คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 288

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 813 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกทรัพย์สินให้บุตรโดยพินัยกรรมหลังแบ่งมรดกแล้ว พินัยกรรมสมบูรณ์มีผลผูกพัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ตายได้แบ่งที่พิพาท 2 แปลงให้บุตรทุกคนเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่ไว้ทำกิน 2 แห่ง พินัยกรรมของผู้ตายที่ยกที่กันไว้ทำกินให้จำเลยนั้น เห็นว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ไม่สมบูรณ์ จึงให้แบ่งที่ที่กันไว้นั้นแก่บุตรทั้ง 6 คน ให้โจทก์จำเลยได้คนละ 1 ส่วน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พินัยกรรมที่ผู้ตายทำไว้ใช้ได้โดยชอบ พิพากษาแก้ให้ที่ที่ผู้ตายกันไว้ทำกินทั้งหมดเป็นของจำเลย ถือว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นมาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379-380/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์โดยสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ แม้ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ก็ยังเพิกถอนได้
การโอนขายทรัพย์โดยสมยอมกันอันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้น แม้ศาลจะได้พิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้โอนทรัพย์แก่บุคคลอื่นแล้วก็ตาม เจ้าหนี้ก็มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนการโอนโดยไม่สุจริตนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์สินสมรส/สินเดิม และขอบเขตความรับผิดในหนี้สินของสามีภรรยา
การร้องขัดทรัพย์โดยกล่าวรวมๆ ว่าทรัพย์ที่ถูกยึดเป็นสินบริคณห์นั้นจึงอาจเป็นสินสมรสซึ่งจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย จึงขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดไม่ได้(ตามฎีกาที่ 928/2503) แต่ถ้าผู้ร้อง (ภรรยา)ร้องขัดทรัพย์ว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของผู้ร้องและมิใช่หนี้ร่วมมีฎีกาที่ 1250/2493 ว่า หนี้สินซึ่งจำเลยผู้เป็นสามีก่อขึ้นในระหว่างเป็นสามีภรรยากันเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว ภรรยาไม่ต้องรับผิดร่วมด้วยเว้นแต่จะเป็นหนี้ร่วมดังนี้ เมื่อคู่ความยังโต้เถียงกันอยู่ว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินเดิมของฝ่ายใด และหนี้เป็นหนี้ร่วมหรือไม่เช่นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยึดทรัพย์สินสมรสชำระหนี้ได้ แม้ไม่ฟ้องภริยาเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยึดทรัพย์อันเป็นสินสมรสของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษามาขายใช้หนี้ตามคำพิพากษาได้ โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องภริยาของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นจำเลยให้ร่วมรับผิดในหนี้รายนั้นก่อน เพราะเป็นการยึดทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินสมรสเพื่อชำระหนี้: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้โดยไม่ต้องฟ้องภริยา
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะยึดทรัพย์อันเป็นสินสมรสของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษามาขายใช้หนี้ตามคำพิพากษาได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องภริยาของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นจำเลยให้ร่วมรับผิดในหนี้รายนั้นก่อน เพราะเป็นการยึดทรัพย์ของจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยตรง
(อ้างฎีกาที่ 926/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วม สินสมรส และการบังคับคดี: การยึดทรัพย์สินเดิมที่เปลี่ยนสภาพเป็นสินสมรส
กรณีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นเมื่อฟังว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ภรรยาก่อขึ้นเป็นหนี้ร่วมแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจะอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดนั้นเป็นสินเดิมและขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนั้น ย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ร่วมสินสมรส: เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์สินเดิมที่นำมาใช้หนี้ แม้ผู้ร้องไม่ได้ยินยอม
