พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365-370/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินมรดก: สิทธิในการยึดและการขัดทรัพย์
ที่พิพาทและเรือนที่โจทก์นำยึดนั้น จำเลยและผู้ร้องได้รับมรดกจากบิดามารดายังมิได้มีการตกลงแบ่งกัน ต้องถือว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยและผู้ร้องทุกคนครอบครองร่วมกันโจทก์มีสิทธินำยึดได้
หมายเหตุ ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีราคา (สำนวนละ) ไม่เกิน 2,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ จึงแสดงว่าข้อพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินแม้จะมีราคาไม่เกิน 2,000 บาท ก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
หมายเหตุ ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีราคา (สำนวนละ) ไม่เกิน 2,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ จึงแสดงว่าข้อพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินแม้จะมีราคาไม่เกิน 2,000 บาท ก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365-370/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกยังไม่แบ่ง: สิทธิยึดของโจทก์ชอบธรรม
ที่พิพาทและเรือนที่โจทก์นำยึดนั้น จำเลยและผู้ร้องได้รับมรดกจากบิดามารดายังมิได้มีการตกลงแบ่งกัน ต้องถือว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลย และผู้ร้องทุนคนครอบครองร่วมกัน โจทก์มีสิทธินำยึดได้
หมายเหตุ ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีราคา (สำนวนละ) ไม่เกิน 2,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ จึงแสดงว่าข้อพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน แม้จะมีราคาไม่เกิน 2,000 บาท ก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรค 2
หมายเหตุ ผู้ร้องขัดทรัพย์และโจทก์พิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งมีราคา (สำนวนละ) ไม่เกิน 2,000 บาท โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ผู้ร้องฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาก็วินิจฉัยให้ จึงแสดงว่าข้อพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน แม้จะมีราคาไม่เกิน 2,000 บาท ก็อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึด: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าผู้ร้องซื้อโดยไม่สุจริตและไม่เสียค่าตอบแทน จึงจะขัดทรัพย์ได้
โจทก์ได้นำยึดที่พิพาทมาชำระหนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องว่า ที่พิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อมาจากนายจืน ได้ทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน ที่พิพาทนี้นายจืนเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีหนึ่งได้ซื้อมาจากการขายทอดตลาด แล้วขายต่อให้ผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อไว้โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทน เมื่อผู้ร้องร้องเช่นนี้ โจทก์จะต่อสู้ก็ต้องกล่าวให้ชัดเจนว่าผู้ร้องมิได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน แต่ตามคำให้การของโจทก์ไม่ปรากฏเลยว่าผู้ร้องได้รู้ถึงการที่นายจืนและจำเลยสมคบกันทำสัญญากู้ยืมขึ้น แล้วนำมาฟ้องร้องกัน ตลอดจนแกล้งยอมความกัน เพื่อเปิดโอกาสให้นายจืนยึดที่พิพาทออกขายทอดตลาด โจทก์เพียงแต่ไม่รับรองการซื้อขายระหว่างนายจืนกับผู้ร้องว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะหตุแห่งกากระทำของนายจืนและจำเลยเท่านั้น ในเรื่องปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึด ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรค 2 กำหนดให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนคดีธรรมดา โจทก์จึงต้องให้การโดยแจ้งชัดว่ายอมรับหรือปฏิเสธ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177
เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากนายจืนโดยไม่สุจริต จึงไม่มีประเด็นที่ต้องนำสืบ
เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากนายจืนโดยไม่สุจริต จึงไม่มีประเด็นที่ต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทรัพย์สินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน แม้ผู้โอนได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลต้องพิจารณาตามหลักสุจริต
