คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 237

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 568 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ลูกหนี้และการขัดทรัพย์จากผู้รับขายฝาก: จำเป็นต้องฟ้องเพิกถอนนิติกรรมก่อนหรือไม่
โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้อง ๆ ขัดทรัพย์ว่าจำเลยได้ขายฝากไว้กับตนโดยชอบด้วยก.ม.โจทก์เถียงว่าการขายฝากระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไม่ชอบด้วย ก.ม. + ฯลฯ สัญญาอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่านิติกรรมการขายฝากนั้นทำขึ้นโดยสมยอมไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียเปรียบหรือไม่ โดยโจทก์ไม่ต้องไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมก่อนตาม ม.237 แห่ง ป.พ.พ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ลูกหนี้และการโต้แย้งว่าการขายฝากไม่สุจริต ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องฟ้องเพิกถอน
โจทก์ยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่าจำเลยได้ขายฝากไว้กับตนโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์เถียงว่าการขายฝากระหว่างจำเลยกับผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่สุจริตและทำให้โจทก์เสียเปรียบฯลฯสัญญาขายฝากใช้ไม่ได้ ดังนี้ศาลมีอำนาจที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่านิติกรรมการขายฝากนั้นทำขึ้นโดยสมยอมไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียเปรียบหรือไม่โดยโจทก์ไม่ต้องไปฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมก่อนตาม มาตรา 237 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในสาระสำคัญสัญญาเช่า ทำให้สัญญาเป็นโมฆะและได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
ข้อกำหนดในเรื่องค่าเช่าเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาเช่า เมื่อมีการสำคัญผิดขึ้น สัญญาเช่านั้นย่อมเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้หลังแพ้คดี ถือเป็นการฉ้อฉล
อำเภอชี้ขาดให้จำเลยชำระค่านายหน้าแก่โจทก์ จำเลยลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามสัญญายอมความของอำเภอ ต่อมาอีก 5 วันจำเลยจึงโอนขายที่ดินของจำเลยให้ผู้ร้อง สัญญาระบุว่าซื้อขาย แต่ความจริงไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลย ดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิก ถอนการฉ้อฉลได้ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 237./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อฉ้อฉลเจ้าหนี้หลังมีคำชี้ขาดคดี ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
อำเภอชี้ขาดให้จำเลยชำระค่านายหน้าแก่โจทก์ จำเลยลงชื่อยินยอมปฏิบัติตามสัญญายอมความของอำเภอ ต่อมาอีก 5 วันจำเลยจึงโอนขายที่ดินของจำเลยให้ผู้ร้อง สัญญาระบุว่าซื้อขาย แต่ความจริงไม่มีค่าตอบแทน ดังนี้
เมื่อจำเลยไม่ชำระค่านายหน้าให้โจทก์ๆ ฟ้องคดี จนศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมนำยึดที่ดินของจำเลยดังกล่าวเพื่อการบังคับคดีได้ เพราะการโอนให้ผู้ร้องดังกล่าว เป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ย่อมขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์ที่ไม่มีอำนาจ ไม่ต้องติดอายุความตามมาตรา 240
การเพิกถอนการฉ้อฉล ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 นั้น เป็นเรื่องเพิกถอนการโอนตามสิทธิที่มีอยู่ แต่ทำให้เจ้าหนี้ที่เสียเปรียบ ถ้าเป็นการโอนทรัพย์ที่ผู้โอนไม่ใช่เจ้าของเป็นการโอนโดยปราศจากอำนาจการเพิกถอนไม่จำต้องทำการใน1 ปี ตาม มาตรา 240

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้จากการส่งมอบที่ดิน และสิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเมื่อผู้ซื้อรายหลังรู้ถึงข้อเสียเปรียบ
มารดาทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขา โดยได้รับเงินค่าที่ดินนั้นไว้บางส่วน และส่งมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้ว ครั้นมารดาถึงแก่กรรมบุตรผู้เป็นทายาทได้ไปขอรับเงินค่าที่ดินนั้นเพิ่มเติมจากผู้ซื้อ และรับว่าจะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายที่ดินนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินให้แก่เขา แล้ว กลับเอาที่ดินนั้นไปขายแก่ญาติของตน โดยไปจดทะเบียนการซื้อขายกันที่อำเภอ เมื่อปรากฏว่าญาติผู้ซื้อรับโอนที่ดินรายนี้ไว้โดยไม่สุจริต ล่วงรู้ถึงพฤติการณ์อันทำให้ผู้ซื้อคนแรกผู้เป็นเจ้าหนี้ผู้ขายต้องเสียเปรียบแล้ว ผู้ซื้อคนแรกก็มีสิทธิที่จะขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายรายหลังนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมยอมกันไม่ขายที่ดินแล้วไปขายให้ผู้อื่น ผู้ซื้อเดิมมีสิทธิเรียกร้องให้โอนที่ดิน
สัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขาแล้ว กลับเอาไปขายแก่คนอื่น โดยสมยอมกันเพื่อจะไม่ขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ผู้ซื้อคนแรกมีสิทธิฟ้องผู้ขายและผู้ซื้อรายหลังขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายหลังเสียและขอให้ผู้ขายโอนที่ดินให้แก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขาย สิทธิของผู้ซื้อเดิม
สัญญาจะขายที่ดินให้แก่เขาแล้ว กลับเอาไปขายแก่คนอื่น โดยสมยอมกันเพื่อจะไม่ขายที่ดินให้ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้
ผู้ซื้อคนแรกมีสิทธิฟ้องผู้ขายและผู้ซื้อรายหลังขอให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายรายหลังเสีย และขอให้ผู้ขายโอนที่ดินให้แก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จะซื้อที่ดินหลังศาลพิพากษา: เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายซ้ำได้
สิทธิของผู้จะซื้อที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้นเมื่อนำคดีมาสู่ศาลจนศาลพิพากษาให้ผู้จะขายโอนขายที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อตามสัญญาจะซื้อขายนั้นแล้ว แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด ก็อยู่ในฐานะเป็นผู้อันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 แล้ว ฉะนั้นถ้าผู้จะขายขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นไปในระหว่างที่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยผู้ซื้อไม่สุจริตแล้ว ผู้จะซื้อก็มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมนั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237,1300
of 57