คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 381

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 275 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องค่าเสียหายจากสัญญาซื้อขายและก่อสร้างที่ไม่บังคับแก่ตัวทรัพย์ ถือเป็นคำฟ้องที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
คำฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยผิดสัญญาวางมัดจำซื้อที่ดินและว่าจ้างก่อสร้างอาคารซึ่งจำเลยได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์แล้วให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้นมิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดินและอาคารที่ปลูกสร้างจึงไม่เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใดๆอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โจทก์จึงยื่นฟ้องต่อศาลซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและก่อสร้างที่ดิน/อาคาร โอนทรัพย์แล้ว ไม่เป็นคดีอสังหาริมทรัพย์
คำฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยผิดสัญญาวางมัดจำซื้อที่ดินและว่าจ้างก่อสร้างอาคาร ซึ่งจำเลยได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์แล้ว ให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น มิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดินและอาคารที่ปลูกสร้างจึงไม่เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ หรือสิทธิ หรือประโยชน์ใด ๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงยื่นฟ้องต่อศาลซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งมอบสินค้าบกพร่องและการคิดค่าปรับ สัญญาซื้อขายกำหนดให้สินค้าต้องใช้งานได้จริง
ตามสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์จะต้องส่งมอบเครื่องสูบน้ำรายการที่ 2 จำนวน 24 เครื่องให้จำเลยภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2521 โจทก์ส่งมอบในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2521 จำนวน 12 เครื่อง ส่วนอีก 12 เครื่อง โจทก์จำเลยยังโต้แย้งกันอยู่ว่า ส่งในวันที่ 3 หรือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2521 ปรากฏว่าเครื่องสูบน้ำทำงานไม่ได้ เนื่องจากการต่อท่อไม่ถูกต้อง โจทก์จึงขอรับเครื่องสูบน้ำทั้ง 24 เครื่องไปแก้ไขใหม่แล้วส่งกลับมาให้จำเลยเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2522 กรรมการของจำเลยได้ตรวจรับเรียบร้อยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2522 สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยได้กำหนดไว้ในข้อ ซี 16 ว่า ถ้าผู้ขายไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ภายในกำหนด ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากผู้ขายได้ เป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ 5 ของราคาสินค้าที่ยังไม่ได้ส่งมอบ เมื่อโจทก์ส่งของเกินกำหนดเวลาดังกล่าวก็ต้องถือว่าส่งมอบล่าช้าแล้ว และเมื่อปรากฏว่าเครื่องสูบน้ำที่โจทก์ส่งใช้งานไม่ได้จนโจทก์ต้องรับคืนไปแก้ไข และส่งมาให้จำเลยในวันที่ 16 ตุลาคม 2522 นั้นเอง ความล่าช้าเกิดขึ้นเพราะสินค้าของโจทก์บกพร่องใช้งานไม่ได้ โจทก์จึงต้องรับผิดในความล่าช้านั้น จะถือว่าโจทก์ส่งมอบเครื่องสูบน้ำแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2521 ไม่ได้ เพราะการส่งมอบเครื่องสูบน้ำของโจทก์ก็คือ การชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขายนั่นเอง ตามสัญญานั้นโจทก์จะต้องส่งเครื่องสูบน้ำที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนและต้องเป็นเครื่องสูบน้ำที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ เมื่อเครื่องสูบน้ำขาดอุปกรณ์บางชิ้นและใช้งานไม่ได้ ดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธิจะปฏิเสธไม่รับเครื่องสูบน้ำนั้นได้ โจทก์จะบังคับให้จำเลยรับเครื่องสูบน้ำดังกล่าวไว้หาได้ไม่ และจำเลยก็ไม่ยอมรับเครื่องสูบน้ำนั้นจนกระทั่งโจทก์ได้แก้ไขจนใช้งานได้แล้ว การที่โจทก์ส่งเครื่องสูบน้ำมาให้จำเลยในตอนแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2521 จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งมอบอันเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาซื้อขาย ต้องถือว่าโจทก์เพิ่งส่งมอบเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2522 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ส่งเครื่องสูบน้ำที่อยู่ในสภาพใช้งานได้ แม้สัญญาซื้อขายจะไม่ได้ระบุว่า การส่งมอบจะต้องทำอย่างไร จึงจะถือว่าสมบูรณ์ แต่การตีความว่า โจทก์มีสิทธิส่งเครื่องสูบน้ำที่ใช้งานไม่ได้นั้น ย่อมไม่เป็นไปตามความประสงค์ในทางสุจริตแต่อย่างไรก็ดี จำเลยมีส่วนทำให้การส่งมอบล่าช้าอยู่เหมือนกัน โจทก์ส่งเครื่องสูบน้ำให้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2521 จำเลยเพิ่งตรวจสอบเมื่อเดือนสิงหาคม 2521 จึงทราบว่าเครื่องสูบน้ำขาดอุปกรณ์และต่อมาจึงทราบว่าใช้งานไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเสียหายอะไรเป็นพิเศษจากการส่งมอบล่าช้า จึงเห็นสมควรลดค่าปรับลงจากที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้อีกซึ่งศาลมีอำนาจลดได้เองตามบทบัญญัติ ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
ข้อที่จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ให้เป็นประเด็นในศาลล่างแล้ว ข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยก็ไม่มีกฎหมายสนับสนุนอีกด้วย จึงฟังไม่ขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้น กรณีซื้อสินค้าชนิดเดียวกันแต่ไม่ตรงตามที่ตกลง
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายครุภัณฑ์ฝึกฝีมือให้แก่โจทก์ซึ่งมีฉากตายรวมอยู่ด้วย สัญญาข้อ 8 วรรคสอง มีว่า ถ้าจำเลยที่ 1 (ผู้ขาย) ไม่ส่งมอบสิ่งของหรือส่งไม่ถูกต้องหรือส่งไม่ครบจำนวนตามสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และถ้าโจทก์ซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะส่วนที่ขาดส่งภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันบอกเลิกสัญญา จำเลยที่ 1 ยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาและสงวนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 8 วรรคสอง ต่อมาโจทก์ได้จัดซื้อฉากตายใหม่ โดยทำสัญญาซื้อขายภายในกำหนดเวลาตามสัญญาข้อ 8 วรรคสองแล้วจำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้น กรณีหาจำต้องรอให้การซื้อขายรายหลังมีการส่งมอบสิ่งของและชำระราคาที่ซื้อขายกันตามสัญญาเสียก่อนไม่ แต่การจัดซื้อสิ่งของตามสัญญาข้อ 8 วรรคสองนั้นหมายถึงซื้อสิ่งของชนิดเดียวกันกับสิ่งของที่ทำสัญญาซื้อจากจำเลยที่ 1 กล่าวคือ ต้องเป็นยี่ห้อและขนาดเดียวกัน มิใช่ว่าจะเลือกซื้อสิ่งของใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าอย่างไรก็ได้ เพราะจะเป็นการได้เปรียบและไม่เป็นธรรมแก่คู่กรณี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายและสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ขายเมื่อสินค้าไม่เป็นไปตามสัญญา การซื้อสินค้าทดแทนต้องเป็นชนิดเดียวกัน
