พบผลลัพธ์ทั้งหมด 214 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3973/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดวันสั่งจ่ายเช็คหลังผู้สั่งจ่ายเสียชีวิต และความรับผิดของผู้รับอาวัล
การจดวันสั่งจ่าย 'ตามที่ถูกต้องแท้จริง' ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 ประกอบด้วยมาตรา 989หมายถึงวันที่ผู้ทรงเช็คเห็นสมควรที่จะจดหรือกรอกลงในเช็คซึ่งผู้ทรงมีสิทธิกระทำได้โดยพลการ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้สั่งจ่ายหรือผู้ใดแจ้งให้จด ส่วนคำว่า'ทำการโดยสุจริต' นั้น กฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนทำการโดยสุจริตตาม นัยมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หากจำเลยหรือผู้ใดอ้างว่าการจดหรือกรอกวันสั่งจ่ายโดยไม่สุจริตผู้กล่าวอ้างต้องระบุให้ชัดแจ้งถึงเหตุที่ไม่สุจริต และมีหน้าที่นำสืบด้วย
การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงจดวันสั่งจ่ายลงในเช็คภายหลังจากทราบว่าผู้สั่งจ่ายถึงแก่ความตายถือได้ว่าโจทก์ทำการโดยสุจริต
ในกรณีที่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังถึงแก่ความตายบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินหรือเช็คยังคงต้องรับผิดตามเนื้อความแห่งตั๋วเงินหรือเช็คนั้น
กรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คถึงแก่ความตาย ผู้ทรงมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาจากกองมรดกของผู้ตายได้ 2 วิธีคือ1. นำเช็คไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามเช็คถ้าธนาคารทราบว่าผู้สั่งจ่ายตายก็จะปฏิเสธการจ่ายเงินตามมาตรา 992(2) เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินด้วยเหตุใดก็ตาม ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากทายาทผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกตลอดจนมีสิทธิฟ้องผู้สลักหลังเช็คด้วย หรือ 2. ผู้ทรงมีสิทธิทวงถามให้ชำระเงินตามเช็คจากทายาทผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกและผู้สลักหลังได้เลยถ้าผู้ถูกทวงถามไม่ชำระเงินตามเช็ค ผู้ทรงก็มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้โดยไม่จำเป็นต้องนำเช็คไปยื่นหรือเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามมาตรา 990 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1003/2524)
แม้จำเลยจะได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแต่จำเลยมิได้ขอให้ศาลชั้นต้นยกขึ้นเป็นประเด็นเพื่อวินิจฉัยถือว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้อนี้แล้วและศาลก็ไม่รับฎีกาข้อนี้ของจำเลย จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย
การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงจดวันสั่งจ่ายลงในเช็คภายหลังจากทราบว่าผู้สั่งจ่ายถึงแก่ความตายถือได้ว่าโจทก์ทำการโดยสุจริต
ในกรณีที่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังถึงแก่ความตายบุคคลผู้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินหรือเช็คยังคงต้องรับผิดตามเนื้อความแห่งตั๋วเงินหรือเช็คนั้น
กรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คถึงแก่ความตาย ผู้ทรงมีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาจากกองมรดกของผู้ตายได้ 2 วิธีคือ1. นำเช็คไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินตามเช็คถ้าธนาคารทราบว่าผู้สั่งจ่ายตายก็จะปฏิเสธการจ่ายเงินตามมาตรา 992(2) เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินด้วยเหตุใดก็ตาม ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากทายาทผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกตลอดจนมีสิทธิฟ้องผู้สลักหลังเช็คด้วย หรือ 2. ผู้ทรงมีสิทธิทวงถามให้ชำระเงินตามเช็คจากทายาทผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกและผู้สลักหลังได้เลยถ้าผู้ถูกทวงถามไม่ชำระเงินตามเช็ค ผู้ทรงก็มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้โดยไม่จำเป็นต้องนำเช็คไปยื่นหรือเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามมาตรา 990 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1003/2524)
แม้จำเลยจะได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแต่จำเลยมิได้ขอให้ศาลชั้นต้นยกขึ้นเป็นประเด็นเพื่อวินิจฉัยถือว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ในประเด็นข้อนี้แล้วและศาลก็ไม่รับฎีกาข้อนี้ของจำเลย จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3971/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า การรับอาวัล และการผิดนัดชำระหนี้ตามเช็ค
จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ถูกต้อง เป็นหนังสือปลอมแต่มิได้อ้างว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ปลอมอย่างไรจำเลยไม่มีสิทธินำสืบว่าใบมอบอำนาจนั้นปลอมเมื่อโจทก์นำสืบว่าได้มีการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามนั้น
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงินดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงินดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3971/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คลงวันที่ล่วงหน้า การรับอาวัล และสิทธิเรียกร้องเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บได้
จำเลยให้การว่าหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ถูกต้อง เป็นหนังสือปลอมแต่มิได้อ้างว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ปลอมอย่างไร จำเลยไม่มีสิทธินำสืบว่าใบมอบอำนาจนั้นปลอม เมื่อโจทก์นำสืบว่าได้มีการมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจฟ้องข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามนั้น
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงิน ดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989 และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คเพราะผู้รับมอบอำนาจโจทก์และจำเลยอีกคนหนึ่งคบคิดกันฉ้อฉลหลอกให้จำเลยลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาท แต่ในชั้นพิจารณากลับนำสืบว่า เช็คพิพาทมีมูลจากการพนันจึงไม่ต้องใช้เงิน ดังนี้เป็นการนำสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีของโจทก์ก่อนถึงกำหนดวันสั่งจ่ายในเช็คย่อมกระทำได้ เป็นเรื่องที่ธนาคารจะเรียกเก็บเงินจากธนาคารตามเช็คและธนาคารตามเช็คจะพิจารณาจ่ายเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนด เพราะไม่มีบทกฎหมายบังคับให้ต้องนำเช็คเข้าบัญชีต่อเมื่อเช็คถึงกำหนดสั่งจ่ายก่อน
บัญชีของจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายปิดไปแล้วก่อนที่เช็คพิพาทถึงกำหนด โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัลให้รับผิดใช้เงินตามเช็คได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และมาตรา 989 และเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดแล้วไม่มีการใช้เงิน จำเลยที่ 2ผู้รับอาวัลย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิต้องบอกกล่าวก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ห้างหุ้นส่วนจำกัดและหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดร่วมกันตามเช็คที่ออกโดยได้รับมอบอำนาจ
เช็คพิพาทสั่งจ่ายโดย ช. ผู้ได้รับมอบอำนาจให้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินแทนห้างฯ จำเลยที่ 1 และประทับตราของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามเช็คนั้น ส่วนจำเลยที่ 2ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยไม่มีจำกัดจำนวนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1077(2) ย่อมต้องรับผิดตามเช็คนั้นด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะส่วนตัวและในฐานะแทนจำเลยที่ 1 การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้ ช.เป็นผู้ลงลายมือชื่สั่งจ่ายและประทับตราแทนห้างจำเลยที่ 1 ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะเป็นการนำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดในหนี้ตามเช็ค และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คโดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะส่วนตัวและในฐานะแทนจำเลยที่ 1 การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้ ช.เป็นผู้ลงลายมือชื่สั่งจ่ายและประทับตราแทนห้างจำเลยที่ 1 ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะเป็นการนำสืบว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดในหนี้ตามเช็ค และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คผู้ถือ สลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) ผู้ถือมีสิทธิฟ้องภายใน 1 ปี
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่งมอบให้กันโดยไม่จำต้องสลักหลัง การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทขายลดให้แก่ธนาคาร ย่อมเป็นเพียงประกัน (อาวัล) จำเลยผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 เมื่อเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินไม่ได้ ธนาคารผู้รับซื้อเช็คจึงหักเงินจากบัญชีโจทก์และส่งเช็คกลับคืนมาให้โจทก์ครอบครอง โจทก์จึงเป็นผู้ถือ ย่อมเป็นผู้ทรงตาม มาตรา 904 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปีตามมาตรา 1002 กรณีไม่เข้ามาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์มิใช่ผู้สลักหลังตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คผู้ถือ การสลักหลังเป็นประกัน และสิทธิของผู้ทรง
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่งมอบ ให้กันโดยไม่จำต้องสลักหลัง การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทขายลดให้แก่ธนาคาร ย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล) จำเลยผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921,989 เมื่อเช็คพิพาท เรียกเก็บเงินไม่ได้ ธนาคารผู้รับซื้อเช็คจึงหักเงินจากบัญชีโจทก์และส่งเช็คกลับคืนมาให้โจทก์ครอบครองโจทก์จึงเป็นผู้ถือ ย่อมเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1002. กรณีไม่เข้ามาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์ มิใช่ผู้สลักหลังตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธเช็คก่อนกำหนดและผลต่อความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเมื่อผู้ทรงนำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินนั้น จะต้องเป็นการปฏิเสธเนื่องจากมีการยื่นให้ใช้เงินโดยชอบเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระแล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงนำเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้ออกเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คก่อนวันที่ลงในเช็ค ย่อมเป็นการยื่นให้ใช้เงินโดยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 989 ประกอบด้วยมาตรา 914 แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบัญชีของจำเลยถูกปิดมาก่อนที่จะมีการออกเช็ค ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่เช็คถึงกำหนด การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2525)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นเช็คก่อนกำหนดและการปฏิเสธการจ่ายเงิน: ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
การที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเมื่อผู้ทรงนำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินนั้น จะต้องเป็นการปฏิเสธเนื่องจากมีการยื่นให้ใช้เงินโดยชอบเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระแล้ว เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงนำเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้ออกเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คก่อนวันที่ลงในเช็คย่อมเป็นการยื่นให้ใช้เงินโดยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 989 ประกอบด้วยมาตรา 914 แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะบัญชีของจำเลยถูกปิดมาก่อนที่จะมีการออกเช็คก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่เช็คถึงกำหนด การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 (ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ค่าขายลดเช็คที่ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิของผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความระมัดระวังของผู้ซื้อเช็คลดราคา การชำระหนี้ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้อง
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)