คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้: สิทธิในการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชำระหนี้: สิทธิการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้ร้องอ้างทรัพย์เป็นของตนต้องพิสูจน์ให้ได้
คำร้องขอในการร้องขัดทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 เป็นเสมือนคำฟ้องที่โจทก์เสนอข้อหาต่อศาลตาม มาตรา 1(3) ผู้ร้องจึงมีฐานะเสมือนเป็นโจทก์ ส่วนโจทก์มีฐานะเสมือนเป็นจำเลย เมื่อผู้ร้องกล่าวอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นของตน แต่โจทก์ยืนยันว่าเป็นของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมื่อไม่มีข้อสันนิษฐานของกฎหมายอันเป็นคุณแก่ผู้ร้องแล้ว ภาระการพิสูจน์ย่อมตกแก่ผู้ร้องที่จะต้องนำสืบให้สมข้อกล่าวอ้างของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อมีการบังคับคดี การแยกพิจารณาสิทธิของผู้รับจำนองในที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 2 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ร้องรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1นั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา289 หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา287 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ที่ตั้งบนที่ดินจำนอง ผู้รับจำนองมีสิทธิคัดค้านการยึดที่ดิน แต่ไม่มีสิทธิคัดค้านการยึดสิ่งปลูกสร้าง
สิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ปลูกอยู่บนที่ดินของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 2 ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ปล่อยที่ดินส่วนดังกล่าวซึ่งมิใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288
สำหรับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ร้องรับจำนองไว้จากจำเลยที่ 1 นั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานบังคับคดีมีสิทธิที่จะยึดและนำออกขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ ผู้ร้องชอบที่จะขอรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หรือหากผู้ร้องไม่ขอรับชำระหนี้จำนอง สิทธิจำนองของผู้ร้องซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือสิ่งปลูกสร้างนั้นก็ไม่ถูกกระทบกระทั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยสิ่งปลูกสร้างนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3841/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีของเจ้าหนี้ต่อทรัพย์ห้างหุ้นส่วนของผู้ค้ำประกันจำกัดเฉพาะผลกำไรค้างชำระ
สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้ยกปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ผู้ร้องเป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังไม่ได้เลิกโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัว มีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นก็ตาม ก็ย่อมยกขึ้นอ้างในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างหุ้นส่วนผู้ร้อง เป็นหุ้นส่วนจดทะเบียนยังมิได้เลิกกัน โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวจึงใช้สิทธิได้เพียงกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1072

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3841/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีของเจ้าหนี้ต่อทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วน: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้ยกปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ผู้ร้องเป็นห้างหุ้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังไม่ได้เลิก โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัว มีสิทธิบังคับคดีได้เฉพาะผลกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นขึ้นกล่าวอ้างในศาลชั้นต้นก็ตาม ก็ย่อมยกขึ้นอ้างในศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาได้
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าห้างหุ้นส่วนผู้ร้อง เป็นหุ้นส่วนจดทะเบียนยังมิได้เลิกกัน โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะตัวจึงใช้สิทธิได้เพียงกำไรหรือเงินซึ่งห้างหุ้นส่วนผู้ร้องค้างชำระแก่จำเลยเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1072

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินโดยตัวแทนโดยไม่ได้เปิดเผยชื่อ ผลผูกพันสิทธิของตัวการ
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนด แม้จะฟังว่าเป็นการมีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องด้วย จำเลยก็มีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้องในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินของผู้ร้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ เมื่อจำเลยได้นำที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างไปจำนองไว้แก่โจทก์ การจำนองย่อมมีผลผูกพันกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของผู้ร้องด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าวที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิขอเพิกถอนได้ และผู้รับช่วงสิทธิจำนอง
โจทก์ยอมถอนการยึดทรัพย์พิพาทที่ยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ก็เพื่อให้จำเลยนำไปขายแก่บุคคลทั่วไป มิได้เจาะจงให้ขายแก่ผู้ร้อง เพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผู้ร้องรู้อยู่ก่อนทำสัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาทจากจำเลยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การที่จำเลยตกลงขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้อง โดยโจทก์มิได้ยินยอมให้ผู้ร้องหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ก่อนจนเหลือเงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการที่จำเลยได้ขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและผู้ร้องได้รู้เท่าถึงความจริงโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
การที่ผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้ธนาคาร ก. แทนจำเลยเป็นการไถ่ถอนจำนองทรัพย์พิพาทจนเป็นที่พอใจของธนาคาร ก. และธนาคาร ก. ได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้จำเลยแล้ว ผู้ร้องย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจำนองของธนาคาร ก. ที่มีอยู่เหนือทรัพย์พิพาทในอันที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์พิพาทก่อนหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226, และ 229(2)
แม้ตามคำร้องและคำให้การของโจทก์จะมีประเด็นเพียงว่าผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น แต่การที่ผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ. ศาลย่อมวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายทรัพย์สินที่ทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบและการรับช่วงสิทธิจำนอง
โจทก์ยอมถอนการยึดทรัพย์พิพาทที่ยึดไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาก็เพื่อให้จำเลยนำไปขายแก่บุคคลทั่วไป มิได้เจาะจงให้ขายแก่ผู้ร้องเพื่อนำเงินมาชำระแก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และผู้ร้องรู้อยู่ก่อนทำสัญญาซื้อขายทรัพย์พิพาทจากจำเลยว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ การที่จำเลยตกลงขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้อง โดยโจทก์มิได้ยินยอมให้ผู้ร้องหักหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้ผู้ร้องอยู่ก่อนจนเหลือเงินไม่พอชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการที่จำเลยได้ขายทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและผู้ร้องได้รู้เท่าถึงความจริงโจทก์ชอบที่จะขอให้เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
การที่ผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้ธนาคาร ก. แทนจำเลยเป็นการไถ่ถอนจำนองทรัพย์พิพาทจนเป็นที่พอใจของธนาคาร ก. และธนาคาร ก.ได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้จำเลยแล้ว ผู้ร้องย่อมเข้ารับช่วงสิทธิจำนองของธนาคาร ก. ที่มีอยู่เหนือทรัพย์พิพาทในอันที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์พิพาทก่อนหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 226, และ 229(2)
แม้ตามคำร้องและคำให้การของโจทก์จะมีประเด็นเพียงว่าผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์เท่านั้น แต่การที่ผู้ร้องและจำเลยสมคบกันโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นจากการถูกยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์นั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าทำให้โจทก์เสียเปรียบ ศาลย่อมวินิจฉัยถึงปัญหาดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนอกประเด็น
of 82