จำเลยที่1ทำสัญญาขายครุภัณฑ์ฝึกฝีมือให้แก่โจทก์ซึ่งมีฉากตายรวมอยู่ด้วยสัญญาข้อ8วรรคสองมีว่าถ้าจำเลยที่1(ผู้ขาย)ไม่ส่งมอบสิ่งของหรือส่งไม่ถูกต้องหรือส่งไม่ครบจำนวนตามสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และถ้าโจทก์ซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะส่วนที่ขาดส่งภายในกำหนด3เดือนนับแต่วันบอกเลิกสัญญาจำเลยที่ 1ยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อจำเลยที่1ผิดสัญญาโจทก์บอกเลิกสัญญาและสงวนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่1ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ8วรรคสองต่อมาโจทก์ได้จัดซื้อฉากตายใหม่โดยทำสัญญาซื้อขายภายในกำหนดเวลาตามสัญญาข้อ8วรรคสองแล้วจำเลยที่1ก็ต้องรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นกรณีหาจำต้องรอให้การซื้อขายรายหลังมีการส่งมอบสิ่งของและชำระราคาที่ซื้อขายกันตามสัญญาเสียก่อนไม่แต่การจัดซื้อสิ่งของตามสัญญาข้อ8วรรคสองนั้นหมายถึงซื้อสิ่งของชนิดเดียวกันกับสิ่งของที่ทำสัญญาซื้อจากจำเลยที่1กล่าวคือต้องเป็นยี่ห้อและขนาดเดียวกันมิใช่ว่าจะเลือกซื้อสิ่งของใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าอย่างไรก็ได้เพราะจะเป็นการได้เปรียบและไม่เป็นธรรมแก่คู่กรณี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย, ค่าปรับ, การบอกเลิกสัญญา, หลักประกัน, การชดใช้ค่าเสียหาย
หลักประกันตามสัญญาซื้อขายของธนาคารที่จำเลยนำมามอบ แก่โจทก์เป็นการประกันเพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญา หากผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิริบเมื่อถือว่าเป็นค่าเสียหายส่วนหนึ่ง ย่อมนำมาคิดหักกันได้จากค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับเพราะต้องซื้อสินค้าจากบุคคลอื่นแพงขึ้น กรณีจำเลยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงซื้อขายให้แก่โจทก์เลย โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อเห็นว่าจำเลยไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้และจำเลยยอมให้โจทก์ใช้สิทธิปรับจำเลยได้จนถึงวันบอกเลิกสัญญา ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่คู่กรณีสมัครใจทำกันขึ้น ทั้งไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ของ ประชาชน ย่อมมีผลผูกพันคู่กรณี โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าปรับได้ด้วย สินค้าที่ซื้อขายกันเป็นเงิน 37,400 บาท โจทก์ต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น 25,125 บาท ซึ่งศาลพิพากษาให้ชดใช้ส่วนนี้แล้ว จำเลยผิดสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาภายหลังนาน 2ปี ค่าปรับกรณีผิดสัญญาคิดเป็นรายวันเป็นเงินถึง 50,000บาทเศษ ซึ่งสูงเกินส่วน ศาลลดลงเป็นจำนวนพอสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก คงกำหนดค่าปรับให้โจทก์ 15,000 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความล่าช้าในการบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการสิทธิในการปรับค่าเสียหายเมื่อจำเลยผิดสัญญา
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45 วันนับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้วแต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมหลังได้รับค่าชดใช้แล้ว
โจทก์ยินยอมให้จำเลยต่ออายุหนังสือสัญญาต่อไปอีก 45วัน นับแต่วันครบกำหนดสัญญาเดิม จำเลยจะต้องส่งของให้โจทก์ภายในวันที่กำหนด แต่ก็ไม่ส่งซึ่งโจทก์ย่อมทราบดีว่าจำเลยไม่สามารถจะส่งสิ่งของตามซื้อให้โจทก์ได้อย่างแน่นอนแล้ว แต่โจทก์กลับละเลยมิได้บอกเลิกสัญญา ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 132 วันโดยไม่ปรากฏเหตุผลแห่งการนี้ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันอันเป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยปรับไปแล้ว ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายในส่วนที่โจทก์ไปซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นในราคาสูงขึ้นและไม่ครบจำนวนอีกแล้วด้วยแม้ตามสัญญาให้สิทธิโจทก์ปรับจำเลยได้อีกต่างหากก็ตาม เบี้ยปรับนี้ก็คือส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้วทั้งโจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากนี้ โจทก์จึงเรียกค่าเสียหายอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้สูงเกินส่วน ศาลลดดอกเบี้ยเป็น 15% ต่อปี
