คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 237

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 568 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2855/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน: คดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ 4 อันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ตามฟ้องของโจทก์มิได้เรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นของโจทก์ เพียงแต่ขอให้ที่ดินกลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้ตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำระหว่างคู่ความในคดี
บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี จะเข้ามาเป็นคู่ความได้ก็แต่ด้วยการร้องสอดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลได้พิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว ถึงหากสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยจะเป็นนิติกรรมอันลูกหนี้ (จำเลย) ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้ (ผู้ร้อง) เสียเปรียบ ซึ่งศาลอาจเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ก็จะต้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลนั้น จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2593/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลภายนอกคดี ไม่มีสิทธิร้องขอเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่คู่ความในคดี จะเข้ามาเป็นคู่ความได้ก็แต่ด้วยการร้องสอดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลได้พิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว ถึงหากสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยจะเป็นนิติกรรมอันลูกหนี้ (จำเลย) ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้ (ผู้ร้อง) เสียเปรียบ ซึ่งศาลอาจเพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ก็จะต้องฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการฉ้อฉลนั้น จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนในคดีซึ่งตนมิได้เป็นคู่ความหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินหนีเจ้าหนี้: เพิกถอนนิติกรรมได้หากผู้โอนและผู้รับทราบดีว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
จำเลยที่ 2 ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแทนจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและจำเลยที่ 2 ผู้รับโอนได้รู้เท่าถึงความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อก่อนในสัญญาเช่า: ไม่ผูกพันหลังสัญญาหมดอายุและสิทธิเกิดเฉพาะเมื่อขายก่อนครบกำหนด
การที่สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีความว่า 'ถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ใดก่อนครบกำหนดการเช่าตามสัญญาแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวออกจากทรัพย์สินที่เช่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือนและผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายแก่ผู้ใดเป็นเงินเท่าใด เพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อได้ก่อนในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควร' นั้นหาใช่ให้สิทธิผู้เช่าที่จะซื้อทรัพย์สินที่เช่าได้ก่อนบุคคลอื่นตลอดไปไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่3 ขายที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยที่ 4 หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าขายทรัพย์สินที่เช่าแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพร้อมตึกแถวรายพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อก่อนตามสัญญาเช่า: ไม่ผูกพันหลังสัญญาหมดอายุและไม่มีสิทธิเรียกร้อง
การที่สัญญาเช่าข้อหนึ่งมีความว่า "ถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ใดก่อนครบกำหนดการเช่าตามสัญญาแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวออกจากทรัพย์สินที่เช่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน และผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายแก่ผู้ใด เป็นเงินเท่าใด เพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อได้ก่อนในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควร" นั้น หาใช่ให้สิทธิผู้เช่าที่จะซื้อทรัพย์สินที่เช่าได้ก่อนบุคคลอื่นตลอดไปไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่3 ขายที่ดินพร้อมตึกแถวพิพาทให้แก่จำเลยที่ 4 หลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าขายทรัพย์สินที่เช่าแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพร้อมตึกแถวรายพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบและการรับช่วงสิทธิจำนอง
โจทก์ยอมถอนการยึดทรัพย์พิพาทที่ยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาก็เพื่อให้จำเลยนำไปขายแก่บุคคลทั่วไป มิได้เจาะจงให้ขายแก่ผู้ร้องเพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผู้ร้องรู้อยู่ก่อนทำสัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาทจากจำเลยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การที่จำเลยตกลงขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้อง โดยโจทก์มิได้ยินยอมให้ผู้ร้องหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ก่อนจนเหลือเงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการที่จำเลยได้ขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและผู้ร้องได้รู้เท่าถึงความจริงโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
การที่ผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้ธนาคาร ก. แทนจำเลยเป็นการไถ่ถอนจำนองทรัพย์พิพาทจนเป็นที่พอใจของธนาคาร ก. และธนาคาร ก.ได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้จำเลยแล้ว ผู้ร้องย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจำนองของธนาคาร ก. ที่มีอยู่เหนือทรัพย์พิพาทในอันที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์พิพาทก่อนหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 226, และ 229(2)
แม้ตามคำร้องและคำให้การของโจทก์จะมีประเด็นเพียงว่าผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น แต่การที่ผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้ และผู้รับช่วงสิทธิจำนอง
โจทก์ยอมถอนการยึดทรัพย์พิพาทที่ยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็เพื่อให้จำเลยนำไปขายแก่บุคคลทั่วไป มิได้เจาะจงให้ขายแก่ผู้ร้อง เพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผู้ร้องรู้อยู่ก่อนทำสัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาทจากจำเลยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การที่จำเลยตกลงขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้อง โดยโจทก์มิได้ยินยอมให้ผู้ร้องหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ก่อนจนเหลือเงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการที่จำเลยได้ขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและผู้ร้องได้รู้เท่าถึงความจริงโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
การที่ผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้ธนาคาร ก. แทนจำเลยเป็นการไถ่ถอนจำนองทรัพย์พิพาทจนเป็นที่พอใจของธนาคาร ก. และธนาคาร ก. ได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้จำเลยแล้ว ผู้ร้องย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจำนองของธนาคาร ก. ที่มีอยู่เหนือทรัพย์พิพาทในอันที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์พิพาทก่อนหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226, และ 229(2)
แม้ตามคำร้องและคำให้การของโจทก์จะมีประเด็นเพียงว่าผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น แต่การที่ผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ. ศาลย่อมวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและรู้ถึงความเสียเปรียบของเจ้าหนี้
การที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2และ ที่ 3โดยไม่โอนขายให้โจทก์ก่อนตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมเป็นการทำนิติกรรมทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 และขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2010/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน - สัญญาประนีประนอมยอมความ - เจ้าหนี้เสียเปรียบ - มาตรา 237
การที่จำเลยที่ 1 โอนขายที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 และ ที่ 3 โดยไม่โอนขายให้โจทก์ก่อนตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมเป็นการทำนิติกรรมทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 และขอให้บังคับจำเลยที่ 1 โอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ได้
of 57