คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 904

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คและการระบุตัวผู้เสียหายในคดีเช็ค - ผลของการสลักหลังและการมอบเช็คให้ผู้อื่น
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งให้รับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายโจทก์ร่วมยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังนี้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อรวมในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยรวมกันไปแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายก็ไม่มีประโยชน์ที่จะแยกสั่งคำร้องอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
เดิมโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็คพิพาท ซึ่งเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือต่อมาโจทก์ร่วมลงชื่อสลักหลังเช็คพิพาทมอบให้น.นำเข้าบัญชีของน.เพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทคืนจากน.แล้วร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดังนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ถือย่อมเป็นผู้ทรง แม้โจทก์ร่วมกับน.จะมีข้อตกลงกันเป็นอย่างอื่น ก็จะผูกพันเฉพาะโจทก์ร่วมกับ น.เท่านั้น เมื่อ น.ถือเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คน.ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย หาใช่โจทก์ร่วมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตของผู้ทรงเช็คพิพาท: การโอนเช็คโดยไม่ขอสลักหลังและพยานหลักฐาน
ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์เป็นผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทซึ่งออกให้แก่ผู้ถือมาจากผู้รับเงินโดยไม่ได้ขอให้ผู้รับเงินซึ่งโจทก์รู้จักดีสลักหลังหรือทำหลักฐานให้ไว้ทั้งที่โจทก์ไม่รู้จักจำเลยผู้สั่งจ่ายประกอบกับในคดีนี้โจทก์ก็ไม่ได้อ้างและนำสืบผู้รับเงินซึ่งเป็นพยานสำคัญมาสนับสนุนคำเบิกความของตนที่เบิกความลอยๆเป็นข้อพิรุธอันแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยสุจริตไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่ตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตขาดอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตโจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตไม่มีอำนาจเรียกร้องเงินตามเช็คได้
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็ค
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียก เงินจากจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การสันนิษฐานหน้าที่ชำระหนี้, การสลักหลังเช็คเพื่อประกัน, และการประวิงคดี
พยานที่มิได้เกี่ยวข้องกับข้อต่อสู้ในมูลคดีแต่จะนำเข้าสืบเพื่อประโยชน์แห่งคดีอื่นศาลงดสืบพยานนี้เสียได้เพราะเป็นการนำสืบพยานอันไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจำเลยมีหน้าที่นำสืบแต่ขอเลื่อนคดีหลายนัดติดต่อกันอ้างว่าตัวจำเลยป่วยบ้างทนายจำเลยป่วยบ้างหรือขอเลื่อนคดีอ้างว่าจะเจรจากับโจทก์เพื่อตรวจสอบหนี้สินแต่จำเลยก็มิได้ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดเมื่อศาลชั้นต้นสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในวันนัดจำเลยนำพยานเข้าสืบแล้วขอเลื่อนคดีพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการประวิงคดีศาลสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและตัดพยานจำเลยได้ จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทต้องสันนิษฐานว่าได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้หากจำเลยจะอ้างว่าได้ออกเช็คเพื่อวัตถุประสงค์อื่นจำเลยต้องมีหน้าที่นำสืบ เช็คพิพาทเป็นเช็คผู้ถือซึ่งจำเลยสั่งจ่ายมอบให้โจทก์โจทก์นำไปแลกเงินจากส. โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทไว้อันเป็นการประกัน(อาวัล)สำหรับจำเลยผู้สั่งจ่ายเมื่อโจทก์ได้ใช้เงินตามเช็คและรับเช็คคืนมาจากส. เพราะธนาคารตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินโจทก์ก็นับได้ว่าเป็นผู้ทรงเช็คนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีมูลหนี้ และการประวิงคดีตัดพยานได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกจำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจานัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบแต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียวส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้าถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบนัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ4ปากแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก2ปากซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้นก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดีชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว. จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น. โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจากส.ให้จำเลยโดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมาเช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: จำเลยต้องนำสืบพิสูจน์การไม่มีมูลหนี้เมื่อออกเช็ค หากไม่อาจพิสูจน์ได้ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจา นัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ แต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้า ถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบ นัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ 4 ปาก แล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก 2 ปาก ซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้น ก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้ และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดี ชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2111-2112/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลิกสัญญาก่อนเช็คถึงกำหนด สิทธิเรียกร้องเช็คสิ้นสุด โจทก์รับโอนเช็คโดยไม่สุจริต
จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับส.โดยส.มิได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นและได้ออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้ส.เพื่อเป็นการชำระราคาส่วนหนึ่งตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นก่อนเช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินจำเลยไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือแก่ส.ส.จึงมีหนังสือทวงให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดินตามสัญญาทั้งหมดหากไม่ชำระภายในกำหนดจะถือว่าสละสิทธิตามสัญญาทั้งหมดหลังจากนั้นได้มีการตกลงกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่สัญญาต่อมาฝ่ายจำเลยมีหนังสือทวงเช็คพิพาทคืนโดยอ้างถึงหนังสือของส.ว่าได้มีการยกเลิกสัญญาจะซื้อขายแล้วส.จึงมีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายมาเป็นครั้งที่สองและขอให้จำเลยนำเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับไปชำระให้ดังนี้เห็นได้ว่าทั้งส.และจำเลยต่างได้ตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวกันแล้วจึงทำให้สัญญาจะซื้อขายเลิกกันและคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อนที่จะมีการทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา391ส.จึงต้องคืนเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้แก่จำเลยจะยึดถือเช็คไว้หรือเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่ดังนั้นเมื่อส.โอนเช็คพิพาทให้โจทก์โดยกรรมการผู้จัดการของโจทก์เข้าไปเกี่ยวข้องและรับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินระหว่างส.กับจำเลยมาโดยตลอดเป็นลำดับจนกระทั่งมีการตกลงเลิกสัญญากันทำให้เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และส.ต้องคืนให้จำเลยดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากส.โดยไม่สุจริตและการโอนเช็คระหว่างส.กับโจทก์มีขึ้นโดยคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คจำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คนั้นต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2111-2112/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลิกสัญญาซื้อขายที่ดินก่อนเช็คถึงกำหนด สิทธิเรียกร้องเช็คเป็นอันสิ้นสุด โจทก์รับโอนเช็คโดยไม่สุจริต
จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับ ส.โดยส.มิได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น และได้ออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ล่วงหน้ามอบให้ ส.เพื่อเป็นการชำระราคาส่วนหนึ่งตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นก่อนเช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงิน จำเลยไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือแก่ ส.ส.จึงมีหนังสือทวงให้จำเลยชำระเงินค่าที่ดินตามสัญญาทั้งหมดหากไม่ชำระภายในกำหนดจะถือว่าสละสิทธิตามสัญญาทั้งหมดหลังจากนั้นได้มีการตกลงกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายและได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายให้แก่บุคคลภายนอกที่มิใช่คู่สัญญาต่อมาฝ่ายจำเลยมีหนังสือทวงเช็คพิพาทคืนโดยอ้างถึงหนังสือของส.ว่าได้มีการยกเลิกสัญญาจะซื้อขายแล้ว ส. จึงมีหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายมาเป็นครั้งที่สองและขอให้จำเลยนำเงินตามเช็คพิพาททั้งสามฉบับไปชำระให้ดังนี้เห็นได้ว่าทั้งส.และจำเลยต่างได้ตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวกันแล้ว จึงทำให้สัญญาจะซื้อขายเลิกกัน และคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อนที่จะมีการทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ส. จึงต้องคืนเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้แก่จำเลย จะยึดถือเช็คไว้หรือเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาทโดยอ้างว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่ดังนั้นเมื่อ ส. โอนเช็คพิพาทให้โจทก์ โดยกรรมการผู้จัดการของโจทก์เข้าไปเกี่ยวข้องและรับทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินระหว่างส.กับจำเลยมาโดยตลอดเป็นลำดับจนกระทั่งมีการตกลงเลิกสัญญากันทำให้เช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้และ ส.ต้องคืนให้จำเลยดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากส.โดยไม่สุจริตและการโอนเช็คระหว่างส. กับโจทก์มีขึ้นโดยคบคิดกันฉ้อฉลโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยไม่ต้องรับผิดตามเช็คนั้นต่อโจทก์
of 30