คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 190

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลบหนีเป็นสำคัญ: แม้ไม่มีผู้คุม แต่หากไม่มีเจตนาหลบหนีก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190
ความผิดฐานหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 นั้น จะต้องมีเจตนาหลบหนีด้วยฉะนั้น เมื่อจำเลยซึ่งเป็นนักโทษต้องคุมขังตามอำนาจของศาลป่วยเป็นโรคประสาทได้รับอนุญาตจากพัสดีให้ไปรักษาตัว ณ โรงพยาบาลนอกเรือนจำ โดยมีผู้คุมไปด้วยแม้ขณะกลับเรือนจำจะไม่มีผู้คุมควบคุมตัวจำเลยก็ตามจำเลยก็ยังหามีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล่อยตัวนักโทษซื้อของโดยไม่มีผู้ควบคุม ไม่ถือเป็นหลบหนี
นักโทษออกไปซื้อของในตลาดตามคำสั่งของพัสดีโดยไม่มีผู้ควบคุมไม่มีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลบหนีที่คุมขัง: การหนีเป็นสำคัญ ไม่ใช่การควบคุมตัว
จำเลยซึ่งเป็นนักโทษออกไปซื้อของในตลาดตามคำสั่งของพัศดีโดยไม่มีผู้ควบคุมตัวไป และไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเจตนาจะหลบหนี จำเลยไม่มีความผิดฐานหลบหนีที่คุมขับ
องค์สำคัญของความผิดฐานหลบหนีที่คุมขังตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 190 อยู่ที่การหนีไป ไม่ใช่อยู่ที่การควบคุมตัวอย่างเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้กระทำผิดในสถานอบรมฯ ต้องมีคำสั่งคณะกรรมการทุก 3 เดือน หากไม่มีคำสั่ง การควบคุมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 43 ข้อ 1 ส่งตัวจำเลยซึ่งประพฤติตนเป็นอันธพาลไปยังสถานอบรมและฝึกอาชีพแล้ว ต่อไปก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดังกล่าวข้อ2 ที่จะต้องมีคำสั่งทุกๆ สามเดือนว่าจะคงให้ควบคุมจำเลยไว้หรือปล่อยตัวไป การที่ควบคุมตัวจำเลยไว้เมื่อพ้นสามเดือนแล้ว โดยที่คณะกรรมการไม่ได้มีคำสั่งจึงเป็นการควบคุมที่ไม่ชอบตามประกาศดังกล่าว. จำเลยหลบหนีจึงไม่มีความผิด หาใช่ว่าเมื่อไม่มีคำสั่งก็ให้ถือว่าควบคุมได้ตลอดไปไม่ เพราะหากตีความเช่นนั้นแล้ว ระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้คณะกรรมการมีคำสั่งทุกๆสามเดือนก็จะไร้ความหมาย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16-17/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้กระทำผิดอาญาในสถานอบรมฯ ต้องมีคำสั่งคณะกรรมการทุก 3 เดือน หากไม่มีคำสั่งควบคุมต่อไป การควบคุมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ว่าราชการจังหวัดอาศัยอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 43 ข้อ 1 ส่งตัวจำเลยซึ่งประพฤติตนเป็นอันธพาลไปยังสถานอบรมและฝึกอาชีพแล้ว ต่อไปก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศดัรงกล่าวข้อ 2 ที่จะต้องมีคำสั่งทุก ๆ สามเดือนว่า จะคงให้ควบคุมจำเลยไว้หรือปล่อยตัวไป การที่ควบคุมตัวจำเลยไว้เมื่อพ้นสามเดือนแล้ว โดยที่คณะกรรมการไม่ได้มีคำสั่ง จึงเป็นการควบคุมที่ไม่ชอบตามประกาศดังกล่าว จำเลยหลบหนีจึงไม่มีผิด หาใช่ว่าเมื่อไม่มีคำสั่งก็ให้ถือว่าควบคุมได้ตลอดไปไม่ เพราะหากตีความเช่นนั้นแล้ว ระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้คณะกรรมการมีคำสั่งทุก ๆ สามเดือนก็จะไร้ความหมาย
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16-17/2505

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีใหม่หลังหลบหนีคดีเดิม ห้ามหักวันต้องขังซ้ำซ้อน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิม และถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีหลบหนีการควบคุม: ห้ามหักวันต้องขังซ้อนกัน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิมและถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดและจะหลบหนี
จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย เช่นนี้แม้จะไม่มีหมายจับ ก็ย่อมจับจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยและอำนาจตามกฎหมาย
จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย เช่นนี้ แม้จะไม่มีหมายจับ ก็ย่อมจับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 (3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้แล้ว แจ้งข้อหาให้ทราบ และว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งชิงของกลางเพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิด ไม่ถือเป็นปล้นทรัพย์ แต่ผิดฐานช่วยเหลือ
ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องในรายละเอียดนั้นย่อมทำได้เสมอ เว้นแต่จำเลยจะ+ลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือที่มิได้กล่าวไว้นั้น,
จำเลยเข้าแย่งชิงของกลางหากตำรวจเพื่อจะเอาทำลาย ไม่ตั้งใจเอาไปเพื่อประโยชน์ตนหรือผู้อื่นโดยเพื่อจะช่วยเหลือผู้ทำผิดในเรื่องมีของกลางนั้นดังนี้จำเลยไม่มีผิดฐานปล้นทรัพย์+มีผิดตาม ม.120,122,154.
of 3