พบผลลัพธ์ทั้งหมด 297 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คของผู้ถือ การโอนเช็คโดยสุจริต และสิทธิของผู้ทรงเช็คในการเรียกร้องจากผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่าย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียก ส.เข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (3) โดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่ ส. และได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การไม่ปรากฏว่า ส. เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทจึงไม่มีกรณีที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ ส.ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน ส.ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คพิพาทคนใดเลย ไม่มีความผูกพันร่วมกับจำเลยที่จะต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่จะเรียก ส.เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกับฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใด อันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. แล้ว แต่ ส.ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตาม การที่ ส.ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้ โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกับฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใด อันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. แล้ว แต่ ส.ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตาม การที่ ส.ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้ โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คออกให้ผู้ถือ การต่อสู้สิทธิของผู้ทรงเช็ค และการเรียกจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่าย จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียก ส. เข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) โดยอ้างว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่ ส. และได้ชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส. ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากศาลพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยจำเป็นต้องฟ้อง ส. เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ย ดังนี้ เมื่อตามคำฟ้องและคำให้การไม่ปรากฏว่าส. เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาท จึงไม่มีกรณีที่จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ ส.ตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงินส.ไม่ต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คพิพาทคนใดเลย ไม่มีความผูกพันร่วมกับจำเลยที่จะต้องชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์จึงไม่มีเหตุที่จะเรียก ส. เข้ามาเป็นจำเลยร่วม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใดอันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดกันฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส.แล้วแต่ส. ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตามการที่ ส. ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยผู้สั่งจ่ายมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์ผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทมาด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ทั้งคำให้การก็มิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ใด ด้วยวิธีใดอันจะถือได้ว่าเป็นการคบคิดกันฉ้อฉล จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้อื่นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล คดีจึงไม่มีประเด็นว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทด้วยการคบคิดกันฉ้อฉล ดังนั้นในเบื้องต้นจึงจะต้องถือว่าโจทก์รับเช็คพิพาทมาโดยสุจริต แม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การว่า จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่ ส.แล้วแต่ส. ไม่คืนเช็คพิพาทให้ก็ตามการที่ ส. ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริต จำเลยก็ไม่อาจต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ ส. ได้ ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นได้งดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2485/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คและการเปลี่ยนมือของเช็คขีดคร่อมทั่วไป
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป สั่งจ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 หรือผู้ถือ ย่อมเปลี่ยนมือได้ เมื่อจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 3 ได้ทำสัญญาขายลดเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวให้โจทก์ โดยได้สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับโอนให้โจทก์และโจทก์ได้ชำระเงินค่าขายลดเช็คให้จำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2485/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้ทรงเช็คหลังการซื้อขายลดเช็คและสลักหลัง การเปลี่ยนมือของเช็ค
เช็คพิพาทเป็นเช็คขีดคร่อมทั่วไป สั่งจ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 หรือผู้ถือ ย่อมเปลี่ยนมือได้ เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้ทำสัญญาขายลดเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวให้โจทก์ โดยได้สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวให้โจทก์ โดยได้สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับโอนให้โจทก์และโจทก์ได้ชำระเงินค่าขายลดเช็คให้จำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คชำระหนี้และการปฏิเสธการจ่ายเงิน: โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ทรงเช็คผู้ถือแล้วโอนเช็คชำระหนี้แก่ผู้อื่นไปผู้รับโอนนำเช็คเข้าบัญชี ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเจ้าหนี้คืนเช็คแก่โจทก์โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คในขณะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่เป็นวันความผิดเกิดขึ้นแม้โจทก์ยังต้องรับผิดในหนี้ระหว่างโจทก์กับผู้คืนเช็คโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คโดยไม่ได้รับมอบอำนาจ และความรับผิดของผู้สั่งจ่ายเช็ค
เช็คระบุชื่อบริษัทจำเลยที่ 5 เป็นผู้รับเงิน โดยขีดฆ่าคำว่า'หรือผู้ถือ' ออก จำเลยที่ 3 ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัทแต่ได้สลักหลังเช็คนั้นและประทับตราบริษัทโดยมิได้รับมอบอำนาจ ถือไม่ได้ว่าเป็น การกระทำของบริษัทผู้ทรงเช็ค การสลักหลังดังกล่าวจึงเป็นการกระทำ โดยปราศจากอำนาจ เมื่อโจทก์ไม่สามารถแสดงให้ปรากฏสิทธิด้วยการ สลักหลังไม่ขาดสายได้เช่นนี้ แม้โจทก์จะมีเช็คพิพาทไว้ในความครอบครอง ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ให้จำเลยที่ 7 ผู้สั่งจ่ายใช้เงินตามเช็คได้
จำเลยที่ 8 ออกเช็คผู้ถือ แม้จะใช้ชื่อในบัญชีธนาคารเป็นอย่างอื่นก็ตาม แต่เมื่อได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งธนาคารให้จ่ายเงินตามเช็คแล้ว จำเลยที่ 8 ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นและจะอ้างข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะตนกับจำเลยที่ 5 ว่าจำเลยออกเช็คให้เป็นการค้ำประกันต่อจำเลยที่ 5 มาใช้ยันโจทก์ผู้ทรงเช็คหาได้ไม่
จำเลยที่ 8 ออกเช็คผู้ถือ แม้จะใช้ชื่อในบัญชีธนาคารเป็นอย่างอื่นก็ตาม แต่เมื่อได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งธนาคารให้จ่ายเงินตามเช็คแล้ว จำเลยที่ 8 ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นและจะอ้างข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะตนกับจำเลยที่ 5 ว่าจำเลยออกเช็คให้เป็นการค้ำประกันต่อจำเลยที่ 5 มาใช้ยันโจทก์ผู้ทรงเช็คหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจากเงินสลากกินรวบ: สัญญาเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาทจากสัญญาซื้อขายสลากเถื่อนเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คทราบเหตุไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและการเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาเช็ค การสลักหลังเช็คทำให้ผู้รับสลักหลังเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย
จำเลยออกเช็คจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็ค และส่งมอบเช็คให้ ช. ช. นำเช็คไปเข้าบัญชีของตน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ช. คืนเช็คให้โจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมองเช็คให้แก่ ช. ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแก่เช็คนั้นแก่ ช. แล้ว ช. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อ ช. เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ช. จึงเป็นผู้เสียหาย การที่ ช. คือเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและผู้เสียหายในคดีเช็ค ผู้รับสลักหลังเป็นผู้เสียหายโดยตรง
จำเลยออกเช็คจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ช.ช.นำเช็คไปเข้าบัญชีของตนแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินช.คืนเช็คให้โจทก์ดังนี้ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้แก่ช.ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นแก่ ช.แล้วช.จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อช.เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ช.จึงเป็นผู้เสียหายการที่ช.คืนเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย