พบผลลัพธ์ทั้งหมด 568 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับซื้อขาย แม้ยังไม่ได้โอน-ไถ่ถอนจำนอง ยึดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาเป็นโมฆะ
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้อง ตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจงและสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็นอย่างอื่นมิได้ คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้าง รวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่งทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อจะขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิความเป็นเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่มีการโอนจริง ยึดทรัพย์หลังมีสิทธิแล้วทำไม่ได้
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจง และสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็น อย่างอื่นมิได้คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็น เจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้างรวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่ง ทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์ จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริตทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ศาลมีอำนาจเพิกถอนนิติกรรมได้
จำเลยซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริต และใช้สิทธิโดยมิชอบเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237(อ้างฎีกาที่ 1145/2495 และ 1138/2507)
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่า การจดทะเบียนโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เป็นไปโดยไม่สุจริต เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาท ทั้งนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า อย่างน้อย จำเลยก็ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น(อ้างฎีกาที่ 228/2506)
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่า การจดทะเบียนโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เป็นไปโดยไม่สุจริต เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาท ทั้งนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า อย่างน้อย จำเลยก็ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น(อ้างฎีกาที่ 228/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริตทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมได้
จำเลยซื้อที่พิพาทโดยไม่สุจริต และใช้สิทธิโดยมิชอบ เป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่พิพาทเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 (อ้างฎีกาที่ 1145/2495 และ 1138/2507)
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่า การจดทะเบียนโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เป็นไปโดยไม่สุจริต เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาท ทั้งนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า อย่างน้อย จำเลยก็ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น
(อ้างฎีกาที่ 228/2506)
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงว่า การจดทะเบียนโอนที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เป็นไปโดยไม่สุจริต เป็นทางเสียเปรียบแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่พิพาท ทั้งนี้ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า อย่างน้อย จำเลยก็ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ไม่นอกฟ้องนอกประเด็น
(อ้างฎีกาที่ 228/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมฉ้อฉลเจ้าหนี้และการซื้อขายโดยไม่สุจริต ส่งผลให้คำร้องขัดทรัพย์เป็นโมฆะ
โจทก์คัดค้านคำร้องขัดทรัพย์ และขอให้ยกคำร้อง
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยยกทรัพย์ให้บุตรเป็นการฉ้อฉลทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบและบุตรเอาทรัพย์นี้ไปขายให้ผู้ร้อง ซึ่งรับซื้อไว้โดยไม่สุจริต ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์เสีย
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยยกทรัพย์ให้บุตรเป็นการฉ้อฉลทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบและบุตรเอาทรัพย์นี้ไปขายให้ผู้ร้อง ซึ่งรับซื้อไว้โดยไม่สุจริต ศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์ฉ้อฉลเจ้าหนี้และการซื้อขายโดยผู้รับซื้อไม่สุจริต ทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิในทรัพย์
โจทก์คัดค้านคำร้องขัดทรัพย์ และขอให้ยกคำร้อง
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยยกทรัพย์ให้บุตรเป็นการฉ้อฉลทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และบุตรเอาทรัพย์นี้ไปขายให้ผู้ร้อง ซึ่งรับซื้อไว้โดยไม่สุจริตศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์เสีย
เมื่อฟังได้ว่าจำเลยยกทรัพย์ให้บุตรเป็นการฉ้อฉลทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ และบุตรเอาทรัพย์นี้ไปขายให้ผู้ร้อง ซึ่งรับซื้อไว้โดยไม่สุจริตศาลย่อมพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ก่อนล้มละลายและการเพิกถอนหนี้เพื่อความเป็นธรรมแก่เจ้าหนี้รายอื่น
ในกรณีที่ลูกหนี้มิได้ถูกฟ้องคดีล้มละลาย หากลูกหนี้เลือกชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเจ้าหนี้รู้แล้วว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ เจ้าหนี้อื่นอาจขอให้ศาลเพิกถอนได้ ตามฎีกาที่ 1130 - 1131/2505
ในกรณีที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การที่ลูกหนี้เลือกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใด แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมีคำบังคับให้ชำระหนี้แล้วก็ตาม โดยลูกหนี้ไม่มีทรัพย์พอจะชำระหนี้รายอื่นได้ อันทำให้เจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นแล้ว ก็อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
ในกรณีที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การที่ลูกหนี้เลือกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใด แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมีคำบังคับให้ชำระหนี้แล้วก็ตาม โดยลูกหนี้ไม่มีทรัพย์พอจะชำระหนี้รายอื่นได้ อันทำให้เจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นแล้ว ก็อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2509).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยเจตนาเลือกปฏิบัติทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ ศาลเพิกถอนการชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
ในกรณีที่ลูกหนี้มิได้ถูกฟ้องคดีล้มละลาย หากลูกหนี้เลือกชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเจ้าหนี้รู้แล้วว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้อื่นเสียเปรียบ เจ้าหนี้อื่นอาจขอให้ศาลเพิกถอนได้ ตามฎีกาที่ 1130,1131/2505
ในกรณีที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การที่ลูกหนี้เลือกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใด แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมีคำบังคับให้ชำระหนี้แล้วก็ตามโดยลูกหนี้ไม่มีทรัพย์พอจะชำระหนี้รายอื่นได้ อันทำให้เจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นแล้วก็อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2509)
ในกรณีที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การที่ลูกหนี้เลือกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใด แม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและมีคำบังคับให้ชำระหนี้แล้วก็ตามโดยลูกหนี้ไม่มีทรัพย์พอจะชำระหนี้รายอื่นได้ อันทำให้เจ้าหนี้ที่ได้รับชำระหนี้ได้เปรียบเจ้าหนี้รายอื่นแล้วก็อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 115(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเพิกถอนได้
ที่พิพาทเป็นของจำเลย จำเลยยอมให้ผู้ร้องไปขอออกโฉนดที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องโดยเสน่หา โดยที่จำเลยรู้อยู่ว่าจะทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เพราะจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นจะชำระหนี้อีก แม้ผู้ร้องจะไม่รู้ถึงความจริงว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ก็ไม่สำคัญ เพียงแต่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้รู้ฝ่ายเดียวก็พอแล้ว โจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้โอนทรัพย์สินโดยเสน่หาเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน เจ้าหนี้มีสิทธิเพิกถอนได้
ที่พิพาทเป็นของจำเลย. จำเลยยอมให้ผู้ร้องไปขอออกโฉนดที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ถือได้ว่าจำเลยได้ยกที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องโดยเสน่หาโดยที่จำเลยรู้อยู่ว่าจะทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเพราะจำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นจะชำระหนี้อีกแม้ผู้ร้องจะไม่รู้ถึงความจริงว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ก็ไม่สำคัญเพียงแต่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้รู้ฝ่ายเดียวก็พอแล้วโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนการให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237