คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทที่ได้มาจากการยกให้ก่อนอยู่กินเป็นสามีภรรยาไม่จดทะเบียน ไม่ถือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการทำมาหาได้ร่วมกัน
ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินเป็นสามีภริยาไม่จดทะเบียน จำเลยแพ้คดีเรื่องเงินกู้ซึ่งเกิดระหว่างอยู่กินด้วยกัน บ้านในที่ดินของผู้ร้องบิดามารดายกให้ผู้ร้องก่อนอยู่กินด้วยกันกับจำเลยมิใช่ทำมาหาได้ร่วมกัน โจทก์ยึดบ้านบังคับคดีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินจากสามีที่หย่าแล้ว: บ้านพิพาทเป็นสินเดิมของผู้ร้อง การยกให้บุตรไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
บ้านพิพาทผู้ร้องเอาเงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องซื้อมา บ้านพิพาทจึงเป็นสินเดิมของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1465 (เดิม) ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519 มาตรา 7 ได้บัญญัติให้สินเดิมดังกล่าวเป็นสินส่วนตัว บ้านพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง
ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้หย่าและตกลงกันเรื่องทรัพย์สินตามเอกสารหมาย ร.2 ว่า ทรัพย์สิ้นทั้งหมดซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องมาก่อนหรือเป็นสินสมรสระหว่างเป็นสามีภรรยายกให้บุตรทั้งสี่คนก็ตาม แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะบ้านพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์และเป็นสินเดิมของผู้ร้อง แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ไม่มีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 บ้านพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธินำยึด
ประเด็นว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องหรือไม่ปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ผู้ร้องยกบ้านพิพาทให้บุตรเป็นการสมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่รวมอยู่ในประเด็นดังกล่าววเพราะหากฟังว่าการยกให้มีผลสมบูรณ์บ้านพิพาทก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ร้อง แต่ถ้าการยกให้ไม่สมบูรณ์บ้านพิพาทก็ยังคงเป็นของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินเดิมยกให้บุตรต้องทำหนังสือจดทะเบียน มิฉะนั้นยังเป็นกรรมสิทธิ์เดิมของผู้ยก
บ้านพิพาทผู้ร้องเอาเงินที่ได้จากการขายบ้านและที่ดินซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องซื้อมา บ้านพิพาทจึงเป็นสินเดิมของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1465(เดิม)ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้ตรวจชำระใหม่พ.ศ.2519 มาตรา 7 ได้บัญญัติให้สินเดิมดังกล่าวเป็นสินส่วนตัว บ้านพิพาทจึงเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง
ผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้หย่าและตกลงกันเรื่องทรัพย์สินตามเอกสารหมาย ร.2ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องมาก่อนหรือเป็นสินสมรสระหว่างเป็นสามีภรรยายกให้บุตรทั้งสี่คนก็ตาม แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะบ้านพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์และเป็นสินเดิมของผู้ร้อง แต่การยกให้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การยกให้ไม่มีผลสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525บ้านพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาจึงไม่มีสิทธินำยึด
ประเด็นมีว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องหรือไม่ปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ผู้ร้องยกบ้านพิพาทให้บุตรเป็นการสมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นปัญหาหรือข้อเท็จจริงที่รวมอยู่ในประเด็นดังกล่าว เพราะหากฟังว่าการยกให้มีผลสมบูรณ์บ้านพิพาทก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของผู้ร้อง แต่ถ้าการยกให้ไม่สมบูรณ์ บ้านพิพาทก็ยังคงเป็นของผู้ร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจำนองโดยอ้อม และการโอนที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดที่ดินได้
ม. เจ้าของที่ดินกู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินพิพาทมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน โดยระบุไว้ในสัญญากู้ว่าได้นำโฉนดที่พิพาทมาจำนองไว้ภายใน 3 ปี แม้จะไม่มีผลบังคับในทางจำนอง แต่การที่ ม. เอาที่ดินพิพาทไปโอนให้ผู้ร้องโดยเสน่หาหลังจากกู้เงินจากสามีโจทก์ไปเพียง 15 วัน ม. ย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ การที่โจทก์ลงชื่อในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียง เมื่อผู้ร้องทั้งสามแยกการครอบครองกันเป็นส่วนสัดและยื่นเรื่องราวขอแบ่งแยกโฉนด ก็เป็นเรื่องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น มิใช่เป็นการสละสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไป กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีจำนองโดยอ้อม แม้ไม่มีการจดจำนอง แต่การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้เป็นเหตุให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
ม. เจ้าของที่ดินกู้เงินโจทก์โดยนำโฉนดที่ดินพิพาทมาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน โดยระบุไว้ในสัญญากู้ว่าได้นำโฉนดที่พิพาทมาจำนองไว้ภายใน 3 ปี แม้จะไม่มีผลบังคับในทางจำนอง แต่การที่ ม. เอาที่ดินพิพาทไปโอนให้ผู้ร้องโดยเสน่หาหลังจากกู้เงินจากสามีโจทก์ไปเพียง 15 วัน ม. ย่อมรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ การที่โจทก์ลงชื่อในฐานะเจ้าของที่ดินข้างเคียงเมื่อผู้ร้องทั้งสามแยกการครอบครองกันเป็นส่วนสัดและยื่นเรื่องราวขอแบ่งแยกโฉนด ก็เป็นเรื่องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น มิใช่เป็นการสละสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไปกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์มีสิทธินำยึดที่ดินพิพาทเพื่อขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2873/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยสุจริตของผู้ซื้อช่วง ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 237 แม้ผู้ขายช่วงจะกระทำการฉ้อฉล
ที่ดินของลูกหนี้โอนขายแก่ ส. ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินรับโอนโฉนดจาก ส. โดยสุจริตและชำระราคาที่ดินตามที่ตกลงซื้อขายกันให้แก่ ส. แล้วย่อมได้รับความคุ้มครองตามข้อยกเว้นที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 โจทก์นำยึดที่ดินของผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวตนจำเลยที่ถูกต้องก่อนบังคับคดี การไต่สวนเพื่อความชัดเจนเป็นสิ่งจำเป็น
ผู้ร้องซึ่งมีชื่อตัวและชื่อสกุลเหมือนกับชื่อจำเลย ยื่นคำแถลงตั้งแต่ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าเป็นคนละคนกับจำเลย แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งในเรื่องนี้ ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องกับจำเลยไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันขอให้สั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าว ดังนี้ สมควรรับคำร้องของผู้ร้องไว้ไต่สวนให้ได้ความกระจ่างชัดเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์ต้องตรวจสอบตัวตนจำเลยให้ชัดเจนก่อน หากมีเหตุผลน่าเชื่อถือว่าไม่ใช่บุคคลเดียวกัน ควรไต่สวนให้ชัดเจน
ผู้ร้องซึ่งมีชื่อตัวและชื่อสกุลเหมือนกับชื่อจำเลยยื่นคำแถลงตั้งแต่ชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าเป็นคนละคนกับจำเลย แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งในเรื่องนี้ ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องผู้ร้องกับจำเลยไม่ใช่บุคคลคนเดียวกันขอให้สั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าว ดังนี้ สมควรรับคำร้องของผู้ร้องไว้ไต่สวนให้ได้ความกระจ่างชัดเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148(1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148 (1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนคดีธรรมดา
of 82