พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2725/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมจากเงินยืมเพื่อประโยชน์ครอบครัว: สิทธิภริยาในการกันส่วนจากทรัพย์สินที่ถูกยึด
ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยจำเลยไปยืมเงินโจทก์มาเพื่ออุปการะเลี้ยงดูและเพื่อประโยชน์ร่วมกัน ระหว่างจำเลยกับผู้ร้องซึ่งเป็นหนี้ร่วมผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนในสินสมรสที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ควรขอแบ่งส่วนที่ดินที่ตกลงแบ่งแยกแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมิได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่ 1 ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้ว จำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนนเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่ 1 ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้ว จำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนนเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมมีสิทธิร้องขอแบ่งส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดแทนการขัดทรัพย์
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่1ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้วจำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนน เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3399/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอปล่อยทรัพย์ที่ยึดจำกัดเฉพาะกรณีจำเลยไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ผู้ร้องไม่มีสิทธิหากเป็นเจ้าของร่วม
การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ยึด หากจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยึดร่วมกับ ผู้ร้อง ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยให้งดสืบพยานของคู่ความแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาเพียงขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามลำดับไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้เป็นฝ่ายชนะคดีหรือขอให้ปล่อย ทรัพย์ที่ยึด เป็น คำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามบัญชีท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 ข. ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่ดินที่ยึดทั้งแปลง โดย อ้างว่าผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของรวมครึ่งหนึ่ง ผู้ร้อง ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์จากราคาที่ดินทั้ง แปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3399/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล่อยทรัพย์ที่ยึด: เจ้าของร่วมไม่มีสิทธิขอปล่อยทรัพย์ตาม ม.288 ว.พ.พ.
การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ยึด หากจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยึดร่วมกับผู้ร้อง ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยให้งดสืบพยานของคู่ความแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาเพียงขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามลำดับ ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้เป็นฝ่ายชนะคดีหรือขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 ข.
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่ดินที่ยึดทั้งแปลง โดยอ้างว่าผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของรวมครึ่งหนึ่ง ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์จากราคาที่ดินทั้งแปลง
ศาลชั้นต้นชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายโดยให้งดสืบพยานของคู่ความแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องอุทธรณ์และฎีกาเพียงขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามลำดับ ไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้เป็นฝ่ายชนะคดีหรือขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด เป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 ข.
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยที่ดินที่ยึดทั้งแปลง โดยอ้างว่าผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของรวมครึ่งหนึ่ง ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์จากราคาที่ดินทั้งแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3173/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำธุรกรรมหลังมีคำพิพากษาเพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับคดี: การกระทำที่เป็นการฉ้อฉลเจ้าหนี้
ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของจำเลย ทราบว่าจำเลยถูกฟ้องคดีนี้และศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี หลังจากนั้นประมาณ6 เดือน ผู้ร้องและจำเลยจดทะเบียนหย่ากันโดยตกลงให้ทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นสินสมรสตกได้แก่ผู้ร้องฝ่ายเดียว เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องกับจำเลยร่วมกันทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้จำเลยถูกยึดทรัพย์มาเพื่อการบังคับคดีเป็นการกระทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบโจทก์มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทมาดำเนินการบังคับคดีเอาชำระหนี้แก่โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการสมยอมเพื่อให้ทรัพย์หลุดพ้นการบังคับชำระหนี้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้ไม่ได้ฟ้องเพิกถอนนิติกรรม
การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ประเด็นมีอยู่ว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยึดนั้นหรือไม่ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าการยกทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นการสมยอมกันเพื่อให้ทรัพย์หลุดพ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้ได้ โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนหรือการฉ้อฉลเป็นคดีใหม่ไม่เป็นเรื่องนอกประเด็นเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำหนังสือยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องเป็นการสมยอมกันทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบเป็นการฉ้อฉล บ้านพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ศาลก็พิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ได้
อุทธรณ์ของผู้ร้องว่า แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลก็ขาดอายุความแล้ว มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อุทธรณ์ของผู้ร้องว่า แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลก็ขาดอายุความแล้ว มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415-2426/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนทำสัญญาจำนองผูกพันเจ้าของทรัพย์ หากเจ้าของทรัพย์รู้เห็นและไม่ได้เปิดเผยตัวเป็นหลัก
แม้จะฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของบริษัท ศ. โดยจำเลยที่ 2 กรรมการผู้จัดการเพียงแต่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแทนดังข้ออ้างของผู้ร้อง แต่การที่บริษัท ศ. ยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นตัวแทนแสดงออกเป็นตัวการด้วยการเอาที่ดินรายพิพาทที่จำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดไปทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ จำเลยที่ 2 จะต้องผูกพันรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวในฐานะเป็นคู่สัญญาโดยตรง และบริษัท ศ. อยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อซึ่งจะแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาจำนองที่จำเลยที่ 2 ได้ทำไว้แทนตนดังกล่าวได้ แต่จะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่มีต่อจำเลยที่ 2 และที่ขวนขวายได้มาก่อนรู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนหาได้ไม่ ดังนั้นผู้ร้อง ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าซื้อที่ดินจากบริษัท ศ. จึงไม่อาจอ้างสิทธิของบริษัท ศ. อันจะเป็นเหตุทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์
ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415-2426/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนองที่ดินโดยตัวแทน และสิทธิของเจ้าหนี้มีประกัน แม้กรรมสิทธิ์ที่แท้จริงอยู่ที่บริษัท
แม้จะฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของบริษัท ศ. โดยจำเลยที่ 2 กรรมการผู้จัดการเพียงแต่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินแทนดังข้ออ้างของผู้ร้อง แต่การที่บริษัท ศ. ยอมให้จำเลยที่ 2 ผู้เป็นตัวแทนแสดงออกเป็นตัวการด้วยการเอาที่ดินรายพิพาทที่จำเลยที่ 2 มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดไปทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ให้ไว้ต่อเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ จำเลยที่ 2 จะต้องผูกพันรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวในฐานะเป็นคู่สัญญาโดยตรงและบริษัท ศ. อยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อซึ่งจะแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาจำนองที่จำเลยที่ 2ได้ทำไว้แทนตนดังกล่าวได้ แต่จะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่มีต่อจำเลยที่ 2 และที่ขวนขวายได้มาก่อนรู้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนหาได้ไม่ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าซื้อที่ดินจากบริษัท ศ. จึงไม่อาจอ้างสิทธิของบริษัท ศ. อันจะเป็นเหตุทำให้ เสื่อมเสียถึงสิทธิของเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ ปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2069/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองต่อทรัพย์สินที่โอนการครอบครอง ผู้รับจำนองต้องบอกกล่าวผู้รับโอนก่อน
จำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไว้ต่อโจทก์ ต่อมาจำเลยขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดย ส่งมอบการครอบครองซึ่งมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ผู้ร้อง ย่อมอยู่ในฐานะเป็นผู้รับโอนที่พิพาทซึ่งเป็นทรัพย์สินจำนอง ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อโจทก์ยังมิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่ผู้ร้องตามบทบัญญัติ ดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธินำยึดที่พิพาทออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้อันเป็นการบังคับจำนองเอากับที่พิพาทได้