โจทก์ได้นำยึดที่พิพาทมาชำระหนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ร้องว่า ที่พิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อมาจากนายจืน ได้ทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่พิพาทนี้นายจืนเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีหนึ่งได้ซื้อมาจากการขายทอดตลาดแล้วขายต่อให้ผู้ร้อง ผู้ร้องซื้อไว้โดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนเมื่อผู้ร้องร้องเช่นนี้ โจทก์จะต่อสู้ก็ต้องกล่าวให้ชัดเจนว่าผู้ร้องมิได้ซื้อที่พิพาทโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแต่ตามคำให้การของโจทก์ไม่ปรากฏเลยว่าผู้ร้องได้รู้ถึงการที่นายจืนและจำเลยสมคบกันทำสัญญากู้ยืมขึ้นแล้วนำมาฟ้องร้องกัน ตลอดจนแกล้งยอมความกัน เพื่อเปิดโอกาสให้นายจืนยึดที่พิพาทออกขายทอดตลาด โจทก์เพียงแต่ไม่รับรองการซื้อขายระหว่างนายจืนกับผู้ร้องว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเหตุแห่งการกระทำของนายจืนและจำเลยเท่านั้นในเรื่องปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 วรรคสอง กำหนดให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนคดีธรรมดา โจทก์จึงต้องให้การโดยแจ้งชัดว่ายอมรับหรือปฏิเสธ รวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากนายจืนโดยไม่สุจริต จึงไม่มีประเด็นที่ต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับซื้อขาย แม้ยังไม่ได้โอน-ไถ่ถอนจำนอง ยึดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาเป็นโมฆะ
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้อง ตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจงและสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็นอย่างอื่นมิได้ คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้าง รวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่งทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อจะขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิความเป็นเจ้าของจากคำพิพากษาบังคับสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่มีการโอนจริง ยึดทรัพย์หลังมีสิทธิแล้วทำไม่ได้
การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทซึ่งมีเพียง ส.ค.1 ให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้น เป็นการบังคับโดยเฉพาะเจาะจง และสภาพแห่งหนี้เปิดช่องที่จะบังคับได้ จำเลยจะเลือกชำระหนี้เป็น อย่างอื่นมิได้คำพิพากษานี้ย่อมมีผลให้ผู้ร้องได้รับสิทธิแห่งความเป็น เจ้าของนาพิพาทโดยทันที แม้การชำระราคาที่ค้างรวมทั้งการไถ่ถอนจำนองและการจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทจะยังมิได้กระทำกัน โจทก์เพิ่ง ทำการยึดนาพิพาทภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาในคดีนั้น โจทก์ จะอ้างว่า ผู้ร้องและจำเลยเพียงแต่มีสัญญาจะซื้อขายต่อกันซึ่งผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอะไรในนาพิพาทหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้กองมรดกยึดทรัพย์มรดกได้ แม้โอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว หากยังมิได้แบ่งมรดก
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้น ยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตาม ทีJพิพาทก็ยังเป็นทรัพย์ในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้ โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับกองมรดกก่อนแบ่งมรดก: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ในกองมรดก แม้จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ทายาทแล้ว
ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องให้โจทก์ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาผู้รับมรดก บ. โดยทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาต้องรับผิดร่วมด้วย แต่ขณะโจทก์ฟ้องจำเลยนั้นยังไม่ได้แบ่งมรดกกันระหว่างทายาท โฉนดยังเป็นชื่อของ บ. เจ้ามรดกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องเพิ่งโอนรับมรดกในขณะคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ที่ดินพิพาทโอนใส่ชื่อผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนนายแบนเจ้ามรดกก็ตามที่พิพาทก็ยังเป็นทรัพยในกองมรดกของ บ. ซึ่งยังมิได้แบ่งอยู่นั่นเอง โจทก์จึงชอบที่จะยึดที่ดินพิพาทมาบังคับคดีได้โดยไม่ต้องฟ้องทายาทผู้รับมรดกคนอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายความในคดีร้องขัดทรัพย์: โจทก์ไม่ต้องแต่งตั้งซ้ำหากมีทนายความในคดีหลัก
การพิจารณาในชั้นร้องขัดทรัพย์ เป็นการพิจารณาในเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้แต่งตั้งทนายความไว้ในเรื่องนั้นแล้ว ในชั้นร้องขัดทรัพย์โจทก์จึงไม่ต้องแต่งตั้งทนายความซ้ำอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายความในชั้นร้องขัดทรัพย์: ไม่ต้องซ้ำหากมีทนายความในคดีหลัก
การพิจารณาในชั้นร้องขัดทรัพย์ เป็นการพิจารณาในเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้แต่งตั้งทนายความไว้ในเรื่องนั้นแล้ว ในชั้นร้องขัดทรัพย์โจทก์จึงไม่ต้องแต่งตั้งทนายความซ้ำอีก