคืน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยรับเงินมัดจำไว้ แม้จะมีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ให้ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ก็ไม่พอให้ถือว่าโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์จะเพียงแต่เรียกเงินมัดจำ กับเรียกค่าเสียหายเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่จัดการโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความชอบธรรม ศาลบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ แม้การรังวัดไม่สมบูรณ์
โจทก์จำเลยทำสัญญาให้กรรมการวัดสอบเขตที่ดินตามเนื้อที่ในโฉนดของโจทก์หากปรากฎว่าจำเลยปลูกรั้วล้ำเข้าไปในเขตของโจทก์ จำเลยยอมรื้อรั้ว เมื่อเริ่มรังวัดเพียงด้านหนึ่งปรากฎว่ารั้วของจำเลยล้ำเข้าไปในเขตที่ของโจทก์ 1.20 เมตร จำเลยจึงไม่ยอมให้วัดต่อไป สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวนี้ย่อมเป็นสัญญาที่ใช้บังคับกันได้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้กรรมการวัดตามสัญญาที่ตกลงกัน นั้น จำเลยก็เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ย่อมจะมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยมิให้ขัดขวางในการที่กรรมการจะทำการตามสัญญานั้นได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, สัญญาซื้อขายที่ดิน, การบังคับตามสัญญา, สิทธิทางเดิน, การจดทะเบียน
คดีแพ่ง ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หากแต่เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยโดยเฉพาะ ไม่กระทบกระเทือนถึงประชาชนหรือบุคคลภายนอกแต่ประการใด ถ้าจำเลยเห็นว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม จำเลยก็ชอบที่จะระวังผลประโยชน์ของตนเองโดยต่อสู้ไว้เสียตั้งแต่ศาลชั้นต้น คดีแพ่งหาเหมือนกับคดีอาญาไม่ เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ก็เป็นความบกพร่องของตนเองไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้อนี้
จำเลยทำสัญญาขายส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนดของตนให้โจทก์ โดยจำเลยยอมตกลงทำถนนในที่ดินของจำเลยแปลงที่ติดต่อกัน เพื่อโจทก์จะได้ใช้เป็นทางออกสู่ถนนหลวงได้ เมื่อโจทก์ผู้ซื้อได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้วหากจำเลยไม่ยอมทำถนนดังกล่าว โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีเช่นนี้ จำเลยจะเถียงว่านิติกรรมรายนี้ยังไม่มีการจดทะเบียน ยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 หาได้ไม่ เพราะชั้นนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องและอ้างว่ามีสิทธิทางเดินอยู่แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2503 เฉพาะปัญหาข้อแรก)
จำเลยทำสัญญาขายส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนดของตนให้โจทก์ โดยจำเลยยอมตกลงทำถนนในที่ดินของจำเลยแปลงที่ติดต่อกัน เพื่อโจทก์จะได้ใช้เป็นทางออกสู่ถนนหลวงได้ เมื่อโจทก์ผู้ซื้อได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้วหากจำเลยไม่ยอมทำถนนดังกล่าว โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีเช่นนี้ จำเลยจะเถียงว่านิติกรรมรายนี้ยังไม่มีการจดทะเบียน ยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 หาได้ไม่ เพราะชั้นนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องและอ้างว่ามีสิทธิทางเดินอยู่แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2503 เฉพาะปัญหาข้อแรก)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - สัญญาซื้อขาย - การบังคับตามสัญญา - ภารจำยอมทางนิติกรรม - การจดทะเบียน
คดีแพ่ง ปัญหาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย หากแต่เป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยโดยเฉพาะไม่กระทบกระเทือนถึงประชาชนหรือบุคคลภายนอกแต่ประการใด ถ้าจำเลยเห็นว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม จำเลยก็ชอบที่จะระวังผลประโยชน์ของตนเอง โดยต่อสู้ไว้เสียตั้งแต่ศาลชั้นต้น คดีแพ่งหาเหมือนกับคดีอาญาไม่ เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้เป็นความบกพร่องของตนเอง ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้อนี้
จำเลยทำสัญญาขายส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนดของคนให้โจทก์ โดยจำเลยยอมตกลงทำถนนในที่ดินของจำเลยแปลงที่ติดต่อกัน เพื่อโจทก์จะได้ใช้เป็นทางออกสู่ถนนหลวงได้ เมื่อโจทก์ผู้ซื้อได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว หากจำเลยไม่ยอมทำถนนดังกล่าว โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีเช่นนี้ จำเลยจะเถียงว่า นิติกรรมรายนี้ยังไม่มีการจดทะเบียน ยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 หาได้ไม่ เพราะชั้นนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องและอ้างว่ามีสิทธิทางเดินอยู่แล้ว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503 เฉพาะปัญหาข้อแรก)
จำเลยทำสัญญาขายส่วนหนึ่งของที่ดินมีโฉนดของคนให้โจทก์ โดยจำเลยยอมตกลงทำถนนในที่ดินของจำเลยแปลงที่ติดต่อกัน เพื่อโจทก์จะได้ใช้เป็นทางออกสู่ถนนหลวงได้ เมื่อโจทก์ผู้ซื้อได้ปฏิบัติตามสัญญาครบถ้วนแล้ว หากจำเลยไม่ยอมทำถนนดังกล่าว โจทก์ในฐานะคู่สัญญาย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีเช่นนี้ จำเลยจะเถียงว่า นิติกรรมรายนี้ยังไม่มีการจดทะเบียน ยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 หาได้ไม่ เพราะชั้นนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องและอ้างว่ามีสิทธิทางเดินอยู่แล้ว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503 เฉพาะปัญหาข้อแรก)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยแลกเปลี่ยนกับการออกค่าใช้จ่ายแต่งงาน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลผูกพันได้หากมีการชำระหนี้แล้ว
จำเลยตกลงจะโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ตอบแทนในการที่โจทก์ออกเงินแต่งงานให้จำเลย แม้ข้อตกลงนี้จะไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้คือออกเงินแต่งงานให้แก่จำเลยไปตามที่ได้ตกลงกันแล้วย่อมถือว่าจำเลยให้คำมั่นจะขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 456 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามที่จำเลยตกลงไว้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยมีค่าตอบแทนเป็นเงินแต่งงาน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็มีผลผูกพันได้ หากมีการชำระค่าตอบแทนแล้ว
จำเลยตกลงจะโอนขายที่ดินส่วนของตนให้แก่โจทก์ตอบแทนในการที่โจทก์ออกเงินแต่งงานให้จำเลย แม้ข้อตกลงนี้จะไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ได้ชำระหนี้คือออกเงินแต่งงานให้แก่จำเลยไปตามที่ได้ตกลงกันแล้วย่อมถือว่าจำเลยให้คำมั่นจะขายที่ดินส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาโจทก์ย่อมฟ้องร้องขอให้บังคับคดีตามที่จำเลยตกลงไว้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังไม่ได้ หากยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรกได้โดยโจทก์ไม่ยินยอม
เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้จำเลยใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย (คือราคาทรัพย์พิพาท) แก่โจทก์ เช่นนี้ จำเลยจะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาลำดับหลังในเมื่อจำเลยยังสามารถปฏิบัติตามลำดับแรก โดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยนั้น ไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)
(อ้างฎีกาที่ 1486/2493 และ 1346/2494)