กรณีร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดนั้น เมื่อฟังว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ภรรยาก่อขึ้นเป็นหนี้ร่วมแล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีจะอ้างว่าทรัพย์ที่ยึดนั้นเป็นสินเดิมและขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนั้น ย่อมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775-776/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อนุญาตขยายเวลา ยื่นฎีกา เหตุสุดวิสัยไม่ครอบคลุมละเลยหน้าที่ และจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องคัดค้านการยึดทรัพย์
เมื่อเลยกำหนดเวลายื่นฎีกาแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งยืดเวลาให้จำเลยมีโอกาสยื่นฎีกา โดยอ้างว่าทนายจำเลยมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แทน ผู้รับมอบฉันทะนั้นฟังแล้วมิได้แจ้งผลของคำพิพากษาให้ทนายทราบเพราะความเจ็บป่วยพลั้งเผลอหลงลืมทนายจำเลยจึงไม่ทราบผลคำพิพากษา ส่วนจำเลยเองไปต่างจังหวัดและล้มป่วย เพิ่งทุเลาและมาพบกับทนายหลังวันครบกำหนดยื่นฎีกาแล้วพากันไปสืบที่ศาล จึงทราบว่าได้อ่านคำพิพากษาไปจนเลยกำหนดเวลายื่นฎีกาเสียแล้ว ดังนี้ เหตุเท่าที่อ้างนั้นมิใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยอันจะมีคำขอภายหลังสิ้นกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ และไม่พึงถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาด้วยศาลย่อมสั่งยกคำร้องได้โดยมิต้องไต่สวนก่อน
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด แม้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะรู้ว่าทรัพย์นั้นไม่ใช่ของตน ลูกหนี้ก็ไม่มีหน้าที่ต้องคัดค้านหรือโต้แย้งการนำยึดนั้น ทั้งไม่มีหน้าที่ต้องบอกกล่าวให้เจ้าของทรัพย์นั้นทราบด้วย และเมื่อลูกหนี้นั้นไม่ได้ร่วมกับเจ้าหนี้กระทำการยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดด้วยประการใด ก็จะฟังว่าได้ร่วมกระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ไม่ได้แม้เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นถูกนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้และลูกหนี้ก็ยอมรับเอาประโยชน์นั้นด้วย ก็จะถือเป็นเหตุว่าลูกหนี้นั้นได้ร่วมกับเจ้าหนี้กระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ไม่ได้อยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินบริคณห์: การบังคับยึดทรัพย์สินเดิมของภริยาเพื่อชำระหนี้สามีที่มิใช่หนี้ร่วม
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นภริยาของจำเลยมาตั้งแต่ก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 หนี้ที่จำเลยหรือผู้ร้องก่อขึ้นเป็นส่วนตัวฝ่ายเดียวก็ไม่อาจเอาใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของอีกฝ่ายหนึ่งได้(ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1479) จะเอาใช้จากสินบริคณห์ของทั้งสองฝ่ายได้ก็ต่อเมื่อเป็นหนี้ที่ต้องรับผิดร่วมกัน (มาตรา 1480)
จะถือว่าเป็นสินบริคณห์แล้ว เจ้าหนี้ของจำเลยจะนำยึดเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ได้เสมอไปหาได้ไม่ ถ้าเป็นสินเดิมของผู้ร้องแล้วโจทก์จะนำยึดมาขายทอดตลาดได้ต่อเมื่อหนี้ตามคำพิพากษานั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482
จำเลยกับผู้ร้องขัดทรัพย์เกิดแตกร้าวกันอย่างรุนแรงจนแยกกันต่างคนต่างอยู่กันมาหลายปีแล้ว แยกกันแล้วผู้ร้องได้สามีใหม่โดยจดทะเบียนสมรส จำเลยได้ฟ้องเพิกถอนการสมรสนั้นและในระหว่างนั้นผู้ร้องได้โอนขายที่พิพาทซึ่งเป็นสินเดิมของผู้ร้องให้แก่ผู้อื่นจำเลยก็จ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่จำเลยแต่ฝ่ายเดียว เพราะจำเลยพยายามอ้างและหวังอยู่ว่าที่พิพาทนี้เป็นสินสมรสซึ่งจำเลยอาจมีส่วนแบ่งด้วย นอกจากนี้จำเลยกับผู้ร้องยังเป็นความฟ้องร้องกันเรื่องอื่นอีก ดังนี้ ค่าจ้างโจทก์ว่าความคดีขอเพิกถอนการโอนนั้น กับเงินที่จำเลยกู้โจทก์มาใช้จ่ายในการเป็นความกับผู้ร้องย่อมไม่มีลักษณะเป็นหนี้ร่วมตามมาตรา 1482
หนี้ที่เกี่ยวข้องกับสินบริคณห์ตามความหมายในมาตรา 1482(2) หมายถึงหนี้ที่เกี่ยวพันอยู่กับตัวทรัพย์ที่เป็นสินบริคณห์นั้นเอง เช่น ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตัวทรัพย์นั้นเป็นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ก่อนการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาด และร้องลักทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้องจึงปรากฎว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
of 82