คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249 วรรคหนึ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 691 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนและแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ประเด็นยุติจากการไม่โต้แย้งในชั้นอุทธรณ์ และการขอเกินคำ
ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์ในประเด็นที่ว่าสมควรเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ประเด็นนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและถึงที่สุดไปแล้วจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง ผู้คัดค้านเพียงแต่ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้นหาได้ขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้เพราะเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3226/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนและแต่งตั้งผู้จัดการมรดก: ข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นที่ไม่ได้อุทธรณ์ และการขอสิ่งที่ไม่เคยขอ
ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์ในประเด็นที่ว่าสมควรเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ประเด็นนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและถึงที่สุดไปแล้วจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง ผู้คัดค้านเพียงแต่ขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเท่านั้นหาได้ขอให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ศาลจึงไม่อาจมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้เพราะเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับคดี ณ ที่ตั้งสำนักงานจดทะเบียน แม้เป็นสถานที่ร้าง ถือเป็นการส่งโดยชอบ หากไม่มีข้อโต้แย้งในชั้นศาล
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 34/5 ซอยสุวิทย์ 2 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลูเขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใด จึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลย ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลย ณ สถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าว โดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตาม ก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว
จำเลยฎีกาว่า ในการส่งคำบังคับ หมายบังคับคดีและประกาศต่าง ๆ ให้จำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด จึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้น จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับคดีตามภูมิลำเนาที่จดทะเบียน แม้เป็นบ้านร้างก็ชอบแล้ว การยกเหตุใหม่ในฎีกาต้องเคยยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 34/5 ซอยสุวิทย์ 2ถนนเพชรเกษมแขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานครเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใดจึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลย ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลย ณ สถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น แม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตาม ก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่า ในการส่งคำบังคับ หมายบังคับคดีและประกาศต่าง ๆ ให้จำเลย เจ้าหนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด จึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้นจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับคดีไปยังภูมิลำเนาตามทะเบียน และการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่34/5ซอยสุวิทย์ 2ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพูล เขตหนองแขม กรุงเทพมหานครเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใดจึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยณสถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตามก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่าในการส่งคำบังคับหมายบังคับคดีและประกาศต่างๆให้จำเลยเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใดจึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้นจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีไปยังที่อยู่จดทะเบียน แม้เป็นบ้านร้าง ก็ถือว่าชอบแล้ว หากจำเลยไม่แจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่
หนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยระบุว่าจำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่34/5ซอยสุวิทย์2ถนนเพชรเกษมแขวงหนองค้างพลูเขตหนองแขม กรุงเทพมหานครเมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานของจำเลยหรือแจ้งย้ายที่อยู่ใหม่แต่อย่างใดจึงต้องถือว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามหนังสือรับรองจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของจำเลยดังนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลได้ส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยณสถานที่ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับและปิดหมายบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแม้สถานที่นั้นจะเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ก็ตามก็ถือได้ว่ามีการส่งคำบังคับและหมายบังคับคดีให้แก่จำเลยโดยชอบแล้ว จำเลยฎีกาว่าในการส่งคำบังคับหมายบังคับคดีและประกาศต่างๆให้จำเลยเจ้าหนักงานบังคับคดีมิได้ประกาศหนังสือพิมพ์แต่อย่างใดจึงเป็นการบังคับคดีโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ได้ใช้วิธีการโดยสมควรพอที่จะให้จำเลยทราบได้นั้นจำเลยไม่ได้กล่าวอ้างไว้ในคำร้องจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำเลยไม่ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น ไม่อุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
ข้อที่จำเลยร่วมยกขึ้นฎีกาเป็นข้อที่จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ย่อมยกขึ้นอุทธรณ์ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงชอบแล้ว และเมื่อฎีกาของจำเลยร่วมดังกล่าวเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3067/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาจำเลยร่วมอุทธรณ์ประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ข้อที่จำเลยร่วมยกขึ้นฎีกาเป็นข้อที่จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นย่อมยกขึ้นอุทธรณ์ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา225วรรคหนึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงชอบแล้วและเมื่อฎีกาของจำเลยร่วมดังกล่าวเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2938/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงินไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ ผู้ให้กู้ฟ้องบังคับชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญา
สัญญากู้เงินมีข้อความว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้ว ถ้าผู้กู้ไม่นำต้นเงินมาชำระคืน ผู้ให้กู้อนุโลมให้ต่อสัญญาได้อีก เมื่อครบกำหนดตามสัญญากู้เงินผู้กู้ไม่ชำระเงินคืน ย่อมถือได้ว่าผู้ให้กู้และผู้กู้ได้ทำสัญญากู้เงินกันใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา
สัญญากู้เงินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ เมื่อโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1ไม่ชำระหนี้ภายในเวลาตามที่โจทก์กำหนด โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ดังกล่าวได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 652 โดยไม่จำต้องบอกเลิกสัญญากู้เงินก่อน ดังนั้น ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่าโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2838/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์และฎีกาในคดีมรดก: ทุนทรัพย์, การรับรอง, และประเด็นข้อเท็จจริงที่ยังมิได้ว่ากล่าว
จำเลยฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายสำหรับฎีกาในข้อเท็จจริงมีทุนทรัพย์พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000บาทจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา224วรรคหนึ่งอีกทั้งผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมิได้รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงจึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ดังนั้นแม้ผู้พิพากษาที่ได้พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะได้รับรองให้ฎีกาในข้อเท็จจริงคดีก็ไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลฎีกาได้เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าอุทธรณ์ของจำเลยได้โต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยชัดแจ้งว่าโจทก์มิใช่บุตรของห.เพราะโจทก์ไม่มีเอกสารหลักฐานใดมาแสดงศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงเป็นการมิชอบนั้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ชัดแจ้งแต่อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเพราะเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลคดีจึงไม่อาจขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ได้ ที่จำเลยฎีกาว่าการอ้างว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายจะต้องมีเอกสารมาแสดงโดยจำเลยยกเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1555ว่าด้วยการฟ้องคดีขอให้รับรองบุตรมาอ้างนั้นเห็นว่าคดีนี้มิใช่เป็นคดีฟ้องขอให้รับรองบุตรจึงนำบทกฎหมายดังกล่าวมาใช้บังคับมิได้และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิใช่ผู้จัดการมรดกของห. นั้นจำเลยมิได้ให้การไว้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 70