พบผลลัพธ์ทั้งหมด 188 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4199/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดพิจารณาจากไม่มาศาลตามนัด แม้จะทราบวันนัดแล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องแจ้งนัดซ้ำ
จำเลยทราบนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์และนำสืบพยานก่อน และนัดสืบพยานจำเลยพร้อมกับนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดทั้งสองแล้วโดยศาลไม่ต้องแจ้งนัดแก่จำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้.
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4199/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา – ผลกระทบจากกฎหมายใหม่ – การแจ้งเหตุขัดข้อง – การพิจารณาคดีใหม่
จำเลยทราบนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์และนำสืบพยานก่อน และนัดสืบพยานจำเลยพร้อมกับนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดทั้งสองแล้วโดยศาลไม่ต้องแจ้งนัดแก่จำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: จำเลยทราบวันนัดแล้ว การอ้างความผิดพลาดของทนาย ไม่ถือเป็นเหตุสมควร
เมื่อจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งให้ถือว่าคู่ความที่ไม่มาศาลในวันนัดชี้สองสถานได้ทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้ว ศาลหาจำต้องหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบอีกไม่.
ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า ทนายความคนเดิมพิมพ์หมายเลขคดีดำเกี่ยวกับวันนัดชี้สองสถานผิดพลาดจึงมาศาลตามนัดในคดีหมายเลขดำที่ผิดพลาดดังกล่าวนั้น เมื่อปรากฎว่าทนายจำเลยคนเดิมได้เซ็นทราบวันนัดชี้สองสถานไว้ในคำให้การในสำนวนแล้วจึงเป็นเรื่องที่จำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดีของตนเอง จะถือว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดพิจารณาอันจะรับฟังเป็นเหตุให้มีการพิจารณาใหม่หาได้ไม่.
คำร้องขอพิจารณาใหม่ กล่าวเพียงว่าจำเลยมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง มิได้กล่าวอ้างเหตุให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องอย่างไร หากมีการพิจารณาใหม่ จำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208.
ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า ทนายความคนเดิมพิมพ์หมายเลขคดีดำเกี่ยวกับวันนัดชี้สองสถานผิดพลาดจึงมาศาลตามนัดในคดีหมายเลขดำที่ผิดพลาดดังกล่าวนั้น เมื่อปรากฎว่าทนายจำเลยคนเดิมได้เซ็นทราบวันนัดชี้สองสถานไว้ในคำให้การในสำนวนแล้วจึงเป็นเรื่องที่จำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดีของตนเอง จะถือว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดพิจารณาอันจะรับฟังเป็นเหตุให้มีการพิจารณาใหม่หาได้ไม่.
คำร้องขอพิจารณาใหม่ กล่าวเพียงว่าจำเลยมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง มิได้กล่าวอ้างเหตุให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องอย่างไร หากมีการพิจารณาใหม่ จำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี และการพิจารณาใหม่: จำเลยทราบวันนัดตามกฎหมาย การไม่เอาใจใส่คดีไม่อาจใช้เป็นเหตุพิจารณาใหม่ได้
เมื่อจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 183ที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งให้ถือว่าคู่ความที่ไม่มาศาลในวันนัดชี้สองสถานได้ทราบกระบวนพิจารณาของศาลในวันนั้นแล้ว ศาลหาจำต้องหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทราบอีกไม่ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่า ทนายความคนเดิมพิมพ์หมายเลขคดีดำเกี่ยวกับวันนัดชี้สองสถานผิดพลาดจึงมาศาลตามนัดในคดีหมายเลขดำที่ผิดพลาดดังกล่าวนั้น เมื่อปรากฏว่าทนายจำเลยคนเดิมได้เซ็น ทราบวันนัดชี้สองสถานไว้ในคำให้การในสำนวนแล้วจึงเป็นเรื่องที่จำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดีของตนเอง จะถือว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดพิจารณาอันจะรับฟังเป็นเหตุให้มีการพิจารณาใหม่หาได้ไม่ คำร้องขอพิจารณาใหม่ กล่าวเพียงว่าจำเลยมีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง มิได้กล่าวอ้างเหตุให้ชัดแจ้งว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องอย่างไร หากมีการพิจารณาใหม่จำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 208.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้ต้องมีการพิจารณาคดีใหม่
กรณีจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่มีเหตุผลให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น ศาลจะต้องสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจึงจะทำการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้ออ้างและข้อต่อสู้ ให้นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ชี้ลงไปว่าเป็นเรื่องขาดนัดพิจารณา จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้แม้จะไม่ได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไว้ และศาลฎีกาย่อมให้มีการพิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาและการปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลต้องสั่งขาดนัดก่อนชี้ขาดคดี
กรณีจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนและไม่มีเหตุผลให้ศาลเห็นเป็นอย่างอื่น ศาลจะต้องสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเสียก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 แล้วจึงจะทำการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามข้ออ้างและข้อต่อสู้ ให้นัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ชี้ลงไปว่าเป็นเรื่องขาดนัดพิจารณา จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยมีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้แม้จะไม่ได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นไว้ และศาลฎีกาย่อมให้มีการพิจารณาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3533/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยอ้างไม่ทราบวันนัด – ศาลต้องไต่สวนพยานหลักฐานก่อนชี้ขาด
จำเลยที่ 3 ซึ่งขาดนัดพิจารณาได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่ามิได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ จึงมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เมื่อข้อเท็จจริงยังโต้แย้งกันอยู่ว่าจำเลยที่ 3 ได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วหรือไม่ ย่อมต้องพิจารณาจากทางไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องโดยถือว่าจำเลยที่ 3 ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพฤติการณ์ต่างๆ ในสำนวนแล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ใหม่ตั้งแต่เวลาที่ขาดนัดโดยมิได้ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความก่อน ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ประกอบด้วยมาตรา 21. ศาลฎีกาจึงให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3 และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3533/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยอ้างว่าไม่ทราบวันนัด ศาลต้องไต่สวนพยานหลักฐานก่อนตัดสิน
จำเลยที่ 3 ซึ่งขาดนัดพิจารณาได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่ามิได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ จึงมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เมื่อข้อเท็จจริงยังโต้แย้งกันอยู่ว่าจำเลยที่ 3 ได้ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วหรือไม่ ย่อมต้องพิจารณาจากทางไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องโดยถือว่าจำเลยที่ 3 ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว และศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพฤติการณ์ต่าง ๆ ในสำนวนแล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ใหม่ตั้งแต่เวลาที่ขาดนัดโดยมิได้ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานของคู่ความก่อน ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ประกอบด้วยมาตรา 21 ศาลฎีกาจึงให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 3และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 กรณีจำเลยไม่มาศาลและศาลไม่สั่งขาดนัด
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาของจำเลย ศาลต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หากไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาอาจถูกยก
การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ทั้งที่จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งแสดงว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 ดังนั้นการที่ศาลมีคำสั่งให้นัดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อไป และมีคำพิพากษาคดีนี้มา จึงเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการพิจารณา และปัญหานี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลในเรื่องนี้ไว้ จำเลยก็มีสิทธิยกปัญหานี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ได้