สัญญากู้ระบุว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารโจทก์ในจำนวนเงินที่เป็นหนี้ในอัตราร้อยละ 9 ต่อปี โดยจะชำระดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารโจทก์ทุกๆ 3 เดือน นับแต่วันทำหนังสือสัญญานี้เป็นต้นไป สำหรับต้นเงินกู้นั้นจะผ่อนชำระให้ธนาคารโจทก์เป็นงวดๆ โดยชำระ 3 เดือนต่อครั้ง ตามตารางชำระเงินต้นแนบท้ายสัญญากู้ หากผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งชำระต้นเงินและดอกเบี้ยดังกล่าว ผู้กู้ย่อมเสียเบี้ยปรับให้แก่ธนาคารโจทก์อีกในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี ในจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่คงค้างทั้งหมดนับแต่วันละเมิดสัญญาจนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้น ดังนี้เห็นได้ว่าสัญญากู้รายนี้ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ร้อยละ 9 ต่อปีอยู่แล้ว การที่ได้กำหนดเบี้ยปรับในกรณีผู้กู้ผิดนัดไว้ว่าให้ผู้กู้เสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกร้อยละ 6 ของจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างทั้งหมดรวมกัน ย่อมเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน สมควรลดลงเป็นให้เสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกร้อยละ6 รวมเป็นร้อยละ 15 ต่อปีโดยไม่ทบต้น โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จำเลยที่ 3 ผู้เดียวอุทธรณ์ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินส่วนและลดให้ แม้จำเลยที่1 ที่ 2 ที่ 4 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาก็ย่อมได้รับผลอันเป็นคุณจากข้อวินิจฉัยส่วนนี้ด้วย เพราะมูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 416/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบี้ยปรับสัญญาเงินกู้สูงเกินส่วน ศาลลดดอกเบี้ยเหลือ 15% ต่อปี
สัญญากู้ระบุว่า ผู้กู้ยอมเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารโจทก์ในจำนวนเงินที่เป็นหนี้ในอัตราร้อยละ 9 ต่อปี โดยจะชำระดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารโจทก์ทุกๆ 3 เดือน นับแต่วันทำหนังสือสัญญานี้เป็นต้น ไปสำหรับต้นเงินกู้นั้นจะผ่อนชำระให้ธนาคารโจทก์เป็นงวด ๆ โดยชำระ 3 เดือนต่อครั้ง ตามตารางชำระเงินต้นแนบท้ายสัญญากู้ หากผู้กู้ผิดนัดไม่ส่งชำระต้นเงินและดอกเบี้ยดังกล่าว ผู้กู้ย่อมเสียเบี้ยปรับให้แก่ธนาคารโจทก์อีกในอัตราร้อยละ 6 ต่อปี ในจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่คงค้างทั้งหมดนับแต่วันละเมิดสัญญาจนกว่าจะชำระเงินเสร็จสิ้น ดังนี้เห็นได้ว่าสัญญากู้รายนี้ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ร้อยละ 9 ต่อปีอยู่แล้ว การที่ได้กำหนดเบี้ยปรับในกรณีผู้กู้ผิดนัดไว้ว่า ให้ผู้กู้เสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกร้อยละ 6 ของจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่ค้างทั้งหมดรวมกัน ย่อมเป็นเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน สมควรลดลงเป็นให้เสียดอกเบี้ยเพิ่มอีกร้อยละ 6 รวมเป็นร้อยละ 15 ต่อปีโดยไม่ทบต้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ จำเลยที่ 3 ผู้เดียวอุทธรณ์ฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าเบี้ยปรับสูงเกินส่วนและลดให้ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาก็ย่อมได้รับผลอันเป็นคุณจากข้อวินิจฉัยส่วนนี้ด้วย เพราะมูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59
of 28