พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการยึดทรัพย์ของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา แม้มีเจ้าของรวมอื่น
จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในบ้านที่โจทก์นำยึดในฐานะเจ้าของรวมโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาจึงมีสิทธิยึดบ้านดังกล่าวได้ แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของรวมในบ้านดังกล่าวก็ไม่มีสิทธิจะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมการโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้
จำเลยที่ 2 ภริยาของจำเลยที่ 1 จดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรของจำเลยทั้งสองภายหลังจากที่จำเลยทั้งสองนำบ้านพิพาทไปประกันเงินกู้ให้โจทก์ ระยะเวลาห่างกันประมาณเดือนเศษ หลังจากโอนบ้านพิพาทให้ผู้ร้องแล้ว จำเลยที่ 2 ยังคงอยู่ตามเดิมพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านให้ผู้ร้องเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดีเท่านั้น เมื่อปรากฎว่านอกจากบ้านพิพาทแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์อย่างอื่นอีก การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 เสียเปรียบ อันเป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนรายนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 คดีนี้เป็นการพิจารณาชั้นบังคับคดีเจตนารมณ์ของการบังคับคดียอมให้ว่ากล่าวเรื่องดังกล่าวได้ภายหลังการยึดทรัพย์แล้วศาลจึงมีอำนาจชี้ขาดตามความในบทบัญญัติมาตราดังกล่าวได้โดยมิพักต้องให้โจทก์ไปดำเนินการฟ้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียก่อน การที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารสัญญากู้ระหว่างจำเลยทั้งสองกับโจทก์ให้ผู้ร้องก่อนวันสืบพยาน 3 วัน เป็นเพราะผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยทั้งสอง และเป็นผู้รับโอนบ้านพิพาทจากจำเลยที่ 2โจทก์จึงเข้าใจว่าผู้ร้องคงทราบเรื่องที่จำเลยทั้งสองกู้เงินโจทก์ตามฟ้องแล้ว ถือไม่ได้ว่าเป็นการเอาเปรียบผู้ร้อง เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดี สมควรรับฟังสัญญากู้ดังกล่าว การรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้
การที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องหลังจากที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 นำบ้านพิพาทไปเป็นประกันเงินกู้แก่โจทก์จากนั้นจำเลยที่ 2 ยังคงอยู่ในบ้านพิพาทตามเดิม พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 จดทะเบียนยกบ้านให้ผู้ร้องเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดีเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอื่นอีกการกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตเป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนบ้านพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 กรณีเป็นการพิจารณาชั้นบังคับคดี ซึ่งเจตนารมณ์ของการบังคับคดียอมให้ว่ากล่าวเรื่องการโอนโดยไม่สุจริตได้ภายหลังการยึดทรัพย์แล้วศาลจึงมีอำนาจชี้ขาดเรื่องเพิกถอนการฉ้อฉลในคดีร้องขัดทรัพย์ได้โดยไม่จำต้องให้โจทก์ไปดำเนินการฟ้องร้องขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มาศาลของผู้ร้องและการประวิงคดี กรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องเพราะเหตุทิ้งคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องในวันนัดสืบพยานผู้ร้องทนายความผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าผู้ร้องไปอบรมราชการที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ผู้ร้องขอลาหยุดราชการต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อมาศาลแล้วแต่ไม่มาโดยไม่มีพยานอื่นมาสืบ ตามพฤติการณ์แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้เอาใจใส่การดำเนินคดีมีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า เพื่อมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดถูกนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี แม้เป็นการขอเลื่อนคดีครั้งแรกก็ไม่สมควรให้เลื่อนคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยไม่สมเหตุผล ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดี แม้เป็นครั้งแรก เพื่อรักษาสิทธิเจ้าหนี้
ศาลชั้นต้นเคยสั่งจำหน่ายคดีผู้ร้องเพราะเหตุทิ้งคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานผู้ร้องแต่ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องทนายความผู้ร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าผู้ร้องไปอบรมราชการที่กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ปรากฏว่าผู้ร้องขอลาหยุดราชการต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อมาศาลแล้วไม่มาโดยไม่มีพยานอื่นมาสืบ ตามพฤติการณ์แสดงว่าผู้ร้องไม่ได้เอาใจใส่ในการดำเนินคดี มีลักษณะประวิงคดีให้ชักช้า เพื่อมิให้ทรัพย์ที่ถูกยึดถูกนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี แม้เป็นการขอเลื่อนคดีครั้งแรกก็ไม่สมควรให้เลื่อนคดีได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสหลังหย่า: ทรัพย์สินยังเป็นของร่วมกันจนกว่าจะแบ่ง
ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองโต้แย้งเพียงว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของผู้ร้องที่ 1 แต่ผู้เดียว ผู้ร้องที่ 2 มิได้โต้แย้งว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องที่ 2 ด้วย ข้อโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องที่ 2จึงยุติเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องที่ 1 กับจำเลยที่ 1 เพราะในชั้นอุทธรณ์ผู้ร้องที่ 2 ก็มิได้โต้แย้งว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องที่ 2 ดังนั้น ผู้ร้องที่ 2 จึงไม่มีสิทธิฎีกาโต้แย้งว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องที่ 1 แต่ผู้เดียว ทรัพย์พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องที่ 1 กับจำเลยที่ 1เมื่อผู้ร้องที่ 1 และจำเลยที่ 1 จดทะเบียนหย่ากันโดยยังไม่มีการแบ่งสินสมรส ทรัพย์พิพาทจึงเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องที่ 1 และจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร่วมกัน หาใช่ทรัพย์สินของผู้ร้องที่ 1แต่ผู้เดียวไม่ ผู้ร้องที่ 1 จึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5726/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิทำกินในที่ดิน สทก.1 โดยไม่ชอบตามกฎหมายป่าสงวนแห่งชาติ
ทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดเป็นต้นผลอาสิน (ต้นทุเรียน เงาะ ขนุน ชมพู่) ในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้ได้รับการผ่อนผันให้มีสิทธิทำกินชั่วคราวในเขตป่าสงวนแห่งชาติเรียกว่า สทก.1 ซึ่ง น. เป็นผู้ได้รับการผ่อนผันให้มีสิทธิครอบครองทำกินชั่วคราวมีเงื่อนไขว่า จะแบ่งแยกหรือโอนสิทธิหรือให้เช่าช่วงทำกินไปยังบุคคลอื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตก ทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม ฉะนั้น น. จึงเป็นผู้มีสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าวแต่ผู้เดียว แม้ น. ได้ทำหนังสือสัญญาการซื้อขายทรัพย์ที่โจทก์นำยึดให้ผู้ร้อง ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะการขายทรัพย์ดังกล่าวเป็นการขายในสภาพติดกับที่ดิน ซึ่งทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองที่นำยึด จึงถือได้ว่าเป็นการโอนสิทธิทำกินชั่วคราวในที่ดินดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507และเงื่อนไขดังกล่าว ทรัพย์ดังกล่าวจึงหาตก เป็นของผู้ร้องไม่ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5726/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิทำกินในที่ดิน สทก.1 ถือเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขการครอบครองและการบังคับคดี
ทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดเป็นต้นผลอาสิน (ต้นทุเรียน เงาะ ขนุน ชมพู่) ในที่ดินตามหนังสืออนุญาตให้ได้รับการผ่อนผันให้มีสิทธิทำกินชั่วคราวในเขตป่าสงวนแห่งชาติเรียกว่า สทก.1 ซึ่ง น. เป็นผู้ได้รับการผ่อนผันให้มีสิทธิครอบครองทำกินชั่วคราวมีเงื่อนไขว่า จะแบ่งแยกหรือโอนสิทธิหรือให้เช่าช่วงทำกินไปยังบุคคลอื่นมิได้ เว้นแต่เป็นการตกทอดทางมรดกแก่ทายาทโดยธรรม ฉะนั้น น. จึงเป็นผู้มีสิทธิทำกินในที่ดินดังกล่าวแต่ผู้เดียว แม้ น. ได้ทำหนังสือสัญญาการซื้อขายทรัพย์ที่โจทก์นำยึดให้ผู้ร้อง ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะการขายทรัพย์ดังกล่าวเป็นการขายในสภาพติดกับที่ดิน ซึ่งทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองทรัพย์ที่นำยึด จึงถือได้ว่าเป็นการโอนสิทธิทำกินชั่วคราวในที่ดินดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และเงื่อนไขดังกล่าว ทรัพย์ดังกล่าวจึงหาตกเป็นของผู้ร้องไม่ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขัดทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5570/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการคุ้มครองสิทธิผู้รับจำนองสุจริต ผู้ครอบครองปรปักษ์ยังไม่จดทะเบียนสิทธิ ไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้รับจำนอง
ผู้ร้องได้ที่ดินและตึกแถวที่โจทก์นำยึดมาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการได้มาซึ่งสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้ จึงไม่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ ทั้งต้องห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5570/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิของบุคคลภายนอกที่ได้มาโดยสุจริตและจดทะเบียน การเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนทำไม่ได้
ผู้ร้องได้ที่ดินและตึกแถวที่โจทก์นำยึดมาโดยการครอบครองปรปักษ์ เป็นการได้มาซึ่งสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม เมื่อผู้ร้องไม่ได้จดทะเบียนสิทธิของตนไว้ จึงไม่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้ ทั้งต้องห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้รับจำนองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวโดยเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท