คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 237

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 568 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ ถือเป็นการเสียเปรียบเจ้าหนี้และเพิกถอนได้
นิติกรรมการโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องได้ทำเป็นการยกให้โดยเสน่หา ดังนี้ ที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ชำระหนี้แทนบิดาและจำเลยผู้โอนซึ่งเป็นมารดา จะถือว่าเป็นค่าตอบแทนโดยตรงหาได้ไม่ การที่บุตรชำระหนี้แทนบิดามารดาเป็นหน้าที่ทางศีลธรรมประการหนึ่ง ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงประเภทนิติกรรมให้เป็นอื่นไปได้ ฉะนั้น การที่จำเลยโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องเพียงแต่จำเลยและสามีรู้ฝ่ายเดียวว่า เป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบก็พอแล้วที่จะเพิกถอนการโอนได้ ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยยังมีที่ดินอีกแปลงหนึ่ง ก็ปรากฏว่าจำเลยมีเจ้าหนี้อื่นอีกหลายราย บางรายก็ยังฟ้องร้องอยู่ ราคาที่ดินที่ว่าก็ยังโต้เถียงกันไม่แน่ว่าทรัพย์สินของจำเลยจะพอชำระหนี้ครบถ้วนหรือไม่ ดังนี้ ถือว่าการที่จำเลยโอนที่ดินให้ผู้ร้อง เป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 291/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ ถือเป็นการเสียเปรียบเจ้าหนี้และอาจถูกเพิกถอนได้
นิติกรรมการโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องได้ทำเป็นการยกให้โดยเสน่หาดังนี้ ที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ชำระหนี้แทนบิดาและจำเลยผู้โอนซึ่งเป็นมารดาจะถือว่าเป็นค่าตอบแทนโดยตรงหาได้ไม่ การที่บุตรชำระหนี้แทนบิดามารดาเป็นหน้าที่ทางศีลธรรมประการหนึ่ง ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงประเภทนิติกรรมให้เป็นอื่นไปได้ ฉะนั้น การที่จำเลยโอนที่ดินรายพิพาทให้ผู้ร้องเพียงแต่จำเลยและสามีรู้ฝ่ายเดียวว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบก็พอแล้วที่จะเพิกถอนการโอนได้ ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยยังมีที่ดินอีกแปลงหนึ่งก็ปรากฏว่าจำเลยมีเจ้าหนี้อื่นอีกหลายราย บางรายก็ยังฟ้องร้องอยู่ราคาที่ดินที่ว่าก็ยังโต้เถียงกัน ไม่แน่ว่าทรัพย์สินของจำเลยจะพอชำระหนี้ครบถ้วนหรือไม่ ดังนี้ ถือว่าการที่จำเลยโอนที่ดินให้ผู้ร้องเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมโดยปริยายในการกู้ยืมและฉ้อฉลเจ้าหนี้: ผลผูกพันสินสมรสและการบังคับคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลย รู้เห็นการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยและได้ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยขายบ้านพิพาทให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยกู้ยืมจากโจทก์ ดังนี้ ถือเท่ากับว่าผู้ร้องอนุญาตให้จำเลยทำนิติกรรมกู้เงินโจทก์โดยปริยายแล้ว นิติกรรมการกู้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์จึงผูกพันสินบริคณห์ระหว่างจำเลยและผู้ร้อง ผู้ร้องไม่มีสิทธิบอกล้าง การที่จำเลยร่วมมือกับผู้ร้องแกล้งจำหน่ายบ้านพิพาทให้ตกเป็นของผู้ร้องในการหย่ากันมิให้เป็นสินบริคณห์ต่อไป โดยรู้อยู่ว่าทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 327 โจทก์มีสิทธินำยึดบ้านพิพาทมาดำเนินการบังคับคดีเอาชำระหนี้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมโดยปริยายในการกู้ยืมและการฉ้อฉลเจ้าหนี้: ผลกระทบต่อการบังคับคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลย รู้เห็นการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยและได้ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยขายบ้านพิพาทให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยกู้ยืมจากโจทก์ ดังนี้ ถือเท่ากับว่าผู้ร้องอนุญาตให้จำเลยทำนิติกรรมกู้เงินโจทก์โดยปริยายแล้วนิติกรรมการกู้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์จึงผูกพันสินบริคณห์ระหว่างจำเลยและผู้ร้องผู้ร้องไม่มีสิทธิบอกล้างการที่จำเลยร่วมมือกับผู้ร้องแกล้งจำหน่ายบ้านพิพาทให้ตกเป็นของผู้ร้องในการหย่ากันมิให้เป็นสินบริคณห์ต่อไป โดยรู้อยู่ว่าทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 327
โจทก์มีสิทธินำยึดบ้านพิพาทมาดำเนินการบังคับคดีเอาชำระหนี้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมโดยปริยายและการฉ้อฉลเจ้าหนี้: ผลผูกพันต่อสินสมรสและการบังคับคดี
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจำเลย รู้เห็นการกู้ยืมระหว่างโจทก์จำเลยและได้ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยขายบ้านพิพาทให้โจทก์เกี่ยวกับการที่จำเลยกู้ยืมจากโจทก์. ดังนี้ ถือเท่ากับว่าผู้ร้องอนุญาตให้จำเลยทำนิติกรรมกู้เงินโจทก์โดยปริยายแล้ว. นิติกรรมการกู้ที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์จึงผูกพันสินบริคณห์ระหว่างจำเลยและผู้ร้อง. ผู้ร้องไม่มีสิทธิบอกล้าง. การที่จำเลยร่วมมือกับผู้ร้องแกล้งจำหน่ายบ้านพิพาทให้ตกเป็นของผู้ร้องในการหย่ากันมิให้เป็นสินบริคณห์ต่อไป โดยรู้อยู่ว่าทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ. เป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 327. โจทก์มีสิทธินำยึดบ้านพิพาทมาดำเนินการบังคับคดีเอาชำระหนี้โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: การฉ้อฉลเจ้าหนี้และการบังคับคดี
หลังจากที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์.ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีก ดังนี้ การที่จำเลยซื้อที่พิพาทแล้วยกให้ผู้ร้อง จึงเป็นการกระทำที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้โจทก์กระทำลงโดยรู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลเจ้าหนี้โดยการโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินได้
หลังจากที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีก ดังนี้ การที่จำเลยซื้อที่พิพาทแล้วยกให้ผู้ร้องจึงเป็นการกระทำที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้โจทก์กระทำลงโดยรู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฉ้อฉลเจ้าหนี้หลังมีคำพิพากษา: การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้
หลังจากที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์.ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นอีก. ดังนี้ การที่จำเลยซื้อที่พิพาทแล้วยกให้ผู้ร้อง. จึงเป็นการกระทำที่จำเลยผู้เป็นลูกหนี้โจทก์กระทำลงโดยรู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ. เป็นการฉ้อฉลโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237. โจทก์มีสิทธินำยึดที่พิพาทมาบังคับคดีชำระหนี้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมรับชำระหนี้ภายหลังผิดสัญญา ทำให้สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมหมดไป
แม้จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญา รับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลย โดยรับเช็คจากจำเลยที่ 2 ไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริต สมยอมกันทำการฉ้อกลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมรับชำระหนี้บางส่วนของผู้ขาย ทำให้สิทธิเรียกร้องการเพิกถอนการซื้อขายไม้จากผู้ซื้อรายใหม่หมดไป
แม้จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญารับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลย โดยรับเช็คจากจำเลยที่ 2 ไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริตสมยอมกันทำการฉ้อฉลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้หาได้ไม่
of 57